สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 90.1 ระบำอันงดงาม (1) (รีไรท์)
“เอ่อ”
หวังดีช่วยคน กลับถูกเล่อเหยาเหยาตอกกลับมาประโยคหนึ่ง ใบหน้าของหนานกงจวิ้นซีจึงดูเก้อเขิน กัดกระพุ้งแก้มแน่น สีหน้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห
เมื่อเขามองตามใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแย้มดุจบุปผานั้นของเล่อเหยาเหยาไป คิ้วกระบี่น่ามองนั้นอดเลิกขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ ก่อนเอ่ยเยาะเย้ยออกมา
“เจ้าเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าขันทีน้อยเช่นเจ้า แต่งกายเป็นสตรีแล้ว ดูไม่เลวเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย หน้าอกเล็กเกินไป ราวกับเป็นองค์หญิงไท่ผิง[1]!”
“เอ่อ”
ครั้งนี้ กลับเป็นเล่อเหยาเหยาที่ตกตะลึง
ทันใดนั้นจึงพบว่าสายตาของหนานกงจวิ้นซีเวลานี้ หยุดอยู่ที่บริเวณหน้าอกของเธออย่างไร้ความหวาดกลัว
ใบหน้าเล็กงดงามนั้นพลันเก้อเขิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโมโห!
ถ้าเป็นไปได้ เล่อเหยาเหยา อยากจะฆ่าเจ้าคนชั่วตรงหน้านี่เสียจริง
หน้าอกเล็กเกินไปหรือ!
เจ้าสิถึงหน้าอกเล็ก บ้านเจ้าทุกคนต่างหน้าอกเล็ก!
มารดามันเถอะ เจ้านี่ยังมีกะจิตกะใจมาโจมตีสาวน้อยที่อ่อนแอเช่นเธอ
เดิมที เธอน้อยเนื้อต่ำใจกับหน้าอกของตนพอแล้ว ตอนนี้กลับมาถูกคนอื่นพูดต่อหน้าว่าหน้าอกเล็ก!
ฮือๆ เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฮือๆ
เวลานี้เล่อเหยาเหยาน้ำตาตกใน แต่บนใบหน้ากลับกัดฟันกรอด
สายตาที่มองไปยังหนานกงจวิ้นซี เต็มไปด้วยประกายไฟที่กำลังลุกโชน
หากสายตานั้นสามารถสังหารคนได้ เกรงว่าเวลานี้หนานกงจวิ้นซีคงถูกเล่อเหยาเหยาแล่เนื้อเถือหนังไปแล้ว
เมื่อเผชิญกับสายตาเกลียดชังของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีไม่โมโหแม้แต่นิดเดียว กลับรู้สึกเบิกบานใจด้วยซ้ำไป
ฮา ๆ ในที่สุดสายตาของ ‘เขา’ ก็มองมายังเขา
เมื่อครู่เมื่อ ‘เขา’ เข้ามา สายตามีเพียงศิษย์พี่ใหญ่ คล้ายผู้อื่นต่างไร้ตัวตน
หนานกงจวิ้นซีมีสง่าราศีมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าไปที่ใด ทุกคนต่างจ้องมอง แต่ตอนนี้ ความรู้สึกถูกเมินเฉย ช่างเกินจะรับไหวเสียจริง
ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้ว เพราะในที่สุดสายตาของ ‘เขา’ ก็มองมาที่ตน แม้จะเป็นสายตาที่เกลียดชัง คล้ายแทบจะยิงตัวเขาให้เป็นรูพรุน
แต่เขากลับไม่สนแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้งคล้ายรู้สึกว่าเล่อเหยาเหยายังโมโหไม่พอ ดวงตาดอกท้อที่เปี่ยมด้วยการหยอกล้อคู่นั้นกวาดมองไปรอบด้านครู่หนึ่ง เห็นถาดหมั่นโถวและซาลาเปาเนื้อถูกวางอยู่บนโต๊ะด้านข้างตนพอดี
สิ่งของพวกนี้ เดิมทีจะให้ขันทีน้อยเหล่านั้นรับประทาน แต่ว่าตอนนี้ เมื่อดวงตาดอกท้อของหนานกงจวิ้นมองไปยังหมั่นโถวและซาลาเปลาพวกนั้น พลันเป็นประกาย ฉุกคิดเรื่องที่น่าสนุกขึ้นมาได้ ก่อนยิ้มที่มุมปาก
เมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของหนานกงจวิ้นซี ทำให้เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ และไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกไม่ปลอดภัยมากที่สุด
การที่องค์ชายเจ็ดยิ้มอัปลักษณ์เช่นนี้ ต้องเป็นเพราะคิดแผนร้ายบางอย่างขึ้นมาแน่นอน
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ในใจ ก็เห็นหนานกงจวิ้นซียื่นมือใหญ่ออกมา หยิบหมั่นโถวขึ้นมาสองลูก จากนั้นขณะที่เล่อเหยาเหยางงงัน เขาก็ดึงสาบเสื้อบริเวณหน้าอกของเธอเปิดออก จากนั้นก็ยัดมันเข้าไป
หลังจากยัดเสร็จ ตบมือทั้งสองข้าง พลันกอดอกคล้ายประเมินบางอย่าง พอใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของร่างกายเล่อเหยาเหยา โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก ที่ตั้งใจหยุดมองอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยอย่างพอใจว่า
“อืม เช่นนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว! ฮ่าๆ”
หลังจากหนานกงจวิ้นซีเอ่ยจบ อดที่จะกุมหน้าท้องหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่เกรงใจอยู่ด้านข้างไม่ได้
เขาหัวเราะอย่างเบิกบานใจอย่างยิ่ง เสียงหัวเราะนั้น ดังกึกก้องไปถึงท้องฟ้า
เมื่อเห็นท่าทางหัวเราะชอบใจของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างกลับโมโหอย่างหนัก
คนสารเลวสมควรตาย! ทำให้เธอเป็นตัวตลก!
เอ่ยว่าหน้าอกเธอเล็กหรือ!
ใช่ หน้าอกเธอเล็ก แต่นั่นเกี่ยวอันใดกับเขา!
เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างยิ่ง ในใจคล้ายมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนเผาไหม้ขึ้นมาไม่หยุด
หากเป็นไปได้ เธออยากสั่งสอนชายหนุ่มน่าตายตรงหน้าสักยก
แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือรูปร่าง ล้วนเป็นไปไม่ได้!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาเศร้าใจอย่างยิ่ง
แต่เล่อเหยาเหยาเศร้าใจเพียงชั่วขณะ ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงปรายตามองเขาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซียังไม่ได้สติ เห็นเล่อเหยาเหยาพลันยื่นมือออกมาพร้อมหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็หยิบซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ที่สุดบนโต๊ะถือไว้ในมือ
หนานกงจวิ้นซีเห็นเช่นนั้น ค่อยๆ รู้ถึงความตั้งใจของเล่อเหยาเหยา แต่กลับสายเกินไป
เห็นเพียงที่ราบที่สามารถเฆี่ยนม้าห้อเหยียดได้ของตน ได้กลายเป็นเกลี่ยวคลื่นอันเชี่ยวกราก
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานั้นพลันชะงักงัน
ตรงข้ามกับรอยยิ้มค้างของหนานกงจวิ้นซี ทุกคนต่างอดหัวเราะเสียงดัง ‘ฮ่าๆ’ อย่างไม่เกรงใจออกมาไม่ได้
ส่วนคนที่หัวเราะอย่างหนักที่สุด คือเล่อเหยาเหยาแน่นอน!
เห็นเพียงเวลานี้เล่อเหยาเหยากุมท้องหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แทบลงไปนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นแล้ว
เพราะหนานกงจวิ้นซีในตอนนี้น่าขันอย่างยิ่ง
เห็นเพียงเขารูปร่างใหญ่โต มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าแม้จะประณีต แต่รูปร่างแบนราบอย่างยิ่ง ทำให้คนรู้ถึงสถานะบุรุษของเขาได้ง่าย
แต่ตอนนี้กลับแตกต่างออกไป!
ซาลาเปาไส้เนื้อสองลูกขนาดใหญ่ที่เล่อเหยาเหยาหยิบมา เหมาะสมกับรูปร่างสูงใหญ่ของหนานกงจวิ้นซีอย่างยิ่ง
หากเติมแต่งบนใบหน้าเพิ่มอีกสักนิด เมื่อเดินออกไป ผู้คนต้องเหลียวหลังกันร้อยเปอร์เซนต์แน่นอน
เมื่อเห็นหน้าอกอันใหญ่โตของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาหัวเราะจนปวดท้อง
หึ ๆ!
เธอตอนนี้เพียงหนามยอกเอาหนามบ่งเท่านั้น
ใครให้เขารังแกเธอ หึๆ!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาภูมิใจ ยิ้มจนแก้มปริอยู่นั้น
ทางด้านหนานกงจวิ้นซีที่เห็นรอยยิ้มน่าหมั่นไส้บนใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยา คิดเข้าไปสั่งสอนเธอสักหนึ่งยกอย่างมาก
“เจ้าบ่าวน่าตาย เจ้าห้ามยิ้ม!”
“ฮ่าๆ องค์ชายเจ็ด บ่าวเพียงหนามยอกเอาหนามบ่ง หรือองค์ชายเจ็ดตอนนี้เป็นขุนนางที่วางเพลิง ทว่าไม่ยอมให้ราษฎรจุดตะเกียง!”[2]
“เจ้า!”
เมื่อเห็นสีหน้าไร้เดียงสาและคำพูดคมคายของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีกลับขัดเขินไปทั่วใบหน้า ไม่รู้ควรโต้แย้งเช่นไรกลับไปถึงจะเหมาะสม
อีกทั้งตอนนี้เขาจึงรู้ว่าตนที่สง่างามดังชายชาตรี ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับขันทีน้อยผู้นี้ ล้วนต้องพ่ายแพ้ยับเยิน น่าชังยิ่งนัก!
ขณะที่หนานกงจวิ้นซีโมโหจนกัดฟันกรอด ส่วนทางเล่อเหยาเหยากลับยิ้มแย้มอย่างเบิกบานใจ
แต่เขาสองคนกลับไม่รู้ตัวเลยว่า เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา บนใบหน้าหล่อเหลานั้นเย็นชาเช่นไร
หากมองอย่างละเอียด จะเห็นความผิดหวังภายในแววตาของเขา
เมื่อครู่เขาอยากรับตัว ‘เขา’ ไว้ แต่กลับถูกศิษย์น้องตัดหน้าไปก่อน
เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่งเท่านั้น เหตุใดเมื่อเห็น ‘เขา’ ถูกศิษย์น้องรับตัวไป เห็น ‘เขา’ ต่อล้อต่อเถียงสนุกสนานกับศิษย์น้อง ในใจเขากลับรู้สึกไม่พอใจ!
…
หลังจากทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็รีบออกไปยังสถานที่จัดงานอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ แม้หนานกงจวิ้นซีจะอึดอัดใจอย่างยิ่ง แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญอย่างมาก ดังนั้นหลังจากทะเลาะต่อล้อต่อเถียงกับเล่อเหยาเหยาจบแล้ว จึงไปแต่งหน้า
ดังนั้นหญิงงามรูปร่างสูงโปร่ง สมบูรณ์แบบ หน้าตางดงามก็ปรากฎตัวขึ้นมาบนโลก!
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ไม่ว่าเดินไปที่ใด ต่างดึงดูดสายตาของผู้คนให้จับจ้อง
ครั้งนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนและสร้างความฮือฮา
หนานกงจวิ้นซีจึงเดินวางมาดไปที่ลานการแข่งขัน
แม้หนานกงจวิ้นซีจะเป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี แต่ตอนนี้เมื่อแต่งกายเป็นหญิงสาว กลับไม่ทำให้คนเกิดความสงสัยเลยแม้แต่น้อย
แม้รูปร่างเขาจะสูงใหญ่ แต่หน้าอกกลับราวลูกคลื่นที่โหมซัดสาด
และช่างแต่งหน้าที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋เชิญมา ก็เปลี่ยนใบหน้าสดใสดุจพระอาทิตย์ของเขาให้งดงามอย่างลงตัว
ให้คนที่เห็น คิดเพียงว่าเขาคือหญิงงามที่องอาจกล้าหาญ!
[1] องค์หญิงไท่ผิง เปรียบเปรยถึงหญิงสาวที่มีหน้าอกเล็กแบนราบ
[2] ขุนนางที่วางเพลิง ทว่าไม่ยอมให้ราษฎรจุดตะเกียง หมายถึง ผู้มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนคนธรรมดาทำอะไรก็ผิดไปหมด