สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 89.3 ตกตะลึงทั่วเวที (3) (รีไรท์)
ครั้งแรกที่เห็นตนแต่งกายเป็นผู้หญิง เล่อเหยาเหยาตกตะลึง และปีติยินดีอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะความตกตะลึงที่แวบขึ้นมาในดวงตาของพญายม ที่แม้จะหายไปอย่างรวดเร็ว จนดวงตาแคบยาวนั้นกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่สายตาตกตะลึงเมื่อครู่ของเขา ยังถูกเล่อเหยาเหยาเห็นเข้า
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจเล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกเบิกบาน
ฮ่า ฮ่า คิดไม่ถึงว่าตนเองก็มีเสน่ห์ กระทั่งพญายมเมื่อครู่ยังถูกสภาพตอนนี้ของเธอ ทำให้สับสน!
ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งดีใจและขวยเขิน ทันใดนั้นก็ค่อยๆ หลบสายตาลง นั่งลงทำความเคารพต่อพญายม
“บ่าว ขอคารวะท่านอ๋อง”
น้ำเสียงของเล่อเหยาเหยา กังวานนุ่มนวล ดุจนกขมิ้นในหุบเขา เสียงไพเราะจับใจ
เมื่อได้ยินรู้สึกพึงพอใจ
หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ทุกคนค่อยๆ ได้สติ
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ได้ยิน เพียงพยักหน้าเล็กน้อย บนใบหน้ากลับมาเรียบเฉยเช่นเดิม ดวงตางดงามแคบยาวคู่นั้น ดุจบ่อน้ำพันปี ที่ทำให้คนคาดเดาไม่ได้
มีเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เข้าใจดีว่า เมื่อเขาถูกคนตรงหน้าทำให้ตกตะลึง ในใจรู้สึกสูญเสียการควบคุมเช่นกัน
แอบถอนหายใจอยู่ในใจ
น่าเสียดาย หาก ‘เขา’ เกิดเป็นสตรี เช่นนั้นจะดีเพียงใด
สำหรับความคิดที่พลันผุดขึ้นมาของตนนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
ตนรังเกียจสตรีมิใช่หรือ!
แต่เหตุใดกลับชื่นชอบขันทีน้อยตรงหน้าที่แต่งกายเป็นสตรีผู้นี้!
สำหรับความคิดนี้ของตน เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองล้วนไม่มีคำตอบ
อีกทั้งเขารู้ดีว่าความคิดนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะกระต่ายน้อยคือขันที
สำหรับความคิดในใจทั้งหมดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้าง เวลานี้ยังไม่ได้สติกลับมาจากการตกตะลึง
ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้น หลังจากเล่อเหยาเหยาปรากฎตัวขึ้นมาในห้องโถง ก็ไม่ละสายตาออกไปจากตัว ‘เขา’ แม้วินาทีเดียว
ในใจตกตะลึงอย่างยิ่ง!
สวรรค์!
สาวน้อยที่งดงามน่าตกตะลึงตรงหน้า ที่แท้คือขันทีน้อยน่าชังผู้นั้น! จะเป็นไปได้เช่นไรกัน!
เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ สาวน้อยที่งดงามน่าตกตะลึงตรงหน้านี้ ก็คือขันทีน้อยที่เขาโมโหอยู่ทุกวัน
ช่างเปลี่ยนแปลงมากเกินไปจริงๆ!
ทำให้เขายากที่จะยอมรับได้
แม้เขาจะรู้ว่าขันทีน้อยน่าชังนี้มีรูปร่างประณีตสวยงาม แต่คิดไม่ถึงว่าพอ ‘เขา’ แต่งกายเป็นสตรีจะงดงามเช่นนี้ ความงามล้ำนี้ ตราตรึงใจยิ่งกว่าสตรีเสียอีก!
แม้เขาจะเห็นสาวงามมามากมายตั้งแต่เด็ก ทั้งร้อนแรง งามพริ้ง น่ารัก จิ้มลิ้ม
แต่ทุกคนต่างเทียบไม่ได้กับคนตรงหน้านี้
แม้ ‘เขา’ เวลานี้จะสวมเพียงกระโปรงธรรมดา บนศีรษะไม่มีเครื่องประดับมีค่าใด แต่ ‘เขา’ เช่นนี้กลับดูงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ โดดเด่น และบริสุทธิ์
คล้ายเทพธิดาแอบลงมายังโลกมนุษย์ งดงาม ชวนหลงใหล น่ารัก และจิ้มลิ้มเช่นนี้
ทำให้เขามองจนตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว
ในใจหวั่นไหวอย่างรุนแรง คล้ายถูกบางสิ่งกระแทก กระทั่งจังหวะการเต้นของหัวใจ คล้ายเต้นไม่เป็นส่ำ
อีกทั้งยิ่งมอง หนานกงจวิ้นซียิ่งรู้สึกว่า
ความจริงขันทีน้อยตรงหน้านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ใครเกลียดชังขนาดนั้น อย่างน้อย ‘เขา’ ในตอนนี้ก็งดงามอย่างยิ่ง จนทำให้คนใจเต้น
เอ่อ! ใจเต้น! ผีเข้าแล้ว! เขาบ้าไปแล้ว!
มิฉะนั้นเหตุใดถึงพลันมีความคิดที่แปลกประหลาดเช่นนี้ผุดขึ้นมา!
ใจเต้น! ฝ่ายตรงข้ามยังเป็นขันทีน้อยผู้หนึ่ง โอ้ สวรรค์ เขาคิดบ้าสิ่งใดกัน!
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีก็วุ่นวายใจ และอึดอัดไม่หยุด
ทว่าสุดท้ายเขาเพียงจ้องเขม็งไปที่เล่อเหยาเหยาแวบเดียว
โยนความผิดทั้งหมดให้กับเล่อเหยาเหยา
ทั้งหมดนี้ต้องโทษขันทีน้อยนิสัยเสียผู้นี้!
ถูกต้อง ทั้งหมดต้องโทษ ‘เขา’!
หลังจากคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีละสายตาอันรุนแรงของตนออกมาจากเล่อเหยาเหยา ก่อนไม่กล้ามองเล่อเหยาเหยาอีก
ส่วนทางด้านเล่อเหยาเหยา ที่ไม่รู้ความคิดของหนานกงจวิ้นซี
ก็ไม่รู้ว่าการแต่งตัวของตนเวลานี้ น่าตกตะลึงเพียงใด และทำให้ใจของหนานกงจวิ้นซีเกิดความคิดที่ไม่ควรมีขึ้นมา จนถูกหนานกงจวิ้นซีหมายหัวไว้ในบัญชีแค้นอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้ เธอไม่รับรู้เลย
เพราะหลังจากเธอเข้ามา ความคิดจิตใจทุกอย่างอยู่ที่ชายหนุ่มหล่อเหลาดุจเทพเซียนตรงหน้า
หลังจากเห็นชายหนุ่มตรงหน้า ในใจเล่อเหยาเหยาอดคิดถึงประโยคหนึ่งในบทกวีขึ้นมาไม่ได้
รูปโฉมงดงาม ท่าทางอ่อนช้อยดุจห่านป่า สดใสดุจดอกเบญจมาศในฤดใบไม้ร่วง สดชื่นสว่างไสวดุจต้นสนเขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิ
การอธิบายนี้น่าจะใช้กับคนประเภทเช่นเขา!
แม้วันนี้ชายหนุ่มตรงหน้าจะสวมชุดคลุมผ้าฝ้ายเรียบง่ายสีดำ เอวคาดด้วยสายรัดเอวสีทอง ทว่าเมื่อมองทั่วร่างกาย กลับหล่อเหลาจนคนยากที่จะละสายตา
มีคนประเภทหนึ่ง ได้รับพรจากฟ้า น่าจะหมายถึงชายหนุ่มเช่นพญายมนี้!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ พลางหมายจะเดินไปอยู่ข้างกายพญายม
เพราะแม้เวลานี้จะแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่เธอยังเป็นขันทีอยู่ข้างกายพญายม ดังนั้น การคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายพญายม คือสิ่งที่เธอควรต้องทำ
เพียงแต่เมื่อเล่อเหยาเหยาเดินเข้าไปทางเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับไม่ระวังสะดุดชายกระโปรงของตนเข้า
ครั้งแรกที่สวมชุดผู้หญิง ก็รับไม่ไหวเสียแล้ว!
เวลานี้เล่อเหยาเหยา เพียงส่งเสียง ‘อา’ ออกมา ร่างกายพลันสูญเสียการทรงตัว กระโจนไปด้านหน้าทันที
และด้านหน้าของเธอ คือพื้นหินสีน้ำเงินครามที่แข็งแรง
หากล้มลงไป ต้องจมูกหักเป็นแน่
หลังร้องอย่างตกใจ เล่อเหยาเหยายอมรับชะตากรรมที่ต้องล้มลงไปของตน จนหลับตาลงแน่น
เพียงแต่ขณะที่เล่อเหยาเหยาจะหกล้มลงไปนั้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้ามเธอเห็นเข้า ร่างกายดุจธนูหลี่ซวน พุ่งเข้ามาที่เล่อเหยาเหยาอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับยื่นแขนยาวออกมา หมายดึงตัวเล่อเหยาเหยาเข้ามาในอ้อมอก
เพียงแต่ครั้งนี้กลับมีบางคนที่เร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง
เล่อเหยาเหยาขณะที่หลับตา รู้สึกเพียงเอวถูกรัดแน่น ทันใดนั้น ร่างกายก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกที่แข็งแรงกำยำ
อ้อมกอดนี้ ดูแปลกตาเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นหอมของอำพันทะเลที่คุ้นเคยนั้น แต่เป็นกลิ่นหอมจางๆ ของดอกกุหลาบ อันหอมเย้ายวน
ขณะสงสัยอยู่ในใจ เล่อเหยาเหยาอดลืมดวงตางดงามมึนงงขึ้นมาไม่ได้ ก่อนเงยหน้าจากอกอันแข็งแรงกำยำนั้นขึ้นไป จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฎขึ้นมาในสายตาของตน
ใบหน้าคมคายดุจกระบี่ ผมยาวดุจเส้นไหม สยายอยู่เต็มหลัง ทำให้ใบหน้านั้นน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
แต่บนตัวของเขากลับสวมกระโปรงสีขาวเบาบางที่ไม่เหมาะสมกับใบหน้าหล่อเหลา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาที่หายจากตกตะลึง อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“องค์ชายเจ็ด คิดไม่ถึงว่าท่านแต่งกายเป็นสตรีแล้วจะงดงามเช่นนี้!”
…………………………………………………………………..