สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 69.1 จับนกใหญ่ของพญายม (1)
เมื่อถูกเล่อเหยาเหยามองอย่างไม่เชื่อและประหลาดใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อึดอัดใจอย่างยิ่ง
ความจริงเมื่อครู่เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดตนจึงทำเช่นนี้
เมื่อเห็นเสี่ยวมู่จื่อยกถ้วยยาสีดำสนิทมาทางนี้ ตนจึงให้บ่าวรับใช้ไปนำน้ำผึ้งมาอย่างไม่คาดคิดมาก่อน เพราะกลัวขันทีน้อยด้านในนั้นจะดื่มยารสขมนี้ไม่ไหว
จริงดังคาด เขาคิดไม่มีผิด ขันทีน้อยผู้นี้กินยาขมไม่ได้จริง เห็นเขามีสีหน้าราวกับดื่มยาพิษ ตนจึงอยากหัวเราะออกมา และโชคดียิ่งที่ตนได้จัดเตรียมไว้
หลังขัทีน้อยกินน้ำผึ้งหมด ใบหน้าเด็กที่ดูขมขื่นผ่อนคลายลง ทว่าสายตาที่เขามองตนเวลานี้ กลับเปิดเปลือยความเหลือเชื่อและตกตะลึงออกมา ทำให้ตนรู้สึกเขินอายและอึดอัด
อันที่จริงเขาเคยชินกับการเย็นชาต่อหน้าผู้คนด้านนอก ไม่เคยทำเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน
ในสายตาของทุกคน เขาเป็นคนที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวนยิ่งกว่าพญายม
ราวกับเขาเป็นน้ำเหนือสัตว์ร้าย
นอกจากนี้สายตาที่มองเขา ไม่ต้องพูดว่าระแวดระวังเพียงใด
แต่เวลานี้ขันทีน้อยด้านล่าง ดวงตาเขาทั้งงดงาม สุกใส และแวววาวอย่างยิ่ง
คล้ายกับน้ำในบ่อที่ใสสะอาดจนเห็นก้นบึ้ง โปร่งใสบริสุทธิ์เช่นนี้
เขาคล้ายบ่อน้ำใสสะอาดเพียงบ่อเดียวบนโลกที่โสมมแห่งนี้ แดนสุขาวดีที่ไร้สิ่งสกปรกมลพิษ
ทำให้คนที่เห็นรู้สึกชื่นชอบและอิจฉา
อันที่จริงเกิดในราชวงศ์ คนอื่นล้วนพูดว่านั่นคือความโชคดีที่หาได้ยาก แต่เป็นความโชคดีหรือไม่ มีเพียงคนด้านในเท่านั้นที่รู้
ความจริงบ่อยครั้งเขากลับอิจฉาราษฎรธรรมดาเหล่านี้มากกว่า
ขณะที่เหลิ่งวิ้นอวี๋ถอนหายใจอยู่ พลันเห็นเล่อเหยาเหยาที่เดิมทีนอนอยู่บนเตียง เลิกผ้าห่มออกหมายจะลงจากเตียง
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้
“เจ้าคิดทำสิ่งใด?”
“เอ้อ คือ บ่าวขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยชีวิตบ่าวขอรับ ตอนนี้เมื่อบ่าวไข้ลดแล้ว ควรกลับไปพักที่ห้องของตนขอรับ”
เล่อเหยาเหยาก้มหน้าก้มตาเอ่ยพูด
อันที่จริงแม้เธอจะเข้ามาอยู่วังอ๋องได้ไม่นาน แต่ก็รู้เรื่องราวในวังอ๋องแห่งนี้ไม่น้อย
วังอ๋องมักสงบ โดยเฉพาะเรือนหย่าเฟิง นอกจากเหล่าองครักษ์ลับคนสำคัญของท่านอ๋อง คนอื่นล้วนไม่ได้รับอนุญาตเข้ามา
แม้การทำความสะอาดเรือนหย่าเฟิงปกติ ทุกคนต้องรอให้ท่านอ๋องเข้าวังหลวงไม่อยู่ที่ตำหนักถึงทำความสะอาดได้
เวลานี้ไข้เธอลดแล้ว ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ ให้เขาเอ่ยปากไม่สู้ตนเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปาก
คิดไม่ถึง หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา กลับเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเรียบ
“ต่อไป เจ้าพักอยู่ที่นี่เถอะ!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋น้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่คำพูดของเขาที่เล่อเหยาเหยาได้ยิน กลับราวเสียงฟ้าคำรน
“อะไรนะขอรับ!?”
หลังได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาคิดว่าตนฟังผิดไป
บนใบหน้าเรียวเล็กจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่แน่ใจ
อันที่จริงเมื่อครู่เธอคล้ายได้ยินพญายมเอ่ยให้เธออยู่พักที่นี่
แต่ นี้เป็นไปได้หรือ!?
ก่อนหน้านี้พญายมไม่เคยให้ผู้ใดพักที่นี่
เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ พญายมคล้ายกับสังเกตเห็นความลังเลในใจของเธอ ใบหน้างดงามขัดเขินขึ้น พลันเอ่ยเบาๆ ขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าไม่ได้ฟังผิด ต่อไปให้เจ้าย้ายมาพักที่นี่!”
พอนึกถึงห้องเรียบง่ายที่เล่อเหยาเหยาพักอยู่ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกไม่สบายยิ่งนัก
เขาไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงไม่ชอบที่เขาพักอยู่ในสถานที่ไม่ดีเช่นนั้น
อาจเพราะความบริสุทธิ์ที่ออกมาจากตัวเขา ที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจ!?
ปวดใจ!?
สวรรค์!
เขาเสียสติไปแล้วหรือ!?
ถึงรู้สึกปวดใจกับขันทีน้อยเพียงคนเดียว!?
จู่ๆ ในใจตนพลันผิดปกติขึ้นมา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ทว่าพอกวาดสายตา ก็ก้มลงมองเด็กน้อยตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้ง
ความจริงขันทีน้อยผู้นี้ ช่างน่ารักสดใส ทำให้คนชื่นชอบเสียจริง!
เขาจึงไม่ขบคิดความผิดปกติในใจอีกครั้ง และไม่รอให้เล่อเหยาเหยาเอ่ยปากอีกครั้ง เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันเดินออกไปจากห้อง กลับห้องพักของตนทันที
เมื่อประตูไม้ลายสลักที่ปิดลง เล่อเหยาเหยายังคงไม่ได้สติจากคำพูดเมื่อครู่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
สวรรค์!
ต่อไปเธอต้องอยู่ที่นี่หรือ!?
แม้ที่นี่จะต่างกับห้องพักเล็กของตนราวฟ้ากับดิน สิ่งของเครื่องใช้ล้วนดูมีค่ามากมาย แต่พอนึกได้ว่าพญายมพักอยู่ด้านข้างเธอ มีเพียงประตูลายสลักนี้กั้นไว้เท่านั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกสับสนยิ่งนัก
นี่คือโชคดี หรือเคราะห์กรรมกันแน่!?
…
ไม่ว่าในใจเล่อเหยาเหยาจะคิดเช่นไร เรื่องการที่เธอพักอยู่ในเรือนหย่าเฟิงกลายเป็นเรื่องจริง
วันที่สองหลังหัวหน้าขันทีลี่ทราบเรื่องนี้ ใบหน้าชรานั้นตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยชี้แนะกับเล่อเหยาเหยาอย่างจริงใจ
“ต่อไป เจ้าต้องปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี เข้าใจหรือไม่!?”
สำหรับคำพูดของหัวหน้าขันทีลี่ เล่อเหยาเหยาต้องตอบรับอยู่แล้ว ทว่าในใจกลับหดหู่อย่างยิ่ง
แม้การพักในเรือนหย่าเฟิง สภาพความเป็นอยู่จะค่อนข้างดี แต่ก่อนหน้านี้ที่เธอรับใช้ท่านอ๋อง มีเพียงช่วงอาหารเช้า และหลังท่านอ๋องกลับจากวังอาบน้ำเท่านั้น แต่ตอนนี้พักอยู่ข้างห้องท่านอ๋อง หากท่านอ๋องเรียกใช้ เธอต้องรีบปรากฎตัว นี่ช่างทำให้คนหดหู่ยิ่งนัก!
เพราะเมื่อคืนเล่อเหยาเหยาไข้ขึ้นสูง พญายมจึงไม่ให้เธอปรนนิบัติ เล่อเหยาเหยาจึงหลับ จนตื่นขึ้นในช่วงเที่ยง
หลังฟังคำแนะนำอย่างจริงใจของหัวหน้าขันทีลี่จบ เล่อเหยาเหยารีบไปที่โรงอาหาร
คิดไม่ถึง เมื่อเธอไปถึงโรงอาหาร โรงอาหารที่เดิมทีคึกคัก พลันเงียบกริบลงทันที
ทุกคนล้วนมองเธอด้วยสายตาตกตะลึง หลังมองจนเธอหนังศีรษะชาวาบ บรรยากาศกลับไปคึกคักเช่นเดิม
แม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่าทุกคนยังแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา
จากสายตาของทุกคน เล่อเหยาเหยารับรู้ความอิจฉาริษยา และสีหน้าต่างๆ มากมาย ทำให้เธอมองอย่างสงสัย
สุดท้ายหลังเห็นเสี่ยวมู่จื่ออยู่ไม่ไกล รีบยกอาหารของตนหย่อนก้นลงนั่งราวกับเด็ก ก่อนขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น
“เสี่ยวมู่จื่อ วันนี้เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ? ทำไมสายตาทุกคนที่มองตาจึงดูแปลกชอบกล!?”
หลังเล่อเหยาเหยาเอ่ยถามจบ เสี่ยวมู่จื่อใช้สายตาแปลกประหลาดมองเธอ ก่อนจะเอ่ยถามกลับว่า
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่?”
“เหลวไหล ถ้าข้ารู้จริง จะถามเจ้าทำไม!?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยามองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ เสี่ยวมู่จื่อยิ้มใสซื่อออกมา ก่อนจะช่วยคลายความสงสัยให้เล่อเหยาเหยา
“เสี่ยวเหยาจื่อ ก่อนอื่นยินดีกับเจ้าด้วย คิดไม่ถึงพวกเราเข้ามาทำงานที่วังพร้อมกัน เข้าถูกท่านอ๋องให้ความสำคัญเสียแล้ว เจ้าไม่รู้เรือนหย่าเฟิง นอกจากเหล่าองครักษ์ลับของท่านอ๋อง ผู้อื่นล้วนไม่มีคุณสมบัติพักหรือเข้าไปได้ ตอนนี้เมื่อท่านอ๋องให้เจ้าเข้าพัก แสดงว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเจ้า ต่อไปเจ้าเลื่อนขั้นแล้ว อย่าลืมข้าเสี่ยวมู่จื่อนะ”
“ฮ้า ท่านอ๋องให้ความสำคัญข้า!?”
หลังได้ยินเสี่ยวมู่จื่อเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาอดเม้มปากไม่ได้
เรื่อหอหย่าเฟิงเธอทราบดี เมื่อวานเธอเองก็แปลกใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องถึงให้เธอเข้าพักท่นั่น ต่อมาคิดดูแล้ว อาจเพราะท่านอ๋องคิดว่า ให้เธอพักอยู่ที่นั้น เขาจะได้เรียกให้เธอไปปรนนิบัติสะดวกขึ้น!
แต่คิดถึงว่าเรื่องหน้าที่เช่นนี้ ในสายตาผู้อื่นจะเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งใหญ่
มิน่าเมื่อครู่หลังเธอเข้ามาที่นี่ ทุกคนจึงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาไม่คิดว่าการพักอยู่ในเรือนหย่าเฟิงของตนจะเป็นเช่นไร เวลานี้เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่ออีกครั้ง พลันรู้คล้ายการเข้าพักในเรือนหย่าเฟิง แม้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพญายม จะทำให้เธอรู้สึกกดดันอย่างมาก
แต่หากคิดอีกมุม
ตอนนี้เธอข้ามมิติมาอยู่ในร่างนี้ ไม่มีทั้งความทรงจำของร่างเดิม และไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมนี้มีสถาะเช่นไรกันแน่
หากวันหน้าเธอต้องอยู่ในสมัยี้ต่อไป ไม่ได้พบเจอครอบครัวของเจ้าร่างเดิมนี้ ตนจำเป็นมีแผนการที่ดีว่าจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไรอยู่ที่นี่
แม้เธอจะเป็นขันที แต่จะพูดอย่างไรเธอคือตัวปลอม ต่อไปรอให้ครบสามปี เธอต้องไปจากที่นี่แน่นอน
แต่หลังจากที่นี่ไปแล้ว เธอจะไปที่ใดล่ะ!?
อีกอย่างในวังอ๋อง เธอเป็นเพียงขันทีตัวเล็กๆ แต่ละเดือนได้รับเงินสองตำลึงเงิน สามปีได้เพียงเจ็ดสิบสองตำลึงเงิน ยังซื้อพวกของใช้ในชีวิตประจำวันไม่พอเลย
แต่หากเธอได้รับความสำคัญจากท่านอ๋อง ปรนนิบัติเขาอย่างระวัดระวัง หากปรนนิบัติให้เขาพอใจ จากนั้นได้รางวัลเป็นพวกเงินอะไรพวกนั้น
ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยารู้สุกว่า ตนสามารถพักอยู่ในเรือนหย่าเฟิง ความจริงไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี
อันที่จริงคนไม่ว่าไปที่ใด ล้วนต้องปีนเขาขึ้นไป แม้เป็นขันที เธอต้องเป็นขันทีที่โดดเด่น
ใช่ เอาเช่นนี้แล้วกัน!
………………………………………….