สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 78.2 อารมณ์รัก (2)
ห้องหนังสือกว้างขวางอย่างยิ่ง หนังสือวางอยู่บนชั้นที่เรียงราย ดังนั้นเมื่อผลักประตูเข้าไป จะได้กลิ่นจางๆ ของหนังสือ
ข้างโต๊ะหนังสือมีเตาผิงสีทองวางอยู่ เวลานี้ภายในเตามีควันลอยขึ้นมา นั่นคือกลิ่นทำให้สงบใจ
ส่วนพญายมเวลานี้กำลังนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้นอน มือข้างหนึ่งก่ายที่หน้าผาก ปิดตาลงพักผ่อน
บนผนังด้านหลังของเขา แขวนไข่มุกราตรีขนาดใหญ่เอาไว้
เห็นเพียงแสงขาวนวลอ่อนโยนที่ออกมาไข่มุกราตรีนั้น ทำให้ทั่วห้องสว่างราวตอนกลางวัน
แสงที่อ่อนโยนนั้นสาดลงบนตัวของพญายม ทำให้รูปร่างผอมสูงนั้นโดดเด่นออกมาอย่างเต็มที่
รูปร่างผอมสูง ไหล่กว้างเอวคอด สองขายาวตรง สีดำที่ลึกลับสูงค่านั้น ภายใต้แสงของไข่มุกราตรี ทอประกายวาววับกลมกลึง เข้ากับชายหนุ่มที่หลับตาพักผ่อนอยู่นั้น บนร่างกายดูมีเสน่ห์เย้ายวนที่แปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ได้หลายส่วน!
กวนหยกบนศีรษะเขา เวลานี้ถูกเขาถอดออกแล้ว เส้นผมดั่งไหมที่ทิ้งตัวลงมาสยายลงมาบนไหล่และด้านข้างใบหน้าเขาอย่างโอนอ่อน ทำให้ใบหน้านั้นมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น งดงามจนผู้คนต่างริษยา!
เวลานี้ พญายมนั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ดวงตาปิดแน่นราวนอนหลับไปจริง แต่เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขายังไม่หลับ
เพราะระหว่างคิ้วนั้นขมวดแน่นอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าเขากำลังถูกเรื่องน่าปวดหัวทำให้ยุ่งยากใจ
กระทั่งริมฝีปากบางงดงามคู่นั้น ยังถูกเม้มเล็กน้อยจนเป็นเส้นตรง
นี้คล้ายเปนท่าทางที่พญายมทำทุกครั้งยามไม่พอใจ
ดังนั้น เมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันรวบรวมสติของตน เพราะเวลานี้พญายมอารมณ์ไม่ดี! เธอต้องปรนนิบัติให้ดี ห้ามทำผิดก่อเรื่องให้เขาโมโหเด็ดขาด
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากระทั่งเดินยังเดินอย่างแผ่วเบายิ่งนัก จากที่ผ่านมาไม่ควรส่งเสียงใดรบกวนการเข้าฌานของท่านอ๋องผู้นี้
ทว่า ขณะที่เธอนำถ้วยชาวางลงบนโต๊ะไม้จันทน์ที่อยู่ด้านข้างของพญายม พญายมที่กำลังปิดตาพักผ่อยอยู่กลับเอ่ยปากออกมา
“เมื่อครู่ออกไปที่ใดมาหรือ?”
“เอ้อ”
เมื่อจู่ๆ ถูกพญายมเอ่ยปากถาม เล่อเหยาเหยาพลันตกใจชั่วครู่ บนใบหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงพญายมยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ไม่ได้ลืมตา ทว่ากลับเอ่ยถามเธอออกมา!
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน ก่อนเอ่ยพูดตามความจริงออกไป
“เรียนท่านอ๋อง เมื่อครู่บ่าวเพียงออกไปเดินเล่นขอรับ”
“อ๋อ ได้ยินเรื่องอันใดมาบ้าง?”
“หา?”
เดิมทีก่อนนี้เล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าเหตุใดพญายมจึงเอ่ยถามเธอเรื่องนี้ ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินประโยคนี้ของพญายม เขาอาจจะลองหยั่งเชิงดูว่าบนถนนมีการพูดเรื่องศพถูกควักหัวใจหรือไม่
พอคิดถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยารีบเอ่ยเล่าเรื่องที่ตนได้ยินมาทั้งหมดออกมา โดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
พลางคิดในใจว่าดูแล้ว เวลานี้พญายมอาจถูกเรื่องควักหัวใจนี้ทำให้ยุ่งยากใจอยู่เป็นแน่!
หากเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ คงทำให้ผู้คนด้านนอกตื่นตระหนกตกใจ แคว้นเทียนหยวนเป็นของตระกูลเหลิ่ง พญายมห่วงใยเช่นนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เวลานี้เห็นท่าทางกังวลใจเพราะเรื่องนี้ของพญายม เล่อเหยาเหยาแอบถอนหายใจเบาๆ ออกมา
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับพญายม ดังนั้นจึงหวาดกลัวคนผู้นี้ยิ่งนัก
แต่หากได้ใกล้ชิดกับเขาแล้ว จะพบความจริงว่าพญายมไม่ได้เย็นชาไร้ความรู้สึกดังในข่าวลือ
อย่างน้อยเขาก็ห่วงใยประชาชน ยิ่งกว่าเหล่าขุนนางฉ้อราษฏร์บังหลวงเสียอีก
อีกอย่าง เขายังห่วงใยขันทีน้อยเช่นเธอด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันนึกบางสิ่งขึ้นได้ ก่อนจะได้สติทันที หมุนสายตามองยังมือใหญ่ของพญายมที่วางอยู่บนต้นขา
เห็นเพียงบนมือใหญ่ข้างนั้นเวลานี้ยังพันด้วยผ้าพันแผล ทว่าตอนเช้าเธอได้ยินท่านหมอเอ่ยว่า มือที่ถูกลวกของพญายม ทุกวันต้องเปลี่ยนยาสองครั้งถึงจะหายเร็ว
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดลองเอ่ยปากถามพญายมที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ไม่ได้
“ท่านอ๋อง มือของท่าน ได้เวลาเปลี่ยนยาแล้วขอรับ”
เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ เดิมทีพญายมที่หลับตาพักผ่อนอยู่ ขนตาที่เรียวหนานั้นขยับเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาเย็นชาเหนื่อยล้าคู่นั้นจะลืมขึ้น
อีกทั้งเมื่อดวงตาเย็นชามองมาที่เล่อเหยาเหยา มีความแปลกประหลาดแวบขึ้นมา
เล่อเหยาเหยามองไม่รู้ว่าสิ่งแปลกประหลาดในดวงตาของพญายมหมายถึงสิ่งใด เพียงถูกพญายมจ้องมองอย่างสงบนิ่งเช่นนี้ ทำให้ใจของเธอเต้นระรัว รู้สึกกังวลขึ้นมาบางส่วน
เพราะในห้องนี้มีเพียงเธอและพญายม รอบด้านเงียบสงบยิ่งนัก พยายมไม่พูดจา เพียงมองเธออยู่เงียบๆ ทำให้เธอพลันรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง
ขณะที่เล่อเหยาเหยาถูกมองจนหนังศีรษะชาวาบ ในที่สุดพญายมเบนสายตาออกจากตัวเธอก่อนพลันส่งเสียงฮึดฮัดชั่วครู่ ก่อนเอ่ยพูดเสียงเบาออกมา
“ยาอยู่ในลิ้นชัก”
ช่างเป็นคำพูดที่น่าตกใจ สมกับเป็นพญายมเสียจริง
เล่อเหยาเหยาได้ยิน สีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนพลันเข้าใจความหมายของพญายม
เขาอยากให้เธอช่วยเปลี่ยนยาใช่หรือไม่!?
แต่เธอไม่ใช่หมอที่เชี่ยวชาญ ไม่เคยพันแผลให้ผู้ใดมาก่อน จึงกลัวจะพันได้ไม่ดี
พอคิดถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยากำลังคิดจะบอกกับพญายม ให้เชิญท่านหมอมาช่วยพันแผล ทว่าพญายมหลังเอ่ยประโยคนั้น กลับหลับตาลงอีกครั้ง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเบ้ปากเล็กงดงามเล็กน้อย ก่อนหมุนตัวเดินไปที่ลิ้นชัก
พลางคิดในใจ ใส่ยาก็ใส่ยาแล้วกัน! ส่วนพันแผลน่าจะง่ายดายอย่างยิ่ง!
หลังคิดได้ เล่อเหยาเหยารีบหยิบขี้ผึ้งที่ท่านหมอทิ้งไว้ให้ และกรรไกรผ้าพันแผลพวกนั้น เดินไปยังข้างกายของพญายม
เห็นพญายมยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก ข้างหนึ่งวางอยู่บนต้นขา เล่อเหยาเหยอดเผยอริมฝีปาก เอ่ยถามเสียงเบาขึ้นไม่ได้
“ท่านอ๋อง ให้บ่าวช่วยใส่ยานะขอรับ!”
“อืม”
ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เดิมทีที่หลับตาพักผ่อน ลืมดวงตาแคบยาวนั้นขึ้นอีกครั้ง ก่อนพลันเงยหน้ามองดูเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง เห็นเล่อเหยาเหยายื่นมือมาที่มือใหญ่ที่บาดเจ็บนั้นของตน
แม้จะแค่ชั่วพริบตา แต่เล่อเหยาเหยายังคงเห็นเส้นเลือดแดงและความงัวเงียในตาของพญายม จึงรู้ว่าเมื่อครู่เธอไปหยิบยาแวบเดียว พญายมหลับไปจริง
นี้ยืนยันว่าพญายมเหนื่อยล้าเพียงใด…
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยอดปวดหนึบ รู้สึกเวทนาชายหนุ่มผู้นี้หลายส่วนไม่ได้
ทว่าเมื่อเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาในใจ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก ดวงตาเบิกกว้าง สะดุ้งในใจ
สวรรค์!
เธอเสียสติไปแล้วหรือ?! ถึงรู้สึกเวทนาชายหนุ่มผู้นี้!?
ชายผู้นี้คือผู้ใด!? เขาเป็นพญายม! ชายหนุ่มที่สามารถบดขยี้เธอได้เพียงนิ้วเดียว นิสัยทั้งเอาแน่เอานอนไม่ได้ นี่เธอ…
ขณะเล่อเหยาเหยาตะลึงกับความคิดกับตนเอง ทางเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หลังเห็นผ่านไปนานเล่อเหยาเหยาไม่ขยับตัว อดเงยหน้ามองอีกครั้งงไม่ได้ ก่อนจะเผยอริมฝีปากบาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขึ้นว่า
“เป็นอันใดหรือ?”
“เอ่อ มะ…ไม่มีขอรับ ตอนนี้บ่าวจะใส่ยาให้ท่านอ๋องนะขอรับ!”
หลังได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาจึงรู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนเหม่อลอยต่อหน้าพญายม เห็นเช่นนั้น อดใจหายวาบไม่ได้ ก่อนรีบก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าพญายมอีก และใส่ยาให้เขาอย่างมีสมาธิ
เห็นเพียงบนมือใหญ่ของพญายมมีผ้าผันแผลเอาไว้ อีกทั้งวิธีพันแผลยังพันได้อย่างสมบรณ์แบบยิ่งนัก แค่มองก็รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญเป็นคนพัน
ขณะเล่อเหยาเหยาคลายผ้าพันแผลบนมือใหญ่ของพญายม ก็ตั้งใจดูวิธีการพันแผลนี้อย่างละเอียด เพื่ออีกสักครู่ตนจะได้ใช้วิธีนี้พันแผลเช่นกัน
ทว่า หลังเธอคลายผ้าพันแผลบนมือของพญายมออกทั้งหมดแล้ว เห็นมือใหญ่ที่เคยเรียวยาวงดงาม หลังมือมีรอยบวมแดงขนาดใหญ่ ยังคงทำให้เธอปวดใจเมื่อเห็นไม่ได้
ดวงตางดงามคู่นั้นพลันเบิกกว้าง ภายในปรากฏความตกตะลึงขึ้นมา
สวรรค์!
ถ้วยชาตอนเช้านั้นร้อนเพียงใดกันแน่ จึงลวกมือใหญ่เขาเขาจนกลายเป็นเช่นนี้!?
เห็นเพียงรอยบวมแดงขนาดใหญ่นั้น ตอนนี้แม้จะบวมลงไม่น้อย แต่ตอนนั้นพญายมต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่ ทว่าเขากลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทำหน้าคล้ายไม่เป็นอันใด กระทั่งยังปลอบใจเธอ…
พอคิดถึงตรงนี้ หากพูดว่าไม่ซาบซึ้งก็โกหกแล้ว!
อันที่จริง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ เป็นคนอื่นคงซาบซึ้งอย่างยิ่ง!ยิ่งกว่านั้นคนผู้นี้คือพญายม…
เขาสถานะสูงส่ง มีอำนาจมีตำแหน่ง ส่วนเธอกลับเป็นเพียงบ่าวรับใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่ง แต่เขากลับทำเพื่อบ่าวรับใช้คนหนึ่ง โดยการรับสิ่งที่ไม่ควรจะรับทั้งหมดเอาไว้…
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันแสบจมูก ในใจพรั่งพรูความซาบซึ้งออกมา เพราะชายหนุ่มตรงหน้า…
อาจเพราะล่วงรู้ถึงความคิดของเล่อเหยาเหยา และน้ำตาในตาของเธอ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋สีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนดวงตานิ่งสงบคู่นั้นจะพลันอ่อนโยนลง โดยกระทั่งเขายังไม่รู้ตัว
เผยอริมฝีปากแดงขึ้น ก่อนเอ่ยว่า
“ไม่เจ็บปวดแล้ว”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหล ท่ามกลางความเงียบจึงดังกังวานอย่างยิ่ง ทว่าแฝงด้วยเสน่ห์หลายส่วนอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับเหล้าดีที่หมักมานานปีเพิ่งถูกเปิดออก ฟังแล้วแทบทำให้ใจลุ่มหลง
และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดสูดหายใจเบาๆ ไม่ได้ ก่อนพลันเงยหน้ามองพญายมที่อยู่ด้านบน
เมื่อเห็นสายตาที่กำลังจ้องใบหน้างดงามของเธอ ต้องพูดว่าทำให้ใจเธอตกตะลึงอย่างรุนแรงเสียจริง
ไม่รู้เวลานี้แสงไข่มุกราตรีอ่อนโยนเกินไป หรือเพราะภายในดวงตาเธอพร่ามัวด้วยไอหมอก เธอจึงพบว่าสายตาที่พญายมมองเธอตอนนี้ คล้ายกับอ่อนโยนเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ!?
เธอฟังผิดไป หรือว่าคือความจริง?!
พญายมก็รู้จักอ่อนโยน!? และยังปฏิบัติกับเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหยุดเต้นชั่วขณะ ก่อนพลันเต้นระรัวย่างรวดเร็ว
เสียงหัวใจเต้น‘ตึกตัก’ รุนแรงเช่นนี้ ราวกับกวางซิกากระโดดเข้าไป ตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นดวงตางดงามของเล่อเหยาเหยาคู่นั้นกระพริบเป็นประกายไม่หยุด รู้สึกเพียงว่าในใจราวมีบางส่วนอ่อนลง…
…………………………………………………………………..