สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 340 จับไข้
ซินเอ๋อร์พลางร้องไห้ พลางเอ่ยขึ้น จนแทบคุกเข่าขอร้องหมอ
เหลิ่งเม่ยเฉินด้านข้างเห็นท่าทางตระหนก เสียใจของซินเอ๋อร์ ในใจอึดอัดอย่างมาก ดังนั้นจึงพลันเดินเข้าไปประคองร่างโอนเอนของเธอไว้ พร้อมเอ่ยปลอบโยน
“ซินเอ๋อร์ อย่าเสียใจเลย เขาไม่เป็นไรแน่”
“ฮือๆ เซวียน”
เมื่อได้ยินคำพูดเหลิ่งเม่ยเฉิน ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาของซินเอ๋อร์จับจ้องที่เหลิ่งอวี้เซวียนที่ยังหมดสติ
เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เหตุใดอยู่ๆ เซวียนถึงบาดเจ็บสาหัส ใกล้ตายเช่นนี้
หากเขาตายไปจริงๆ ควรทำเช่นไรดี!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ร้อนรนดังไฟแผดเผา ปวดหนึบในใจ
หลังเห็นหมอจับชีพจรเหลิ่งอวี้เซวียนเสร็จ ซินเอ๋อร์รีบเอ่ยถามขึ้น
“ท่านหมอ เขาเป็นเช่นไร!”
เอ่ยจบ ใจของซินเอ๋อร์ตื่นกลัว เพราะเพียงวันเดียวที่ไม่เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนอาการดีขึ้น เธอคงไม่อาจสบายใจได้
ขณะซินเอ๋อร์ร้อนรนดุจไฟแผดเผา หมอชราได้ยินคำพูดของเธอ ถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนเอ่ยขึ้น
“เฮ้อ น่าชังยิ่งนัก ผู้ใดลงมือทำร้ายเขาหนักเช่นนี้กันแน่!”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้ เจ้าเพียงบอกมาว่าช่วยเขาได้หรือไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอชรา เหลิ่งเม่ยเฉินเอ่ยอย่างเย็นชา
หมอชราได้ยิน เอ่ยความจริงออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ไม่ใช่ช่วยไม่ได้ ทว่าคุณชายผู้นี้บนกายมีบาดแผลถูกฟันมากมาย แต่สิ่งที่สาหัสที่สุดคือดวงตาของเขา”
“อะไรนะ ดวงตาของเซวียนเป็นอันใดหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอชรา ใจของซินเอ๋อร์เต้นระรัว
หมอชราได้ยินจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า
“คุณชายผู้นี้ ดวงตาถูกพิษ พิษนี้หมอชราเช่นข้ารักษาไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นเพียงตำบลเล็กๆ พวกตัวยาต่างๆ จึงไม่ได้ครบครัน หากต้องการรักษาดวงตาของเขาให้หายดี ยากยิ่งนัก!”
“ความหมายของท่านคือ เซวียนเขาอาจตาบอดหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดหมอชรา ซินเอ๋อร์พลันตกตะลึง
ความเจ็บปวดทะลักขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว
เซวียนเขาคือคนที่หยิ่งยโส วรยุทธ์สูงส่งขนาดนั้น หากเขาตาบอดจริง เขาจะรับได้เช่นไร
พอคิดถึงตรงนี้ น้ำตาของซินเอ๋อร์ไหลรินลงมาอีกครั้ง
เหลิ่งเม่ยเฉินด้านข้างเห็นเช่นนั้น พลันเอ่ยปลอบโยนขึ้น
“อย่าร้องไห้เลย อย่างน้อยเขาไม่เสียชีวิต”
“ฮือๆ เซวียน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์ยิ่งเสียใจ และเมื่อเห็นซินเอ๋อร์กลายเป็นคนเจ้าน้ำตา หมอชราด้านข้างกลับเอ่ยขึ้นว่า
“ความจริงดวงตาของเขา ไม่ใช่รักษาไม่หาย เพียงต้องไปที่เมืองหลวง เพราะเมืองหลวงมีหมอมากมายที่วิชาแพทย์สูงส่ง และยาดีกว่าตำบลเล็กๆ แห่งนี้ ดังนั้นหากพวกท่านพาเขาไปรักษาที่เมื องหลวง ดวงตาของเขาอาจจะรักษาให้หายดีได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหมอชรา ซินเอ๋อร์ที่ร้องไห้อย่างหนัก พลันเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นดีใจ
“จริงหรือ!”
“อืม ตอนนี้ข้าจะทำความสะอาดตาให้เขา และทำแผลบนกายให้เขาก่อน พวกท่านนำยาเหล่านี้ไปต้มเถิด!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ หมอชรายื่นถุงยามาที่หน้าซินเอ๋อร์ ทว่าซินเอ๋อร์ยังไม่ได้รับไป เหลิ่งเม่ยเฉินที่อยู่ด้านข้างพลันยื่นมือรับไป ก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้าจะไปต้มยา เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลเขาเถิด”
“ขอบคุณ พี่เหลิ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์พลันเงยหน้าเอ่ยกับเขาอย่างซาบซึ้ง
เหลิ่งเม่ยเฉินได้ยิน เพียงพยักหน้า ก่อนถือยาเดินออกไป
เวลานี้สายตาของซินเอ๋อร์ กลับมาจ้องเหลิ่งอวี้เซวียนบนเตียงอีกครั้ง
มองหมอชราใส่ยาและพันแผลบนกาย พร้อมล้างตาให้เขาอย่างชำนาญ
หลังวุ่นอยู่ราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหมอชราจัดการบาดแผลทั้งหมดเสร็จ
และทันใดนั้น เหลิ่งเม่ยเฉินก็ยกยาต้มเข้ามา
หมอชราเห็นเช่นนั้น พลันเอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าป้อนยานี้ให้กับเขาก่อนเถิด เพราะคืนนี้เขาต้องไข้ขึ้นแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าต้องป้อนยาพวกนี้ให้แก่เขา หลังเขาดื่มยาและผ่านคืนนี้ไป พรุ่งนี้เขาอาจจะได้ส สติ ส่วนแผลบนร่างกาย ข้าจะมาเปลี่ยนยาให้ทุกวัน เหลือเพียงดวงตาที่ยากเกินกว่าที่ข้าจะรักษาได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอชรา ซินเอ๋อร์รีบเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณท่านหมอ ข้าจะไปส่งท่าน!”
“ข้าไปเอง เจ้าป้อนยาเขาเถิด”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์พลันพยักหน้า หลังรับถ้วยยาในมือเหลิ่งเม่ยเฉินมา รีบนั่งลงที่ข้างเตียง จากนั้นป้อนยาให้แก่เหลิ่งอวี้เซวียน
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนหมดสติ จะป้อนยาเข้าไปได้เช่นไร
ซินเอ๋อร์ร้อนรนจนร้องไห้
“เซวียน ขอร้องท่านละ รีบดื่มยาเถิด เซวียน!”
ซินเอ๋อร์สะอึกสะอื้น ก่อนมองใบหน้าซีดขาวของเขาอย่างปวดใจ
สุดท้ายเธอมองถ้วยยาในมือ และมองริมฝีปากเม้มแน่นของเหลิ่งอวี้เซวียน ดวงตาเปื้อนตานั้นเป็นประกายชั่วขณะ ดูท่าคงมีเพียงวิธีนี้ที่จะป้อนยาเซวียนได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เม้มปากแน่น ทันใดนั้น ดื่มยาในถ้วยเข้าไป ก่อนยื่นมือง้างปากเหลิ่งอวี้เซวียนออก จากนั้นค่อยๆ ป้อนยาเข้าไปปากเขา
อาจเพราะรู้สึกถึงน้ำอุ่นภายในปาก ชายหนุ่มจึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ และดื่มยาเข้าไปในที่สุด
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกดีใจ
“ฮ่า ๆ เซวียน ท่านเชื่อฟังที่สุด ในที่สุดดื่มยาเข้าไปแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณท่าน”
ซินเอ๋อร์เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนในที่สุดดื่มยาเข้าไป ใบหน้าเล็กเผยความปลื้มใจออกมา พลันยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไป เช็ดหยดยาที่มุมปากของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
ท่าทางของซินเอ๋อร์เวลานี้ อ่อนโยน ใส่ใจ และจริงจังอย่างยิ่ง สายตาที่มองชายหนุ่มแฝงด้วยความกังวลและรักที่ไม่เสื่อมคลาย ทำให้คนมองก็รู้ว่าเธอรักชายตรงหน้านี้มากเพียงใด
เวลานี้ในสายตาของเธอมีเพียงชายตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงย่อมไม่รับรู้ว่าร่างสูงโปร่งร่างหนึ่ง กำลังยืนมองอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ และดวงตาแคบยาวคู่นั้นมองเธออย่างสับสน
…
ซินเอ๋อร์ดูแลเหลิ่งอวี้เซวียนที่หมดสติอยู่นาน และทานอาหารไม่ลง อีกทั้งยังไม่ยอมออกห่างจากข้างเตียง
เหลิ่งเม่ยเฉินทนมองไม่ได้ จึงถือบะหมี่เพิ่งปรุงเสร็จชามหนึ่งส่งให้เธอพลางเอ่ยว่า
“แม้เจ้าจะไม่อยากกิน แต่เด็กในท้องต้องการ หรือเจ้าคิดปล่อยให้ลูกตนเองหิวโหย!”
คำพูดนี้ของเหลิ่งเม่ยเฉิน พลันทำให้ซินเอ๋อร์ได้สติ
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงรีบรับชามบะหมี่มาทานคำโต ไม่นานทานบะหมี่ในชามจนหมดเกลี้ยง
ทันใดนั้น พลันกุมมือชายบนเตียงขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนและดีใจ
“เซวียน ท่านรีบฟื้นขึ้นมาเถิด ท่านรู้หรือไม่ พวกเรามีลูกกันแล้ว นี่คือบุตรของพวกเรา ดังนั้นท่านต้องฟื้นขึ้นมา รู้หรือไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูดลึกซึ้งที่ซินเอ๋อร์เอ่ยกับชายบนเตียงไม่หยุด เหลิ่งเม่ยเฉินยืนอยู่ด้านหลังฟังอย่างไม่พอใจ
ใบหน้าเย็นชานั้น มีสีหน้าเยือกเย็น
ทว่าซินเอ๋อร์สนใจคนบนเตียงตลอดเวลา จึงย่อมไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้
เพราะเวลานี้ในสายตาของเธอ มีเพียงชายตรงหน้านี้เท่านั้น
แยกจากกันไม่ถึงหนึ่งเดือน เธอจึงพบว่าเธอคิดถึงชายผู้นี้มากกว่าที่คาดคิดไว้เสียอีก
เมื่อเห็นเขากลายเป็นเช่นนี้ เธอจึงรู้สึกว่าบาดแผลเหล่านี้ต่างอยู่บนกายของตน
เมื่อกุมมือชายหนุ่ม น้ำตาของซินเอ๋อร์คล้ายน้ำท่วมไหลทะลักอย่างไม่รู้จบ
ภาวนาในใจไม่หยุด
พระพุทธองค์ ได้โปรดช่วยคุ้มครองชายผู้นี้ด้วยเถิด เพียงเขาแข็งแรงกลับมาเป็นปกติ และฟื้นขึ้นมา เธอยินยอมอายุขัยสั้นไปสิบปี
…
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว กลางคืนเข้ามาเยือน
เป็นดังเช่นที่หมอชราเอ่ยในตอนกลางวัน ตกกลางคืนเหลิ่งอวี้เซวียนไข้ขึ้นสูงจริงๆ
ซินเอ๋อร์จึงป้อนยาให้เขาอีกครั้ง ทว่าไข้ของเขายังคงไม่ลดลง
และยังเอ่ยอย่างไม่ได้สติตลอดเวลาว่า ‘หนาว’
ซินเอ๋อร์ได้ยิน พลันนำผ้าห่มทั้งหมดห่อคลุมกายเขาไว้ ภายในห้องวางเตาไฟขนาดใหญ่
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ซินเอ๋อร์ที่น่าสงสารคอยดูแลเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน ตอนนี้จึงร้อนจนเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
ทว่าเวลานี้ เธอยังบิดผ้าขนหนูชุบน้ำไม่หยุด เพื่อเช็ดตัวลดไข้ให้กับเหลิ่งอวี้เซวียน
เหลิ่งเม่ยเฉินเห็นซินเอ๋อร์วุ่นมาทั้งวัน เหนื่อยจนมีสีหน้าห่อเหี่ยวใจ จึงทนมองต่อไปไม่ได้
“เจ้าวุ่นมาทั้งวันแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด ที่นี่ยังมีข้าอยู่อีกคน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์กลับพลันส่ายหน้า ก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่ ข้าไม่เหนื่อย และเซวียนกำลังไข้ขึ้น ข้าจะกลับไปพักผ่อนอย่างวางใจได้เช่นไร!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
เห็นเพียงชายบนเตียง เวลานี้หน้าแดงก่ำ อุณหภูมิร่างกาย สูงอย่างมาก แต่เขายังร้องว่าหนาวไม่หยุด
และสั่นเทิ้มไปทั่วกาย เมื่อเห็นท่าทางทรมานของเขา เธอก็ทรมานในใจตามไปด้วย
หากเป็นไปได้ เธออยากแบ่งเบาความเจ็บปวดของเขาลง
นอกจากนี้หมอชรายังเอ่ยอีกว่าเพียงเซวียนสามารถผ่านคืนนี้ไปได้ พรุ่งนี้อาจจะได้สติขึ้นมา
ดังนั้น เธอต้องอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา และคอยดูแลเขาไม่ห่าง
เพียงไข้เขาไม่ลดลง เธอก็ไร้หนทางที่จะพักอย่างสบายใจได้
เหลิ่งเม่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นซินเอ๋อร์ดื้อดึงเช่นนี้ และโน้มน้าวเธอไม่สำเร็จ ดังนั้นเพียงอยู่ภายในห้องต่อไป เพราะกลัวจะเกิดเรื่องกับซินเอ๋อร์
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์วิ่งวุ่นไม่หยุด แม้จะเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดูแลชายบนเตียงผู้นั้นไม่หยุดหย่อน อย่างหนักแน่นและดื้อรั้นเช่นนั้น
เพียงเห็นถึงตรงนี้ ใจของเหลิ่งเม่ยเฉินอดพรั่งพรูความอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
เขาอิจฉาชายบนเตียงผู้นั้นอย่างยิ่ง เพราะได้รับความรักจากหญิงสาวที่แสนดีเช่นนี้
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้โชคดีเช่นนี้
หากต่อไปสักวันหนึ่งเขาได้รับความรัก และดูแลอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจากหญิงผู้นี้ คงดีไม่น้อย
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เหลิ่งเม่ยเฉินมองซินเอ๋อร์ปรากฎประกายความสับสนออกมา
น่าเสียดายที่ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความในใจของเหลิ่งเม่ยเฉิน
เพราะบิดผ้าขนหนูเย็นในมือไม่หยุด ก่อนเปลี่ยนน้ำเย็นกาละมังแล้วกาละมังเล่า
โชคดีหลังเที่ยงคืน ไข้ของเหลิ่งอวี้เซวียนลดลงในที่สุด
หลังรับรู้ถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ที่กังวลมาทั้งวันทั้งคืน ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่าไม่รู้เพราะกังวลมาทั้งวันหรือไม่ หลังซินเอ๋อร์โล่งใจ จู่ๆ ด้านหน้ากลับมืดมนลง และร่างกายอ่อนยวบล้มลงบนพื้น