สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 67.1 เลือดกำเดาไหล (1)
“นวดขึ้นมาอีกหน่อย!”
“เอ้อ”
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดว่า ท่านอ๋ององค์นี้ในที่สุดเห็นอกเห็นใจคนงาน ก่อนจะปล่อยเธอกลับไป กำลังซาบซึ้งในใจโดยไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาสะเทือนไปทั่วร่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ในใจอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา
หลอกลวง!
เขาคิดว่าเธอเป็นหุ่นยนต์จริงๆ หรือไร!? เธอเหนื่อย! ฮือๆ
แม้เล่อเหยาเหยาจะร้องอย่างเศร้าโศกในใจ แต่เธอกลับไม่กล้าเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ ออกมา เอาเถอะ ความจริงเธอกลัวตาย!
ดังนั้นเด็กสาวที่กลัวตาย จึงต้องทำตามคำพูดของพญายม มือเล็กนวดไปมาบริเวณน่องขาของชายหนุ่ม ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปบริเวณหัวเขา
“ไม่ใช่ เลื่อนขึ้นมาอีก”
คาดไม่ถึงว่าพญายมจะเอ่ยปากอีกครั้ง
จะโทษเขาไม่ได้ เพราะฝีมือการนวดของขันทีน้อยผู้นี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก รู้สึกสบายกว่าขันทีก่อนหน้านี้เสียอีก
นอกจากนี้พวกขันทีก่อนหน้านี้ตอนนวดให้เขา ร่างกายสั่นเทาราวเป็นลมชัก เมื่อมองจึงทำให้เขารู้สึกโมโห หาได้ยากที่จะพบฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่ปล่อยไปแน่นอน
ทว่าน่องขาเขาถูกนวดจนรู้สึกสบายแล้ว แต่ก็ไม่ควรนวดอยู่ที่เดิม
อันที่จริงปกติเขาทำงานยุ่งมาก ยุ่งทุกวันจนแทบไม่มีเวลาว่าง แม้จะฝึกวิทยายุทธ แต่บางครั้งปวดเมื่อยตามร่างกายยิ่งนัก
ยากที่จะมีขันทีน้อยฝีมือนวดยอดเยี่ยมเช่นนี้ ต่อไปต้องให้เขาช่วยนวดให้กับตนบ้างถึงจะดี!
ไม่รู้ความคิดในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของเขา จึงทำเพียงยื่นริมฝีปาก จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นไปเหนือหัวเข่าเล็กน้อยตามคำสั่งของเขา
ทว่านั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรท่านอ๋องผู้นี้ก็เปลือยไปทั้งตัว นกใหญ่ตัวนั้นสะดุดตาเช่นนี้ เมื่อครู่เธอหักห้ามความวุ่นวายในใจ ถึงควบคุมสายตาของตนไม่ให้มองมัน ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเจตนาหรืออย่างไรกันแน่ แม้เขาจะภูมิใจนกตัวใหญ่ของตน ทว่าควรกลัวเกรงสักนิดว่าเธอเป็นสาวน้อยแสนบริสุทธิ์ที่ไม่มีนก!
เล่อเหยาเหยาสับสนวุ่นวายในใจ ดวงตางดงามคู่นั้นแฝงด้วยควานเขินอาย จ้องไปที่หัวเข่าของชายหนุ่มโดยไม่กระพริบตา เพราะกลัวตนเองจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นนั้นเข้าอีกครั้ง
นอกจากนี้ในใจเน้นย้ำไม่หยุดว่า เธอคือกุลสตรี เธอคือกุลสตรี
แม้ในใจเล่อเหยาเหยาจะเน้นย้ำเรื่องนี้ แต่บางคนกลับราวปล่อยเธอไปไม่ได้ หลังรู้สึกว่ามือของเธอขยับขึ้นมาเพียงเล็กน้อย อดเอ่ยปากขึ้นอีกครั้งไม่ได้
“ขึ้นมาอีก!”
“เอ้อ”
เวลานี้เล่อเหยาเหยาอยากประท้วงและลาออกเสียจริง หลอกลวง! สังคมทาสที่ชั่วช้ายิ่งนักนี้ ไม่ดีเจ้านายที่ใจดีสักคน!
น่าเสียดาย เมื่อเธอใช้สายตาที่แฝงด้วยความโมโหจ้องยังใบหน้าที่เกียจคร้านเสพสุขของท่านอ๋อง เขาลืมตาขึ้นมาพอดี ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ โดยไม่มีพลังแห่งความโกรธและคุกคาม
“เป็นอะไรหรือ?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า แฝงความเกียจคร้านเจ็ดส่วน มีเสน่ห์สองส่วน น่าค้นหาหนึ่งส่วน ไพเราะและชวนน่าหลงใหล แต่กลับทำให้เล่อเหยาเหยาหวาดหวั่นในใจ
บนใบหน้างดงามเดิมทีที่มีความโกรธ เพราะประโยคเบาบางนี้พลันสลายไปเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจิดจ้าอย่างรวดเร็ว แววตาปรากฎการเอาอกเอาใจขึ้นมา การเปลี่ยนสีหน้านั้นรวดเร็วจนเปรียบได้กับฝีมืออันล้ำเลิศของซื่อฉวน!
“ไม่ ไม่มีขอรับ”
เธอจะพูดเช่นไรได้!? เธอคงไม่รักชีวิตถึงกล้าเอ่ยอะไรออกมา!
ดังนั้นหลังเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาไม่กล้าสบตากลับพญายมอีก เพราะกลัวท่านอ๋องจะมองความคิดในใจของเธอเธอออก
อันที่จริงแม้เวลานี้สายตาของท่านอ๋องจะงัวเงีย แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นคล้ายลืมตาเพียงข้างเดียวก็สามารถมองทะลุร่างกายเธอได้
ช่างเป็นสายตาที่กดดัน ทำให้คนหวาดกลัวเสียจริง
เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ทำงานนวดของตนต่อไป
แต่เพราะตำแหน่งที่มือจะนวดในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม สายตาเธอจึงอดเล็งไปที่นกใหญ่นั้นล็กน้อยไม่ได้
แม้เธอไม่อยาก แต่เธอควบคุมไม่ได้จริงๆ
ว่ากันจริงๆ แล้วนกตัวนี้ ช่า…ช่างชัดเจนเกินไปเสียจริง! ทำให้เธอเห็นแล้วรู้สึก…เฮอะๆ หยุดมองไม่ได้
เดิมทีโครงสร้างท่อนล่างของชายหนุ่มเป็นเช่นนี้ แม้ก่อนหน้านี้ตอนเรียนอาจารย์จะเคยสอนเรื่องโครงสร้างร่างกายของชายหญิง แต่ของจริงเช่นนี้ กลับเป็นครั้งแรกที่เธอเคยเห็น
แม้จะทำให้เธอเขินอายมาก แต่เล่อเหยาเหยาย้ำในใจไม่หยุดว่า เธอกำลังเรียนอยู่ เรียนรู้เข้าใจหรือไม่!
คิดซะว่ามันคือของปลอม ของปลอม ของปลอม…
เล่อเหยาเหยาสะกดจิตตนเอง ทว่าจู่ๆ นกใหญ่ตัวนั้นพลันพุ่งออกมา สั่นไหวเล็กน้อย เล่อเหยาเหยาจึงไร้หนทางที่จะหลอกตัวเองได้อีกครั้ง
เพราะ…บัดซบ จู่ๆ นกน้อยเปลี่ยนเป็นนกใหญ่! แถมยังเคลื่อนไหวอีกด้วย!
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาจึงตื่นเต้น ดวงตาแวววาวงดงามเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตกตะลึงทั่วใบหน้า แววตานั้นจ้องไปที่นกใหญ่ของชายหนุ่มอย่างไม่ปิดบังโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังตกใจอย่างเหลือเชื่อ ท่านอ๋องที่เดิมทีเสพสุขจากการนวดของเล่อเหยาเหยาอยู่บนพื้น กลับเริ่มไม่สงบนิ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ
อันที่จริงหากเป็นชายหนุ่มผู้อื่น ถูกคนใช้สายตาที่ร้องแรงเช่นนี้จ้องมองท่อนล่างอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าผู้ใดล้วนอึดอัด
แม้เดิมทีเขาเพราะภูมิใจกับรูปร่างของตน ดังนั้นจึงนอนเปลือยกายอย่างไร้สิ่งผูกมัด ก่อนจะให้ขันทีน้อยผู้นี้นวด
คิดไม่ถึงว่าขันทีน้อยนี้กลับกล้าใช้สายตาร้อนแรงเช่นนี้จ้องสิ่งนั้นของเขา แววตานั้นเป็นประกายวิบวับ บริเวณที่ถูกเธอมองจึงราวลุกไหม้จนเป็นเปลวไฟขึ้นมาอย่างช้าๆ
ตามมาด้วยเลือดทั่วร่างกายที่คล้ายเดือดพล่านขึ้นมา จากนั้นค่อยๆ ทะลักออกผ่านสิ่งนั้นไป
แม้เขาจะไม่ชื่นชอบสตรี แต่เขารู้มาตลอดว่าตนเป็นบุรุษที่ปกติ ปกติ!
แต่เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดตอนนี้สิ่งนั้นของเขาเมื่อถูกขันทีน้อยมองเช่นนี้ กลับ…
เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นมา!?
สำหรับเรื่องนี้ในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกใจไปไม่น้อยกว่าเล่อเหยาเหยา
สายตาที่มองยังเล่อเหยาเหยาจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง
ทว่าน่าเสียดายที่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนไม่รู้สึกตัวว่า เหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังมองตนด้วยสายตาที่ประหลาดใจ เพราะเธอถูกภาพแปลกตาตรงหน้าดึงดูดความสนใจเอาไว้
ใช่แล้ว มันคือสิ่งแปลกตา เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น เป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะตรงหน้า เป็นชายหนุ่มรูปงามที่หาตัวจับได้ยาก
สวรรค์คงเมตตาเขายิ่งนัก ไม่เพียงมอบสถานะที่ผู้คนอิจฉาริษยาเกลียดชังแก่เขา ยังมอบรูปร่างที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ให้เขา กระทั่งสิ่งนั้นยังสมบูรณ์จนคน…เอ้อ
ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร้อนรุ่มไปทั่งตัว ร่างกายราวอิ่มอกอิ่มใจ แก้มของข้างร้อนผ่าว จมูกพลันเจ็บปวดตามมา ราวมีบางอย่างทะลักออกมาจากด้านใน
เสียง ‘ติ๋ง’ ดังขึ้น เลือดกำเดาสีแดงสดไหลหยดลงบนขาสีน้ำตาลอันแข็งแรงของพญายม ราวหยดดอกเหมยแดงที่สวยสดงดงาม
ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า
“เอ้อ”
“…”
เมื่อจู่ๆ เห็นภาพเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ต่างมีท่าทางเงอะงะ
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเกิดเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นในหัวราวกับถูกฟ้าผ่า
สวรรค์!
เธอๆ มองชายรูปงามจนเลือดกำเดาไหล
นอกจากนี้เลือดนั้น เวลานี้ยังไหลออกมาอย่างหนัก ทิ้งร่องรอยเอาไว้ไม่หยุด
สุดท้ายขาของพญายมไม่เพียงเปื้อนเลือดสีแดง ทว่าสิ่งนั้นของเขาเปื้อนเลือดกำเดาของเธอเช่นกัน
เล่อเหยาเหยาเวลานี้สับสนยิ่งนัก
นกใหญ่สีแดง…