สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 58 จัดการชายสมองหมู + ตอนที่ 59 จัดการชายสมองหมู (2)
- Home
- สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!
- ตอนที่ 58 จัดการชายสมองหมู + ตอนที่ 59 จัดการชายสมองหมู (2)
ตอนที่ 58 จัดการชายสมองหมู
ขณะที่เล่อเหยาเยากำลังชมทิวทัศน์ด้านนอกอย่างเพลิดเพลิน อาหารที่สั่งถูกลำเลียงขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เล่อเหยาเหยาที่หิวมาทั้งวันจึงไม่รีรอ หยิบตะเกียบขึ้นมาลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับเสี่ยวมู่จื่อ
เมื่อเทียบกับอาหารมื้อเช้านี้ที่แทบไม่เรียกว่าอาหารนั้น อาหารมื้อดีสำหรับเล่อเหยาเหยาถือว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกก็ว่าได้!
อาหารมื้อนี้เล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อกินอย่างตะกละตะกลาม ไม่นานอาหารสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างบนโต๊ะทั้งหมด เข้าไปอยู่ในท้องของทั้งสองคนจนหมดเกลี้ยง
เล่อเหยาเหยาลูบท้องที่กลมนูนพลางเรอออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ ท่าทางนั้นคล้ายกับลูกแมวน้อยแสนน่ารักที่กินจนอิ่มหนำ
เสี่ยวมู่จื่อที่นั่งตรงข้ามเธอก็เช่นกัน เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี มีเพียงปีใหม่ถึงจะได้กินของดี ดังนั้นอาหารเมื่อครู่เขาจึงพึงพอใจอย่างมากเช่นกัน
เมื่อกินเสร็จทั้งสองคนจึงนั่งดื่มน้ำชาขณะนั่งพัก เสร็จแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อกลับตำหนักอ๋อง
คาดไม่ถึงว่าขณะนั้นกลับมีเสียงวุ่นวายดังเข้ามาจากด้านนอก
เล่อเหยาที่สงสัยจึงหันมองไปยังที่มาของความวุ่นวาย
เวลานี้เห็นเพียงมีรถม้าที่หรูหราคันหนึ่งวิ่งมาอย่าวรวดเร็วอยู่บนถนน ผ่านไปที่ไหนผู้คนล้วนหลบทางกันอุตลุด ตามมาด้วยเสียงด่าทอสาปแช่ง เหตุการณ์นี้ดูแล้วคุ้นตาอย่างยิ่ง
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังสงสัยในใจ พลันได้ยินเสี่ยวมู่จื่อที่อยู่ตรงข้ามตะโกน ‘อา’ ขึ้นมา คล้ายนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนเอ่ยอย่างตกใจว่า
“เสี่ยวเหยาจื่อ รถม้าคันนี้ข้าจำได้ นี่ไม่ใช่รถม้าที่เกือบจะชนเจ้าเมื่อครู่หรอกหรือ!?”
“เสี่ยวมู่จื่อ เจ้ามั่นใจหรือไม่!?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาจึงเลิกคิ้วเอ่ยถาม
เสี่ยวมู่จื่อพยักหน้าด้วยสีหน้ามั่นใจ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
“อือ ข้าแน่ใจ แม้ตอนที่รถม้าคันนี้เกือบจะชนเจ้าข้าจะตกใจ ทว่ารถม้าคันนี้หรูหราเกินไป อีกทั้งคนบังคับรถยังทำเกินไป หน้าตาราวผีปีศาจ ผู้ใดล้วนจำได้ไม่ลืม!”
เมื่อเสี่ยวมู่จื่อนึกย้อนไปถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ตอนนั้นในใจยังคงหวาดกลัว โชคดีที่ต่อมาเสี่ยวเหยาจื่อไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเขาไม่รู้ควรจะทำเช่นไรเช่นกัน
หลังเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ จึงลูบที่คางอย่างช้าๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง หรี่ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นลงเล็กน้อย
คนที่คุ้นเคยกับนิสัยของเธอล้วนทราบดีว่าทุกครั้งที่เล่อเหยาเหยาแสดงอารมณ์เช่นนี้ หมายถึงต้องมีใครบางคนโชคร้ายเป็นแน่!
“เสี่ยวเหยาจื่อ เราจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ? หากถูกคนเจอเข้าละก็…”
“เสี่ยวมู่จื่อ เรื่องนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้ เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด ผู้ใดจะรู้เล่า?”
“แต่เสี่ยวเหยาจื่อ ข้ากลัวว่า…”
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน!ต่อไปข้าทำอะไร เจ้าก็ทำตามข้าก็พอ!”
“แต่ข้ายังกลัวอยู่ดี…”
“อั๊ย เชื่อฟังข้าหน่อยได้ไหมเสี่ยวมู่จื่อ ทุกอย่างล้วนต้องมีครั้งแรกเสมอ ข้ายังต้องออกแรงอีกมาก หลังจัดการเรื่องนั้นเสร็จ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก จึงไม่มีผู้ใดรู้แน่”
“อืม เช่นนั้นข้าจะเชื่อฟังเจ้า”
ด้านในตรอกเล็กๆ ที่ไร้ผู้คน เห็นเพียงเสี่ยวเหยาจื่อและเสี่ยวมู่จื่อกำลังซ่อนตัวอยู่หลังตะกร้า สายตาของทั้งสองคนล้วนจับจ้องไปที่ประตูทางเข้าด้านหน้า
ที่นี่เป็นด้านหลังของหอรื่นรมย์ และเป็นห้องน้ำของหอรื่นรมย์อีกด้วย
เมื่อครู่หลังเสี่ยวมู่จื่อมั่นใจว่ารถม้าคันนั้นเป็นคันเดียวกันกับที่เกือบจะชนเธอ เล่อเหยาเหยาจึงวางแผนในใจ
พอดีกับที่รถม้าที่หยิ่งผยองคันนั้นหยุดลงที่หน้าประตูของหอรื่นรมย์ จากนั้นชายหนุ่มที่ใบหน้าดุร้าย ดวงตาบวมเป่ง ที่มองก็รู้ว่ามัวเมาในคาวโลกีย์เกินไปจนทำให้ไตทำงานผิดปกติ
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 59 จัดการชายสมองหมู (2)
เห็นชายผู้นั้นใส่ทองประดับเงิน คล้ายกลัวผู้อื่นไม่รู้ว่าตนมั่งคั่ง นิ้วทั้งสิบนิ้วมีเกิ้วที่สวมแหวนทองหรือพวกอัญมณีต่างๆ
บนคอสวมสายโซ่สีทองขนาดเท่านิ้วมือเส้นหนึ่ง การแต่งตัวดูไร้รสนิยมสุดขีดไปทั้งตัว เพียงเห็นเขายืนใต้แสงอาทิตย์พลันการเป็นจุดสนใจ ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง
เหมือนหมูทองคำเรืองแสงวิบวับ!
น่าแปลกที่เขายังกล้ายืนอยู่บนถนนที่คึกคักไปด้วยผู้คน โดยไม่กลัวจะถูกคนขโมย!
ต่อมาภายหลังเล่อเหยาเหยายังรู้จากปากของแขกที่นั่งโต๊ะด้านข้างว่าแท้จริงแล้วตาหมูอ้วนสีทองวิบวับ คือคุณชายใหญ่ซื่อเฉิง บุตรของรองเสนาบดีกรมพิธีการ! ทุกคนต่างเรียกเขาว่าคุณชายซื่อ!
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เล่อเหยาเหยาแทบจะหัวเราะออกมา
ซื่อ? (ออกเสียงเดียวกับคำว่าอุจจาระในภาษาจีน)
อืม เหมาะกับชายงี่เง่าผู้นี้จริงๆ !
จากนั้นคุณชายซื่อพาคนขับรถม้าที่หน้าตาราวปีศาจของตน โบกพัดเลี่ยมทองไปมาด้วยท่าทีที่ไม่ธรรมดาเดินกร่างเข้าไปในโรงเตี๊ยม
เดิมทีเล่อเหยาเหยารังเกียจคุณชายซื่อผู้นี้อย่างมาก ภายหลังเมื่อเห็นคุณชายซื่อเดินเข้ามาในโรงเตี้ยม ไม่เพียงอาศัยว่าบิดาของตนร่ำรวย อีกทั้งบนใบหน้ายังมีคำว่า ‘บิดาข้าคือหลี่กัง’ แปะอยู่เจตนามากินฟรี แถมยังลวนลามหญิงสาวที่ขายดอกไม้อีกด้วย เมื่อเห็นภาพนั้นเข้าเล่อเหยาเหยาจึงเดือดดาลขึ้น
แม้ทุกคนจะไม่ชอบการกระทำของชายหนุ่มรุ่นที่สองนี้ คิดอยากเป็นผู้กล้าเข้าช่วยหญิงงาม ทว่าจนใจเพราะข้างกายคุณชายซื่อมีชายชาตรีหน้าตาราวปีศาจอารักขาอยู่ ยังมีบิดาที่เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักหนุนหลัง ดังนั้นทุกคนจึงเพียงโมโหเดือดดาลทว่าไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะไม่ได้มีต้นทุนเช่นนั้น สุดท้ายความกล้าหาญกลายเป็นเพียงความขี้ขลาด
แน่นอนว่าแม้เล่อเหยาเหยาจะทนดูต่อไปไม่ได้ แต่ทว่าก็ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม
ว่ากันจริงๆ แล้วเธอตอนนี้เธอมีแขนขาที่สั้น ต่อสู้ไม่ไหวก็ยังวิ่งหนีได้ หากออกหน้าไปตอนนี้ เธอต้องตายอย่างน่าสังเวชแน่
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงข่มความโกรธลง จากนั้นสังเกตอย่างละเอียดเห็นเพียงหลังจากคุณชายซื่อผู้นั้นนั่งลง ก็รินน้ำชาดื่มไม่หยุด
ดูจากวิธีในการดื่มชาของเขา ต้องเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน เธอจึงไม่เชื่อว่าชายชาตรีข้างกายเขาจะติดตามไปแม้แต่เวลาที่เข้าห้องน้ำ
ดังนั้นหลังจากจ่ายเงินค่าอาหาร เล่อเหยาเหยาจึงสอบถามเสี่ยวเอ้อถึงทิศทางของห้องน้ำ จากนั้นถึงหาถุงกระสอบมาหนึ่งถุง พร้อมกระบอกไม้ขนาดใหญ่ หมอบอยู่ด้านหลังตะกร้าพวกนั้นพร้อมกับเสี่ยวมู่จื่อ วางแผนว่าขณะที่คุณชายซื่อนั้นไปเข้าห้องน้ำ ครอบกระสอบลงที่ศีรษะของเขาแล้วจัดการสั่งสอนเขา!
เพราะถึงอย่างไรเล่อเหยาเหยาเกลียดพวกที่ทำตัวเป็นอันธพาลแสนหยิ่งยโสนั้นที่สุด ก่อนหน้านี้ตอนที่เรียนมัธยมต้นเธอเคยถูกเด็กอ้วนลูกคุณหนูรังแก ขณะนั้นเด็กอ้วนอาศัยที่บ้านตนร่ำรวยมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า
แต่เด็กอ้วนคนั้นไม่รู้ว่าที่จริงผู้อำนวยการโรงเรียนคือบิดาของเธอ ดังนั้นจึงคิดรังแกเธอ ใครจะรู้ว่าภายหลังกลับถูกเธอจัดการจนราบคาบ แถมฟันยังหักอีกสองซี่ด้วยซ้ำ
จากนั้นพ่อของเธอจึงสั่งสอนเธอต่อหน้าทุกคน ทว่าที่จริงลับหลังกลับชื่นชมว่าเธอทำได้เยี่ยมมาก
ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่หยิ่งยโสเช่นนี้ สมควรโดนสั่งสอน!
เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต เล่อเหยาเหยารู้สึกเลือดฉีดพล่านไปทั่วร่างกาย
และคุณชายซื่อผู้นี้หยิ่งยโสเสียกว่าเด็กอ้วนผู้นั้นเสีย ผู้จึงคนเกลียดชัง วันนี้ยังเกือบจะชนเธอ ถ้าวันนี้เธอไม่จัดการเขา คงรู้สึกละอายต่อสวรรค์แน่!
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อจึงถือกระสอบและกระบองหมอบรออยู่หลังตะกร้า รอไม่นานจนน้ำชาหมดกาชายอ้วนผู้นั้นจึงเดินออกมา
…………………………………………………………………..