สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 76.1 ที่แท้ชายหนุ่มชุดขาวก็คือ... (1)
“ศิษย์พี่ใหญ่”
น้ำเสียงคับแค้นราวเมิ่งเจียงหนี่ว์ผู้จากบ้านออกตามหาสามี ทุกคนถึงตกตะลึงอย่างหนัก
โดยเฉพาะเล่อเหยาเหยาที่ภาคภูมิใจไม่นานมานี้ หลังได้ยินเสียงเรียกที่คับแค้นของหัวขโมยเอ่ยเรียกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ร่างกายราวตกตะลึง จนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
อะไรนะ!?
เธอไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่!?
เมื่อครู่หัวขโมยนั้น เขาเรียกพญายมว่า…ศิษย์พี่ใหญ่!? งั้นเขาไม่ใช่…
“ใช่ เจ้าเดาถูก คนที่เจ้าเรียกหัวขโมยเมื่อครู่ คือศิษย์น้องของข้า อีกอย่างเขายังเป็นองค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นต้าเซี่ย!”
หากย้อนเวลากลับไปได้ เล่อเหยาเหยาขอสาบาน เธอจะไม่ใช้ไม้กวาดตีองค์ชายผู้นี้แน่นอน! และจะไม่ใช้เท้าเหยียบเจ้านกน้อยของเขา ทำให้เกิดเรื่องสำคัญในชีวิตขององค์ชายผู้นี้ ดังที่หมอหลวงพูดก็คือ…
“โชคดีที่ไม่บาดเจ็บหนักพ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้นคงกลับมาใช้การไม่ได้ ทว่าเพียงดื่มยาทุกวัน อีกทั้งหนึ่งเดือนนี้ไม่ควรเข้าใกล้สตรี เช่นนี้หลังจากหนึ่งเดือนจะไม่มีปัญหาใดพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ!? หนึ่งเดือน! น่าตายนัก เจ้ารักษาเป็นแน่หรือ ให้ข้ารอหนึ่งเดือน รักษาผิดหรือไม่!?”
สำหรับคำพูดของหมอหลวงเฉิง ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงโมโหอย่างหนัก
หมอหลวงเฉิงไม่รู้สถานะที่แท้จริงของชายหนุ่มบนเตียง ทว่าดูจากเสื้อผ้าของชายหนุ่ม ก็รู้ว่าเขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจกับท่าทีไร้มารยาทของชายหนุ่ม
เพียงปลอบใจหลายประโยค จากนั้นเขียนใบสั่งยาให้ ก่อนหัวหน้าขันทีลี่จะส่งกลับไป
เมื่อหมอหลวงเฉิงจากไป ในห้องจึงเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายเข็มตกลงพื้นก็ยังได้ยินเสียง
ส่วนเล่อเหยาเหยาหลังเข้ามาในห้อง พยายามกลั้นหายใจ พยายามลดความรู้สึกที่ตนมีตอนนี้ลง จนเวลานี้ตนแทบหายใจไม่ออก
อันที่จริง สายตาโหดเหี้ยมร้อนแรงที่จ้องอยู่บนตนนั้น คล้ายกับสิงโตตัวผู้ที่กำลังโมโห จนแทบถลกหนังเลาะกระดูเธอแล้วกลืนลงท้อง ทำให้เธอ หนังศีรษะชาวาบ พลันรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง!
ฮือๆ ฟ้าดินจ๋า!ผู้ใดก็ได้ช่วยเธอที!?
เพราะเหตุใดหัวขโมยที่แอบเข้ามาในวังรุ๋ยอ๋องถึงพลันกลายเป็นศิษย์น้องของพญายม อีกอย่างยังเป็นถึงองค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นต้าเซี่ย
เล่อเหยาเหยาตอนนี้นึกภาพออกเลยว่า ต่อไปโชคชะตาเธอต้องเศร้าสลดยิ่งนักเป็นแน่
เพราะองค์ชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้น ต้องไม่ใช่เจ้านายที่ดีแน่นอน…
เล่อเหยาเหยาคิดไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว!
องค์ชายเจ็ดหนานกงจวิ้นซีบนเตียงนั้น เวลานี้ในใจกำลังคิดจะใช้วิธีการใดเอาคืนบ่าวสมควรผู้นี้ดี!
เพราะหลายวันมานี้ เขาใช้ชีวิตอย่างลำบาก
หลังรู้หมู่โฮวคิดจะให้หอยทากนั้นอภิเษกกับเขา เขาก็ตกใจจนขนพองสยองเกล้า
ยังจำตอนที่เขายังอยู่ในวัง ไม่ถูกนักพรตเทียนซานรับเป็นศิษย์ได้ หอยทากนั้นวันๆ เดินตามหลังราวขนมหนิวผีถัง ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด นางจะตามติดไป
หากนางเป็นสาวน้อยที่น่ารักเขาจะไม่พูดอันใด แต่หอยทากนั้นกลับแขนขาเล็กสั้น ทำอันใดก็ร้องไห้ ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ หมู่โฮวมักพูดว่าเขารังแกนาง เขาจึงโมโหยิ่งนัก
นี้ยังไม่หมด หอยทากนั้นยังวันๆ น้ำมูกไหลเป็นสองสาย มองแล้วน่าขยะแขยงยิ่งนัก ต่อมาเธอเดินตามหลังเขา เขาไม่ต้องสะบัดเธอ เธอหกล้มด้วยตนเอง ฟันหน้าหลุดไปหนึ่งซี่ พอเอ่ยพูดยังมีน้ำลายกระเด็นออกมา
วันๆ ถูกเด็กสาวขี้เหร่เช่นนี้เดินตาม ใบหน้าเขาจึงไร้ราศี ดังนั้นตอนที่นักพรตเทียนซานพบเขาเข้าโดยบังเอิญ แล้วคิดจะรับเขาเป็นศิษย์ เขารีบเอ่ยตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด
นอกจากนี้ยังต้องเหน็ดเหนื่อยพูดให้หมู่โฮวตกลงส่งเขาไปฝึกวรยุทธกับนักพรตเทียนซาน เวลานั้น หมู่โฮวคิดว่าเขาอยากเรียนวรยุทธ ไม่ว่าจะเจ็บปวดใจตัดใจให้เขาไปไม่ได้ ทว่าสุดท้ายยังข่มความเจ็บปวดไว้ปล่อยเขาไป
ความจริงสิ่งที่หมู่โฮวไม่รู้คือ เวลานั้นเขาไม่อยากฝึกวรยุทธ เพียงอยากหลบเลี่ยงหอยนากนั้นเท่านั้น
ไม่ง่ายที่จะออกจากวังหลวงได้ ไม่เห็นหอยทากนั้นอีก เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระยิ่งนัก ก่อนเขาจะลืมไปว่ามีหอยทากนั้นอยู่ในตอนแรกไปอย่างช้าๆ
คิดไม่ถึง กลับวังหลวงครั้งนี้จะได้รับข่าว หมู่โฮวคิดจะให้หอยทากนั้นอภิเษกเป็นพระชายาของเขา
หลังเขารู้ไม่พูดอันใด รีบสะบัดองครักษ์ที่หมู่โฮวส่งมาพวกนั้นทิ้ง ก่อนหนีมาที่เทียนหยวน
ติดไม่ถึง องครักษ์พวกนั้นวิทยายุทธไม่อ่อนด้อย ไล่ตามเขามาได้หลายวัน เขาหนีมาถึงเมืองหลวงได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขายังไล่ตามเขาไม่ปล่อย กระทั่งเมื่อครู่ เขาถือโอกาสช่วงกลางวันคนพลุ่งพล่าน ปะปนเข้าในกลุ่มคน อาศัยคนมากมายสะบัดองครักษ์ที่ตามติดราวขนมหนิวผีถังพวกนั้นทิ้ง จากนั้นมายังตรอกเล็กด้านหลังวังรุ่ยอ๋องตามที่จำได้ คิดจะกระโดดเข้าไปในวังอ๋องจากที่นี่ ขอพบศิษย์พี่ของเขาเพื่อหลบภัย
กลับกลายเป็นว่า พอเขากระโดดเข้าไปถูกคนไม่สนใจอันใดทั้งนั้น ใช้ไม้กวาดฟาดที่ศีรษะ โชคดีที่เขาฝีมือว่องไว หลบหลีกได้ทัน มิฉะนั้นคงถูกตีจนปัญญาอ่อนไปแล้ว!
แต่แม้เขาจะหลบได้ไว แขนกลับโดนไม้กวาดเข้า ทว่านี้ยังถือว่าไม่หนักที่สุด สิ่งที่หนักที่สุดกลับเป็นเท้าที่เตะเข้าตรงระหว่างขาเขานั้น เกือบทำให้สิ่งสำคัญในชีวิตของเขาหลุดไป!
เมื่อคิดว่าเขาเป็นถึงองค์ชายเจ็ดผู้สง่างามแห่งต้าเซี่ย เกิดมาก็เรียกลมเรียกฝนได้ มีชีวิตหรูหรา อยู่ใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น จะถูกคนทำร้ายรุนแรงเช่นนี้อย่างไร!?
และยังเป็นขันทีน้อยผู้หนึ่งที่ถือดีเช่นนี้อีก! ดังนั้นความแค้นนี้ เขาต้องเอาคืนเป็นแน่! มิฉะนั้นผู้อื่นจะคิดว่าเขาหนานกงจวิ้นซีรังแกได้ง่าย!
ขณะหนานกงจวิ้นซีคิดแผนร้านอยู่ในใจ ทางเล่อเหยาเหยารับรู้จากสายตาอันโหดเหี้ยมที่เขามองมายังตน ว่าตนหนีเคราะห์ร้ายครั้งนี้ไม่ได้แน่
แต่ตอนนั้นจะโทษเธอไม่ได้ ผู้ใดให้องค์ชายเจ็ดที่สง่างาม มีประตูกลับไม่เดินเข้ามา ดันกระโดกข้ามกำแพงเข้ามาราวหัวขโมย อีกทั้งยังเป็นด้านหลังตำหนักที่ไร้ผู้คน สถานการณ์เช่นนี้ของเขา ไม่ให้คนเข้าใจผิดยากยิ่งนัก
ทว่าไม่ว่าเช่นไร องค์ชายตรงหน้ากำลังอยู่ในสภาพโกรธเคือง เพื่อศีรษะเล็กๆ ของตน แม้ในใจเล่อเหยาเหยาจะไม่ยินยอมเล็กน้อย แต่ยังก้มตัวลง พยายามให้ตนเองดูต่ำต้อยไร้ความผิดเล็กน้อย น้ำเสียงดูขลาดกลัวและอ้อนวอนอย่างไม่ปิดบัง
“องค์ชายเจ็ด บ่าวสมควรตาย ทว่าบ่าวไม่ได้ตั้งใจขอรับ หากบ่าวรู้ว่าคนที่ข้ามกำแพงมาคือองค์ชายเจ็ด ถึงบ่าวจะมีความกล้า ก็ไม่กล้าคิดว่าองค์ชายเจ็ดคือหัวขโมยหรอกขอรัย”
คำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยามีสองความหมาย หนึ่งแสดงถึงความไม่ตั้งใจของเธอ สองก็คือนอกโดยนัยว่าหนานกงจวิ้นซีก็ผิดเช่นกัน
เพราะไม่ว่าผู้ใด ล้วนไม่เชื่อว่าองค์ชายเจ็ดที่สถานะสูงศักดิ์เช่นนี้ จะปีนกำแพงเข้ามาในวังของผู้อื่น ดังนั้น สิ่งที่เล่อเหยาเหยาทำตอนนั้น ถือได้ว่าไม่ผิด
แม้รู้ว่าเล่อเหยาเหยาพูดมีเหตุผล ขณะนั้นหนานกงจวิ้นซีก็โมโห
เพราะท่อนล่างของเขายังเจ็บปวดอยู่!
อีกทั้งสิ่งที่ชายหนุ่มให้ความสำคัญที่สุดคือท่อนล่าง หากขันทีน้อยนี้ออกแรงมากกว่านี้ ต่อไปเขาคงหมดสิ้นความเป็นมนุษย์แล้ว
องค์ชายเจ็ดที่สง่างามไม่ชูขึ้น พูดออกไป อับอายยิ่งนัก!
ดังนั้น เวลานี้หนานกงจวิ้นซีจึงโมโหอย่างยิ่ง ดูจากท่าทาง ต้องเอาคืนเล่อเหยาเหยาอย่างแน่นอน
ดังนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยพูด จึงโกรธเคืองอย่างไม่ปิดบัง
ดวงตาสองข้างเบิกกว้าง ม่านตาแดงก่ำ ปลายจมูกโด่งนั้นประเดี๋ยวอ้าประเดี๋ยวหุบไม่หยุด แสดงถึงอารมณ์ไม่พอใจโกรธเคืองของเจ้าของออกมา
“ฮึ! เจ้าไม่ตั้งใจ!? เจ้าคิดว่าบ่าวรับใช้เอ่ยว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเรื่องนี้จะจบงั้นหรือ!? หรือเจ้าไม่รู้ว่าน้ำหนักเท้าเมื่อครู่ของเจ้าหนักขนาดใด แทบทำให้สิ่งสำคัญของข้าขาด!”
“องค์ชายเจ็ด สิ่งนั้นของท่านเวลานี้ยังอยู่มิใช่หรือขอรับ? เพียงเดือนเดียวไม่มีปัญหาแล้วขอรับ?”
เหนือศีรษะมีเสียงคำรามดุร้ายของสิงโตตัวหนึ่ง ทำให้เล่อเหยาเหยาอดหดคอไม่ได้ ทว่าบนใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น กลับดูทั้งกลัวทั้งเกรง
ความจริงกลับก่นด่าในใจ น่าตายนัก หากเป็นไปได้ เธออยากเตะให้เจ้านั้นของเขาพิการไปเลย อยากดูว่าเขายังจะมีแรงสั่งสอนผูอื่นเช่นตอนนี้หรือไม่!
เห็นชัดว่าว่าเขาก็มีส่วนผิด เวลานี้กลับผลักความผิดทั้งหมดมาให้เธอ หรือเป็นองค์ชายเจ็ดแล้วเก่งกาจมากหรือไร!? จริงๆ เลย เธอเกลียดที่สุดคือพวกที่ใช้สถานะตำแหน่งรังแกผู้อื่น!
คนเหล่านี้น่าขยะแขยงที่สุด!
อันที่จริง แม่มันสิถึงโยนความผิดให้คนอื่น หากเขาเกิดในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา เขายังจะกำเริบเสิบสานเช่นนี้หรือไม่!?
ฮึ น่าชังนัก!
…………………………………