สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 80.2 ปรนนิบัติอ๋องเจ็ดอาบน้ำ (2)
ห้องนี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก พื้นปูด้วยหินสีน้ำเงิน ม่านลูกปัดห้อยระย้าอยู่ด้านข้าง ผ้าแพรบางห้อยลงมา แยกห้องน้ำและห้องนอนออกจากกั้น
ด้านข้างห้องอาบน้ำยังมีฉากกั้นสลักภาพหญิงสาว ด้านบนแขวนเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนหลังอาบน้ำ ดูจากเนื้อผ้าเห็นชัดว่าเป็นชุดใหม่
เห็นเพียงหลังหนานกงจวิ้นซีเข้าไปในห้องอาบน้ำ ก็ไม่เกรงใจ กางแขนสองข้างออกกว้าง แสดงถึงให้เล่อเหยาเหยาถอดเสื้อผ้าให้เขา
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ทั่วใบหน้าดูย่ำแย่พูดไม่ออก
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีมองตนด้วยรอยยิ้มภูมิใจ ทำให้เธอพลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา
หมอนี่น่าตายนัก ตนมีมือมีเท้า ทำเองไม่ได้หรือไร?!
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่สุดท้ายเล่อเหยาเหยายังเดินไปหาหนานกงจวิ้นซีด้วยสีหน้าจำใจ
เฮ้อ ใครให้เธอตอนนี้เป็นบ่าวรับใช้กัน! นี้ช่างเป็นสังคมทาสที่ชั่วช้ายิ่งนัก
เรื่องถอดเสื้อผ้าเช่นนี้ แม้เธอไม่ใช่ทำเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้เธอล้วนช่วยพญายมถอดเสื้อผ้า อาบน้ำเปลี่ยนชุด ตอนนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายอื่น จึงทำให้เธอรู้สึกไม่เหมาะสมและขัดเขินเล็กน้อย
เพราะจะพูดเช่นไร เธอยังเป็นสาวน้อยวัยหยาดเยิ้ม!ช่างน่าเศร้า…
เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตาในใจ ใบหน้าเล็กงดงามดูทรมาน โดยไม่ปิดบังความไม่ยินยอมแม้แต้นิดเดียว
แต่ตรงข้ามกับการอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตาของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีมองออกว่าเธอไม่ยินยอม ทว่ายิ่งเธอไม่ยินยอม เขายิ่งต้องให้เธอทำ ใครให้ขันทีน้อยผู้นี้น่าเกลียดชังเช่นนี้ เห็นองค์ชายเจ็ดที่สง่างามแห่งต้าเซี่ยเป็นขโมย ทั้งยังเหยียบไก่น้อยที่แสนภาคภูมิใจของเขาอย่างรุนแรงกัน!?
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีเกลียดชังจนกัดฟัน ทว่าเพราะเห็นแก่หน้าของศิษย์พี่ใหญ่ เขาจึงไม่ทำอะไรขันทีผู้นี้ แต่การเย้าแหย่ที่ไม่เจ็บไม่รู้สึกพวกนี้ เขาต้องทำแน่นอน อย่างน้อยสามารถระบายความโกรธของตนได้ ทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีตั้งใจทำมองไม่เห็นสีหน้าทุกข์ใจไม่เต็มใจของเล่อเหยาเหยา เพียงเลิกคิ้วยิ้มมุมปาก พร้อมเอ่นด้วยใบหน้าหยิ่งยโสว่า
“กระต่ายน้อย ยังไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าอีก น้ำเย็นหมดแล้ว”
“เอ้อ ขอรับ องค์ชายเจ็ด”
เมื่อเห็นสีหน้าน่าหมั่นไส้ของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยากำหมัดแน่นอย่างโมโห แต่สีหน้ากลับดูประจบสอพลอ
พลันกัดริมฝีปากล่างแน่น เดินเข้าหาหนานกงจวิ้นซี เพื่อถอดเข็มขัดออกให้เขาอย่างช้าๆ
พลางปลอบใจตนเองในใจไม่หยุด
ความจริงไม่มีอันใด อย่างมากหากเห็นสิ่งใด เพียงคิดว่าเห็นหัวหมูเข้าแล้วกัน อีกอย่างเป็นหมูโง่ตัวหนึ่ง
ถูกต้อง เป็นเช่นนี้!
เพราะย้ำเตือนในใจไม่หยุด ความขันเขินตื่นเต้นในใจของเล่อเหยาเหยาค่อยๆ หายไปไม่น้อย มือไม่สั่นเทา เพียงก้มหน้าลง ถอดเสื้อผ้าบนตัวของหนานกงจวิ้นซีทั้งหมดออกมา
แม้เมื่อครู่ย้ำปลอบใจไม่หยุด แต่เมื่อเห็นรูปร่างงามพริ้งสมบูรณืแบบ เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
สวรรค์!
รูปร่างดียิ่งนัก!
แม้จะเป็นหมูโง่ แต่ต้องเป็นหมูที่แข็งแรงรูปร่างสวยงามมากแน่นอน!
แม้ชายหนุ่มตรงหน้าอายุจะห่างกับพญายม นิสัยแตกต่างกัน แต่รูปร่างนั้นกลับงงงดงามน่ามองเช่นกัน!
แน่นอนว่า รูปร่างของหนานกงจวิ้นซีแตกต่างกับพญายมอย่างเห็นได้ชัด
รูปร่างของพญายมเป็นประเภทมีกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง มากไปจะอ้วน น้อยไปจะผอม เป็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ
ส่วนหนากงจวิ้นซี กลับเป็นประเภทคุณชายรูปงามพวกนั้น!
ปีนี้ เขาเพิ่งอายุสิบเจ็ด ความจริงอายุเธอยังมากกว่าเขาหนึ่งปีด้วยซ้ำ!
แต่กล้ามเนื้อบนร่างกายเขา งดงามเทียบเท่ากับนายแบบหล่อเหลาในนิตยาสารที่เธอแอบดูจนหน้าแดงนั้นเสียจริง!
โดยเฉพาะกล้ามหน้าอกที่แข็งแกร่งใหญ่โต และไหล่กว้างนั้น
ทุกท่วงท่าต่างรู้สึกได้ถึงพลังกำลังไหลออกมา
ไหล้กว้างเอาคอด หน้าอกแน่นเด่นชัด หน้าท้องไม่มีส่วนเกินแม้แต่นิดเดียว สองขาเรียวยาวแข็งแรง ส่วนสะโพกที่โค้งงอน ยังมี…
ดวงตางดงามของเล่อเหยาเหยาอดแอบมองส่วนที้เดิมทีตนไม่ควรมองไม่ได้ ใบหน้าเล็กงดงามขาวดุจหิมะพลันเขินอาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
เฮอะๆ แม้ไม่อยากยอมรับอย่างมาก แต่สิ่งของของเจ้าหมูนี้ ความจริงขนาดไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่ไม่รู้เกี่ยวกับลูกเตะอันหนักหน่วงของเธอ จนทำให้บวมเบ่งหรือเปล่า
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดชั่วร้ายในใจ ทางด้านหนานกงจวิ้นซีเห็นท่าทางขวยเขินหน้าแดงเข้าพอดี จนใบหน้าหล่อเหลาอดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้ ก่อนพลันคล้ายนึกบางสิ่งได้ เลิกคิ้วงดงามน่ามองคู่นั้นขึ้นสูง ระหว่างคิ้วปรากฎความหยิ่งยโสภูมิใจออกมา
เพราะหนานกงจวิ้นซีคิดว่าเล่อเหยาเหยาเห็นรูปร่างอันแข็งแรงสมบูรณ์ของตนนั้นแล้วอิจฉา แม้อีกฝ่ายจะเป็นขันที แต่ยังคงทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกหลงใหลรูปโฉมของตนในใจขึ้นมาไม่น้อย
ทันใดนั้นตั้งใจงอแขนขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อไหล่ปรากฏออกมา ก่อนพลันเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาอย่างมั่นใจว่า
“เป็นเช่นไร? อิจฉารูปร่างของข้าสิน่ะ!? เจ้าคงไม่คิดว่าองค์ชายที่ฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็ก รูปร่างนี้ฝึกฝนวรยุทธหลายปีกว่าจะได้มา หากเจ้าอิจฉาอยากเป็นเช่นข้า ต่อไปเจ้าค่อยๆ ฝึกฝนไปเถอะ!ฝึกไปประมาณสิบปีครึ่ง ได้ถึงครึ่งหนึ่งของข้าก็ถือว่าดีแล้ว”
เมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีเอ่ยอย่างหลงตัวเองอย่างสุดขีด เล่อเหยาเหยาที่มองอยู่ด้านข้างพลันพูดไม่ออก
เอ้อ ชายผู้นี้ไม่ใช่หน้าหนาธรรมดาแล้ว
แม้เขาจะมีหลงตัวเองเป็นทุนเดิมอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ หนานกงจวิ้นซีหลังอวดกล้าเนื้อบนร่างกายเสร็จ ก็ก้าวลงไปในถังไม้ขนาดใหญ่ที่มีควันลอยอบอวลออกมา
เพราะเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป น้ำจึงกระเซ็นออกมารอบด้าน ละองน้ำนั้นโดนเข้าที่บนใบหน้าและร่างกายของเล่อเหยาเหยาพอดิบพอดี ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยากลายเป็นลูกหมาตกน้ำที่เปียกชุ่มไปทั้งตัว
“ฮ่าๆ เจ้าบ่าวผู้นี้ เหตุใดถึงโง่เช่นนี้! ไม่รู้ศิษย์พี่ใหญ่คิดันใดถึงเลือกบ่าวที่โง่เขลามาปรนนิบัติ ทว่าเมื่อครู่นี้เจ้าทำผิด จึงถูกศิษย์พี่ใหญ่ตำหนิจนร้องไห้ใช่หรือไม่!?”
หนานกงจวิ้นซีหลังก้าวเข้าไปในถังไม้ พลันยืดแขนออกกว้าง เลือกท่าทางที่สบายเอนตัวพิงถังไม้ และใช้ดวงตาดุจดอกท้อที่คล้ายแปลกใจอยากรู้มองยังเล่อเหยาเหยา พลางเอ่ยถามขึ้น
ทราบดีว่าเขาเอ่ยถึงเรื่องที่เธอร้องไห้เมื่อครู่ เล่อเหยาเหยากลับทำปากยื่น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้ายกาจว่า
“เรื่องนี้บ่าวคงไม่จำเป็นต้องบอกองค์ชายเจ็ดหรอกขอรับ!”
“เจ้า!”
ท่าทางร้ายกาจของเล่อเหยาเหยา ทำให้หนานกงจวิ้นซีมีใบหน้าอึดอัดใจ ก่อนพลันขมวดคิ้วงดงามอย่างโกรธเคือง ทว่าสุดท้ายเมื่อมองปากเล็กยื่นสูงของเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง เห็นความไม่พอใจอย่างชัดเจนบนใบหน้างาม จึงรู้ว่า ‘เขา’กำลังโมโห เขาจึงไม่บีบถามให้มากความ
เพราะนี้ยังเป็นครั้งแรกหลังบ่าวรับใช้รู้ถึงสถานะของเขา ยังกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดจากับเขา
หากเป็นเมื่อก่อน บ่าวรับใช้พวกนี้พอล่วงรู้ถึงสถานะของเขา ล้วนปฏิบัติกับเขาอย่างประจบสอพลอ ยกยอปอปั้นเกรงขาม พวกเขาต่างไม่ได้จริงใจ เพียงย่ำเกรงสถานะอันสูงส่งของเขาเท่านั้น
แต่ขันทีน้อยตรงหน้านี้ หากตัดเรื่องอันเลวร้ายทั้งหมดที่ “เขา”ปฏิบัติต่อตนเมื่อเช้านี้ ความจริง “เขา”ถือว่าเอกลักษณืยิ่งนัก
อย่างน้อย“เขา”ไม่เหมือนบ่าวรับใช้อื่นที่ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าไหว้หลังหลอกพวกนั้น
บนใบหน้าจิ้มลิ้มของ“เขา”นั้น ในใจมีสิ่งใดปรากฏออกมาด้านบน อีกทั้งไม่ใช่เพราะสถานะสูงส่งของเขา แต่จงใจประจบเขา
สำหรับขันทีเช่นนี้ ที่จริงทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่อย่างยิ่ง!
หลังคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีจึงมองสำรวจขันทีตรงหน้าอย่างละเอียด
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน แต่ทุกครั้งที่มอง“เขา”อย่างจริงจัง ล้วนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่หยุด
บนโลกนี้ จะมีบุรุษที่หล่อเหลาเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้ตอนนี้“เขา”จะไม่ใช่บุรุษแล้วก็ตาม เรื่องนี้ทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
เพราะขันทีตรงหน้าท่าทางจะอายุเพิ่งสิบห้าสิบหก แต่กลับหน้าตาจิ้มลิ้มน่าหลงใหลเช่นนี้
หากหลายปีผ่านไป รอให้“เขา”เติบโตขึ้นคงสุดยอดจนยุคนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้แน่! ต้องทำให้บุรุษและสตรีทุกคนในใต้หล้านี้หลงใหลจนบ้าคลั่ง!
ทว่าน่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงขันที…
ขณะหนานกงจวิ้นซีคิดในใจ สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาปรากฎความเวทนาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เทว่าเขาไม่รับรู้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รู้สึกได้
เมื่อเห็นสายตาของหนานกงจวิ้นซีปรากฏความเวทนาวาบขึ้นมา ทำให้เห็นว่าเล่อเหยาเหยามีใบหน้าตะลึงอย่างชัดเจน ก่อนพลันโมโหในใจขึ้นมา
เพราะจากสายตาของชายหนุ่มตรงหน้า เล่อเหยาเหยาจึงเข้าใจความหมายในใจของเขา เขาสงสารเธอหรือ? สงสารเธอเรื่องใด!?
แม้บางครั้งเธอจะรู้สึกว่าตนน่าเวทนา แต่เธอก็ยังเคารพตนเอง สิ่งที่เธอไม่ต้องการที่สุดคือการความสงสารจากคนอื่น
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาจึง เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนพลันเงยหน้าจ้องหนานกงจวิ้นอย่างรุนแรง
เมื่อรับรู้ถึงสายตาโมโหของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีพลันได้สติ ใบหน้าตกตะลึง ภายในดวงตาอดปรากฎความสงสัยวาบขึ้นมาไม่ได้
เพราะเขาไม่รู้ว่าขันทีน้อยตรงหน้าเป็นอันใดกันแน่? หรือโมโหที่เขาตั้งใจทำให้“เขา”เปียก!?
ทว่าหลังคิดถึงเรื่องนี้ หนานกงจวิ้นซีกลับยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจให้กับเล่อเหยาเหยา
เฮอ เฮอ เพราะเมื่อครู่เขาตั้งใจ
ใครให้ขันทีน้อยนี้โอหังเช่นนี้ หากเขาไม่สั่งสอน“เขา”สักเล็กน้อย ขันทีน้อยนี้ต้องไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเป็นแน่!
หลังคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซียิ้มที่มุมปากให้กับเล่อเหยาเหยาที่โมโห ก่อนเอ่ยว่า
“กระต่ายน้อย ขัดหลังให้ข้าเถอะ!”
เอ่ยจบ เห็นหนานกงจวิ้นซียื่นมืออกไปหยิบผ้าขนหนูบนถังไม้ ก่อนโยนไปทางเล่อเหยาเหยา และตกลงบนศีรษะของเล่อเหยาเหยาพอดี
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก โดยเฉพาะยามเห็นใบหน้าของคนที่มองเธอโมโหอยู่อย่างดีอกดีใจนั้น
เห็นชัดว่าหน้าตาออกจะหล่อเหลา เหตุใดนิสัยกลับร้ายกาจเช่นนี้!? คนเลวสมควรตาย!
ได้ เมื่อตอนนี้เขาคิดจะมีความสุขบนความทุกข์ของเธอ เช่นนั้นเธอต้องไม่ทำให้เขาสมปรารถนาเด็ดขาด!
หลังคิดเรื่องนี้ได้ เล่อเหยาเหยาค่อยๆ ยื่นมือดึงผ้าขนหนูที่ปิดอยู่บนศีรษะลงมา
เห็นชัดว่าเมื่อครู่ใบหน้ายังโมโหราวจะพ่นไฟออกมา ทว่าหลังดึงผ้าขนหนูลงกลับพลันเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ช่างเปลี่ยนได้รวดเร็ว จนทำให้หนานกงจวิ้นซีตกตะลึง
เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ เพียงพริบตาเดียว เมื่อครู่เห็นชัดว่ากำลังโมโห เพียงครู่เดียวเปลี่ยนเป็นประจบประแจงอย่างรวดเร็ว ราวกับพลิกหนังสือ!
อีกทั้งเมื่อเห็นท่าทางของขันทีน้อย ฝีมือการเปลี่ยนหน้านี้ถือว่าฝึกได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
พอคิดถึงตรงนี้ ทำให้หนานกงจวิ้นซียิ้มมุมปาก ขณะแอบคิดในใจ
เฮอ เฮอ ขันทีน้อยนี้นับวันยิ่งน่าสนใจมากขึ้น!
มีของน่ารักเช่นนี้อยู่ วันต่อไปของเขาต้องเต็มไปด้วยสีสันแน่นอน!
ทว่า ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่กำลังมีความสุข เล่อเหยาเหยากลับก้มหน้าลงพลันยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
ดวงตาเป็นประกาย ทว่ากลับเผยความเจ้าเล่ห์ออกมาไม่หยุด
………………………………………………………………….