สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 69.3 จับนกใหญ่ของพญายม (3)
ขณะที่เล่อเหยาเหยาก้มหน้าคิดในใจ พลันรู้สึกว่ามีกระแสสมอบอุ่นพัดผ่านหูไป ทำให้ทั่วร่างเธอราวถูกไฟดูด จึงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
กระแสอันวาบหวาบ วิ่งจากหูตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึก ก่อนจะไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
ตามมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทว่ากลับไม่ปิดบังความไพเราะ ดังขึ้นข้างหูเธอ
“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ!? กระต่ายน้อย!”
หากการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของพญายม ทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นเต้น สุดท้ายสิ่งที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋เรียกเธอ ทำให้สมองเธอมึนงงทันที
เมื่อสมองขาวโพลน เล่อเหยาเหยาดอปากกระตุกไม่ได้
กระ…กระต่ายน้อย!?
เรียกเธอใช่หรือไม่!?
“เอ้อ ท่านอ๋อง จำผิดแล้วขอรับ บ่าวชื่อเสี่ยวเหยาจื่อ”
หลังก้มหน้าเอ่ยปากออกมา เท้าของเล่อเหยาเหยาอดถอยหลังไปไม่ได้ พยายามดึงตัวออกห่างจากพญายม
อันที่จริงพญายมคือพญายม เพียงยืนอยู่ข้างกายเขา ความรู้สึกกดดันนั้น มากมายเหนือคำบรรยาย
การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วงดงามขึ้น ตามการถอยหลังของเล่อเหยาเหยา สองเท้าขยับเข้าไปอีกครั้ง
เล่อเหยาเหยาคิดจะดึงระยะห่างระหว่างพวกเขา กลายเป็นว่าเขากลับอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้น
นอกจากนี้บนใบหน้างดงามนั้น ปรากฎรอยยิ้มบางเบาขึ้นมาที่มุมปากอย่างช้าๆ
รอยยิ้มนั้น งดงามเรียบง่ายดังเมฆ แฝงด้วยเสน่ห์ของความเกียจคร้าน งดงามจนจิตวิญญานที่มีสีสันย้อนกลับไปยังดินแดนที่เคยจากลามา
หากเวลานี้เล่อเหยาเหยาเงยหน้ามอง จะต้องถูกรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มสะกดหัวใจเป็นแน่
ทว่าเธอเวลานี้ หลังชายหนุ่มเข้าใกล้ชิดเข้ามาก็ตกใจจนหัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ อย่างรุนแรง จะกล้าเงยหน้ามองชายหนุ่มได้อย่างไร!?
นอกจากนี้เล่อเหยาเหยาเวลานี้ ทั้งกังวลและงงงันในใจ แอบบ่นอยู่ในใจไม่หยุด
พญายมนี้ ชื่นชอบเข้าใกล้คนอื่นเวลาพูดจาด้วยหรือ? หรือเขาไม่รู้ว่าการเข้าใกล้ของเขา ทำให้คนอื่นกดดันมากเพียงใด
หากตอนนี้เธอมีไข่ ไข่เธอต้องเจ็บมากแน่
ขณะที่เล่อเหยาเหยาแอบบ่นในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ราวเป็นพยาธิในท้องเธอ แม้เธอไม่พูดออกมา กลับคาดเดาความคิดในใจเธอทั้งหมดได้ ฉีกยิ้มที่มุมปากยิ่งขึ้น และสิ่งที่เอ่ยปากออกมา ทำให้เล่อเหยาเหยาเกร็งตัวขึ้น
“ข้ารู้เจ้าชื่อเสี่ยวเหยาจื่อ แต่ข้ากลับคิดว่ากระต่ายน้อย ชื่อนี้เหมาะกับเจ้ายิ่งนัก เลยมอบชื่อกระต่ายน้อยนี้ให้เขา เป็นเช่นไร พอใจหรือไม่!?”
ท่าทางปรารถนาดีของชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
สังคมทาสที่น่าสมเพช! พญายมสมควรตาย!
ประทานชื่อ!?
เธอพอใจก็บ้าสิ!
กระต่ายน้อย!?
เจ้าสิกระต่ายน้อย เจ้าเป็นกระต่ายน้อย พวกเจ้าทั้งหมดคือกระต่ายน้อย!
เล่อเหยาเหยาคำรามในใจอย่างซาบซึ้งและโมโห ทว่าใบหน้ากลับปลื้มปิติซาบซึ้งยิ่งนัก ดีใจจนแทบคุกเข่าเลียเท้าของเขา
“ขอบคุณที่ท่านอ๋องประทานชื่อกระต่ายน้อยให้บ่าวขอรับ บ่าวซาบซึ้งยิ่งนัก!”
เล่อเหยาเหยากัดฟันเอ่ยอย่างซาบซึ้งออกมา ดูแล้วช่างอึดอัดยิ่งนัก
พญายมเป็นคนฉลาดประเภทใด จะดูความไม่พอใจในใจเธอไม่ออกได้อย่างไร ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงชอบกลั่นแกล้งขันทีน้อยผู้นี้
อันที่จริงขันทีน้อยนี้น่าสนใจยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ชีวิตเขาน่าเบื่ออย่างยิ่ง ทำให้เขารู้สึกไร้รสชาติ แต่พอขันทีน้อยปรากฎตัว กลับทำให้เขารู้สึกว่า วันนี้เริ่มน่าสนใจขึ้นมา!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋สุขใจ จนในที่สุดใจดี ไม่กลั่นแกล้งขันทีน้อยตรงหน้าอีก
ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงต่ำกับเล่อเหยาเหยา
“เอาล่ะ ข้าคอแห้ง เจ้าไปต้มชามาสิ!”
“ขอรับ”
แม้ในใจจะโกรธเคือง แต่เธอเวลานี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ล้วนอาศัยอยู่บ้านเขา จึงจำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับ
ดังนั้นหลังได้ยินชายหนุ่มเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาเพียงระงับความโกรธในใจที่มี รีบออกไปต้มชา เมื่อต้มชาเสร็จแล้วกลับมาที่ห้องหนังสือ เห็นเพียงชายหนุ่มนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะหนังสือ ในมือถือพู่กัน ไม่รู้เขียนกำลังเขียนสิ่งใด
แต่ต้องพูดว่าการทำงานของพญายม ชวนหลงใหลยิ่งนัก
ด้านหน้าเขามีกระดาษเซวียนจื่อแผ่นหนึ่งวางอยู่ ชายหนุ่มถือพู่กันกำลังเขียนบางอย่างลงไปอยู่เงียบๆ
ตอนนี้ยังเป็นเวลาเที่ยงวัน ฝนที่ตกหนักทั้งคืนหยุดลงตอนยุ่งสาง
ท้องฟ้าสีน้ำเงิน ใสสะอาดดั่งถูกชะล้าง จนแวววาวกระจ่างใส กระทั่งพระอาทิตย์ที่ลอยเด่นงดงามยิ่งนัก
แสงแดดที่สาดส่องลงมาบนพื้น และสายสมที่ผัดผ่าน ล้วนอบอุ่น ทว่าแฝงความสดชื่น
เวลานี้เห็นเพียงชายหนุ่มนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ด้านหลังเขามีหน้าต่างลายสลักเปิดอ้าอยู่ แสงทองที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างบานสลัก กระทบลงบนตัวเขาอย่างอ่อนโยน
วันนี้ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวลายเมฆมงคลที่วิจิตรงดงาม แน่นกระชับ แสงแดดราวน้ำสาดรดบนตัวเขา ราวแสงสีเงินไหลผ่าน แสดงท่าทางหนักแน่นงดงามของเขาออกมา
ใบหน้าสมบูรณ์แบบราวเทพเซียนนั้น ก้มต่ำเล็กน้อย หลุบสายตาลง ขนตาเรียวยาวดูราวกับปีกผีเสื้อสีดำ เกิดเป็นเงาในดวงตาของเขา เมื่อรวมเข้ากับอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น
เห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบจริงจัง เล่อเหยาเหยาที่เพิ่งเข้ามาในห้องหนังสือ ยืนแข็งทื่อมองตรงนั้น
ดวงตาแวววาวคู่นั้น เต็มไปด้วยความตกตะลึง
อันที่จริงท่าทางทำงานจริงจังของพญายมเวลานี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น
เสื้อขาวอ่อนละมุ ผมดำสนิทดั่งน้ำตก รูปโฉมดุจภาพวาดอันงดงาม ท่าทางดุจแก่สารในภาพวาด
นอกจากนี้บนตัวเขายังแผ่กระจายเสน่ห์ประเภทหนึ่งออกมา ทำให้คนอยากเข้าชิดใกล้ เข้าไปเรื่อยๆ
เล่อเหยาเหยาจึงราวตกอยู่ในภวังค์ เพราะถูกเสน่ห์ของชายหนุ่มทำให้หลงใหล ฝีเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ
เมื่อยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม สายตาอดมองไปที่บนกระดาษตรงหน้าชายหนุ่มไม่ได้
แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มเขียนลงไป แต่กลับเห็นว่าตัวหนังสือของชายหนุ่ม สวยงามอย่างยิ่ง
งดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ เปี่ยมด้วยพลัง ดังเช่นความรู้สึกที่เขามีต่อผู้อื่น
เมื่อเล่อเหยาเหยาเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ
เพราะแม้จะไม่เงยหน้า รู้ว่ามีคนอยู่ด้านข้าง
เพราะกลิ่มหอมสดชื่นเบาบาง ราวกลิ่นหอมหลังอาบน้ำที่ติดอยู่บนตัว หอมเย้ายวนยิ่งนัก!
นอกจากนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด ช่วงนี้เขาหนักใจเพราะเรื่องอุทกภัยและภัยแล้ง จนวุ่นวายใจ แต่พอมีขันทีน้อยยืนอยูข้างกาย ความว้าวุ่นในใจเขากลับสลายไปอย่างช้าๆ
หลังนึกถึงเรื่องนี้ มือที่ถือพู่กันของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เอ่ยปากกับเล่อเหยาเหยา
“เอาชาวางไวก็พอ”
น้ำเสียงแหบพร่าอ่อนโยน ชวนน่าหลงใหลแฝงด้วยเสนห์ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ตกตะลึงพลันได้สติ
เมื่อเข้าใกล้ดวงตาเย็นชาเรียวงามของชายหนุ่ม ใจเธอหวั่นไหวอย่างรุนแรง ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา
น่าตายนัก!
นี่เธอบ้าผู้ชายหรือ!?
พอเห็นท่านอ๋องนี้ เธอก็ตกหลุกรักทันที!?
ถ้าเธอเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่นอน!
เขาคือพญายม! ไม่ใช่คนธรรมดา! เขาใช้เพียงนิ้วเดียวสามารถปลิดชีวิตเธอได้!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาใจลอยหงุดหงิดตัวเองเมื่อครู ทว่าเพราะสายตาของชายหนุ่ม สองแก้มกลับอดร้อนผ่าวไม่ได้ จนใบหน้าแดงก่ำ
กลัวว่าหากถูกพญายมมองต่อไปอาจจะเกิดบางอย่างขึ้น เล่อเหยาเหยาจึงหยิบถ้วยชา หมายจะวางลงบนโต๊ะแล้วถอยออกไป
เพราะพลังสังหารของพญายมแข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวเช่นเธอจะทนทานได้
ทว่าอาจเพราะในใจกังวลและกดดัน จึงทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นเต้น กระทั่งมือที่ถือถ้วยชาสั่นไม่หยุด สุดท้ายไม่ระวังทำถ้วยชานั้นหลุดมือ น้ำชาที่เพิ่งต้มมาหกออกมาเต็มถาด
สิ่งสำคัญคือฝาชานั้นหล่นจากถาดลงมาเสียงดัง ‘เคร้ง’
หากฝาถ้วยชานั้นหล่นลงพื้น เล่อเหยาเหยาไม่รู้สึกอะไร แต่ที่ฝาถ้วยชาตกลงไปกลับเป็น…
บนตัวของพญายม!
นี่เป็นไปได้อย่างไร!?
ครั้งก่อนขันทีผู้นั้น ไม่ระวังทำถ้วยชาตก จนถูกพญายมตัวศีรษะ ครั้งนี้เธอทำฝาถ้วยชาตกลงบนตัวพญายม แม้เธอจะมีสิบชีวิต ล้วนไม่พอให้พญายมสังหาร!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวนแทบทันที มือเล็กยื่นไป คิดจะจับฝาถ้วยชานั้นออกมาให้เร็วที่สุด
ในที่สุดเธอจับได้แล้ว ทว่ากลับไม่ใช่ฝาถ้วยชานั้น แต่เป็น…
ของที่อ่อนนุ่ม ใหญ่โต ร้อนผ่าว
นั่นคือ…
นกใหญ่ของพญายม…
………………………………………….