สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 91.1 ความผิดปกติขององค์ชาย (1) (รีไรท์)
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็ทำการแสดงเสร็จสิ้น
หลังจากการหารือและคำนวณผลคะแนนของคณะกรรมการทุกท่านจบลง ผลการแข่งขันจากลำดับชื่อในการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ในที่สุดก็ออกมา
อันดับที่หนึ่งคือเล่อเหยาเหยา อันดับที่สองคือหนานกงจวิ้นซี อันดับที่สามคือหนึ่งในหญิงสาวสิบคนนั้น
การได้รับรางวัลอันดับที่หนึ่ง ทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง
แม้เธอจะทราบดีว่าตนคือหนึ่งในผู้ที่โดดเด่นในการแข่งขันครั้งนี้ แต่ยังมีหนานกงจวิ้นซีอีกคน
เพลงขลุ่ยของเขา ไพเราะจับใจยิ่งนัก ทำให้ผู้ฟังดื่มด่ำเคลิบเคลิ้ม
ดังนั้น คู่แข่งที่สำคัญของเธอคือหนานกงจวิ้นซี คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายเธอจะได้อันดับที่หนึ่ง
สำหรับผลการแข่งขันนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจอย่างยิ่ง
อีกทั้งรู้สึกอารมณ์ดีตื่นเต้นจนตัวแทบลอยขึ้นมา
กอดเสี่ยวมู่จื่อหัวเราะกระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้น
“เสี่ยวมู่จื่อ ฮ่าๆ ข้าได้อันดับหนึ่ง ดีใจยิ่งนัก”
“ฮ่าๆ เสี่ยวเหยาจื่อ ยินดีกับเจ้าด้วย! การเต้นเมื่อครู่ของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าเต้นรำได้ล่ะ!”
การที่เล่อเหยาเหยาได้อันดับที่หนึ่ง เสี่ยวมู่จื่อไม่อยากเชื่อสายตาอย่างยิ่ง
และยังทำให้เขาสงสัย เห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยาเป็นเด็กจากครอบครัวฐานะยากจน เหตุใดจึงเต้นรำได้กัน!
เมื่อเห็นดวงตาสีหน้าสงสัยของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขาสงสัยในเรื่องใดทันที ดังนั้นจึงยิ้มแย้มอย่างภูมิใจพลางเอ่ยว่า
“สิ่งที่เจ้าไม่รู้ยังมีอีกมากมาย! เสี่ยวมู่จื่อ เจ้าไม่รู้ว่าตัวข้าน่ะเฉลียวฉลาดหรือ!”
“ฮ่าๆ” เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยชมตนเองอย่างโอหัง เสี่ยวมู่จื่อเพียงหัวเราะออกมา
แล้วเล่อเหยาเหยาก็ขึ้นไปรับรางวัลบนเวที
เธอกุมกล่องผ้าเงินหนึ่งร้อยตำลึงไว้ในมือ ก่อนจะยิ้มอย่างโง่งมขึ้นมา
สวรรค์!
นี่คือเงินหนึ่งร้อยตำลึง!
เงินหนึ่งร้อยตำลึงของจริง!
ต่อไปแม้สามปีให้หลังต้องออกจากวังอ๋องไป เธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกแล้ว!
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งตื่นเต้นดีใจ
ยิ้มกว้างไม่หุบตลอดเวลา
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ยิ้มอย่างโง่งม หนานกงจวิ้นซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่สนใจเงินห้าสิบตำลึงในมือนั้นแม้แต่นิดเดียว
อันที่จริงเงินห้าสิบตำลึงสำหรับเขา เดิมทีไม่มีค่าอันใด
หลังจากได้รับเงินรางวัลของตน หนานกงจวิ้นซีก็คิดจะหมุนกายลงจากเวทีไป
แต่ว่าเวลานั้น เล่อเหยาเหยาที่ยังยิ้มอย่างโง่งมอยู่ก็พลันได้สติ เมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีหมุนกายจากไป พลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบพุ่งไปด้านหน้าของหนานกงจวิ้นซี ก่อนยื่นมือออกมา
“องค์ชายเจ็ด ฮิ ๆ สิ่งที่ท่านเคยสัญญารับปากไว้ คงไม่ลืมหรอกนะ!”
เล่อเหยาเหยาเลิกคิ้วน่ามองขึ้นชั่วขณะ ก่อนเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีอย่างภาคภูมิใจ
เพราะพวกเขาตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่า ผู้ชนะสามารถขอให้ฝ่ายที่แพ้ทำเรื่องใดก็ได้หนึ่งอย่าง
เธอขัดตากับองค์ชายเจ็ดตรงหน้าที่ยโสโอหังดูถูกผู้อื่นเช่นนี้เป็นที่สุด ดังนั้นตอนนี้ในที่สุดเมื่อเธอได้อันดับที่หนึ่งมาครอง เพราะฉะนั้นเธอจะปราณีเขาได้อย่างไร!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดวกวนว่าจะลงโทษองค์ชายเจ็ดนี้เช่นไรดี กลับพลันเห็นว่าหนานกงจวิ้นซีตรงหน้าคล้ายมีบางอย่างผิดปกติไป
อีกทั้งคล้ายเขาเริ่มมีท่าทีแปลกไป ตั้งแต่เธอลงมาจากเวทีหลังทำการแสดงเสร็จสิ้น
สีหน้าดูเคร่งขรึม ภายในดวงตาดอกท้อแคบยาวคู่นั้นที่มองมายังเธอก็แปลกไปเช่นกัน
แต่แปลกที่ใดกันแน่ เวลานี้เธอไม่สามารถอธิบายได้
หรือเป็นเพราะองค์ชายเจ็ดรู้ว่าตนพ่ายแพ้ จึงไม่พอใจ!
ฮึ!เธอรู้อยู่แล้วว่าชายผู้นี้ใจแคบเหมือนไส้ไก่ แต่ว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เขาเคยรับปากเธอ เธอจะยอมให้เขาบิดพลิ้วได้เช่นไร!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ในใจ หนานกงจวิ้นซีที่ยืนอยู่ตรงหน้า กลับก้มหน้าจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มตรงหน้า พลันเงียบไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยถามว่า
“เจ้าจะให้ข้าทำอันใด พูดมา!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี กลับทำให้เล่อเหยาเหยาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
เหตุใดจึงตกลงง่ายดายเช่นนี้!
เธอคิดว่าเขาคงจะบิดพลิ้วเป็นแน่!
แต่ว่าเขาไม่บิดพลิ้วก็ดี ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงก้มหน้าขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แต่หลังจากคิดอยู่เป็นนาน กลับไม่รู้ว่าควรให้องค์ชายเจ็ดทำสิ่งใดถึงจะดี
อันที่จริงตอนแรกที่พนันกับเขา เพียงอยากลดความกล้าของเขาลง ตอนนี้เมื่อได้รับชัยชนะ เวลานี้เธอกลับไม่รู้ว่าควรให้เขาทำสิ่งใด
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ตอนนี้บ่าวยังคิดไม่ออก หากวันหน้าคิดได้ ค่อยบอกท่าน!”
“ตกลง”
หลังจากเล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ หนานกงจวิ้นซีก็เอ่ยสั้นๆ เพียงคำเดียว ก่อนก้าวเดินผ่านเล่อเหยาเหยาไป
เมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีแปลกไปจากปกติ เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วน่ามองแน่นครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า
“ชายผู้นี้ เหตุใดวันนี้ดูแปลกไป!”
ขณะที่สงสัยอยู่ในใจ ก็กวาดตามองไป เล่อเหยาเหยาเห็นรอยเลือดบนหลังมือของหนานกงจวิ้นซีเข้า พลันตกใจก่อนอุทานออกมา
“มือของเขา!”
เหตุใดจึงมีรอยเลือด!
อีกทั้งเลือดไหลมากมายขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยหรือ!
แล้วเขาบาดเจ็บได้เช่นไร!
ดูจากบาดแผล เขาน่าจะใช้หมัดของตนทุบตีกับบางสิ่งจึงกลายเป็นเช่นนี้
คงมิใช่เมื่อรู้ว่าตนพ่ายแพ้แล้ว เขาจึงไม่พอใจแอบไปทุบตีบางสิ่งเพื่อระบายออกมาหรอกนะ!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันฉุกคิดได้ ก่อนพึมพำว่า
“ที่แท้วันนี้ที่เขาดูแปลกไป เพราะไม่พอใจที่แพ้เรานี่เอง! ฮึ เหตุใดชายผู้นี้ถึงไม่รู้จักยอมแพ้เช่นนี้!”
หลังแอบนินทาจบ เล่อเหยาเหยาก็ไม่คิดเรื่องหนานกงจวิ้นซีอีก เพราะเธอยังมีงานอีกเรื่องที่ต้องไปทำ!
…
หลังแข่งขันเสร็จสิ้น พวกเล่อเหยาเหยาที่เป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันถูกคนนำตัวไปที่พักตากอากาศที่จัดเตรียมไว้
เล่อเหยาเหยารู้ดีว่าการพาพวกเธอไปบ้านพักตากอากาศ เป็นเพียงการตบตาเท่านั้น
หลังจากนั้นจะมีคนแอบมาสับเปลี่ยนแทนที่พวกเขา
เมื่อถึงกำหนดเวลา คนจากวังรุ่ยอ๋องที่ส่งมาก็นำตัวพวกเธอไปยังบ้านพักตากอากาศทางอุโมงค์แคบสายหนึ่ง ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงเดินตามผู้เข้าแข่งขันกลุ่มใหญ่ไปยังบ้านพักตากอากาศอย่างเงียบๆ ก่อน
หญิงสาวพวกนั้นแม้จะไม่แน่ใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่เมื่อรุ่ยอ๋องสั่งการลงมา พวกเธอก็ได้แต่ต้องทำตาม
ส่วนขันทีน้อยในวังรุ่ยอ๋องเหล่านั้นรู้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างนิ่งสงบ
และเส้นทางนั้นสามารถเข้าไปได้เพียงทีละคน พวกเธอมีจำนวนสี่สิบคน แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ดังนั้นองครักษ์จากวังรุ่ยอ๋องจึงเร่งให้ทุกคนเดินเข้าไป
เล่อเหยาเหยาก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน เธอถูกหนีบอยู่ในกลุ่มคนที่เบียดเสียดนั้น ตอนนี้เธอทำได้เพียงอดทนไปก่อน เพราะเมื่อออกไปได้ก็จะดีขึ้น
หลังเธอออกมาจากกลุ่มอย่างยากลำบากได้ กลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งในอกเสื้อหายไป
จึงยื่นมือไปลูบคลำครู่หนึ่ง พลันตกใจขึ้นมา
“สวรรค์! เงินของข้าล่ะ!”
เล่อเหยาเหยาหน้าตาตื่น เมื่อครู่เธอเก็บเงินพวกนั้นไว้ในอกเสื้อของตนชัดๆ ก่อนเข้ามาในนี้ก็ยังอยู่บนตัวเธอ!
เหตุใดเมื่อเข้ามาในนี้ เงินบนตัวเธอจึงหายไป!
หรือเมื่อครู่มีคนมาจับปลาในน้ำขุ่น รู้ว่าบนตัวของเธอมีเงิน ดังนั้นจึงใช้โอกาสที่ทุกคนต่างเบียดเสียดกันเข้ามาด้านใน ยื่นมือมาขโมยเงินในอกเสื้อของเธอไป!
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาคิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างรวดเร็ว
ประการแรก หากตอนนี้มีคนขโมยเงินเธอไปจริง ต้องอยู่บนตัวของเขาเป็นแน่ หลังจากค้นหาต้องรู้ว่าผู้ใดคือขโมย ผู้คนในนี้ไม่ใช่คนโง่เขลา ต้องไม่ทำเช่นนี้แน่นอน
หากไม่ถูกคนขโมยไป เช่นนั้นต้องหล่นหายตอนเดินทางมาเมื่อครู่!
อืม นี่มีความเป็นไปได้มากกว่า!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็พลันร้อนใจ
เพราะเงินตั้งหนึ่งร้อยตำลึง!
แม้เธอจะทำงานในวังรุ่ยอ๋องไปอีกทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถหาเงินถึงขนาดนี้ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงปวดใจ!
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงมา เธอจะให้มันสูญหายไปไม่ได้เด็ดขาด!
เล่อเหยาเหยารีบใช้โอกาสที่องครักษ์ของวังรุ่ยอ๋องทางด้านหน้ามองไม่เห็นทางนี้ ก่อนย่อตัวลง แอบมุดเข้าไปในอุโมงค์อีกครั้ง
ตรงข้ามกับความแออัดเมื่อครู่ อุโมงค์เวลานี้กลับกว้างขวางยิ่งนัก และเงียบสงบอย่างมาก
แม้ที่นี่จะไร้ผู้คน แต่ภายในอุโมงค์ยังมีระยะห่างเล็กน้อย เมื่อยื่นคบเพลิงเข้าไป จะเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน
หลังมุดเข้ามาในอุโมงค์ เล่อเหยาเหยามองที่พื้นไม่หยุด ทั้งมองทั้งสอดส่องอย่างละเอียด ว่าจะเห็นเงินที่ตนทำตกหล่นอยู่บนพื้นหรือไม่
เพราะเมื่อครู่เธอใช้ถุงเงินสีค่อนข้างทึบห่อเอาไว้ ดังนั้นตอนนี้แม้จะมีแสงจากคบเพลิง ยังตามหาอย่างลำบากเช่นเดิม
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่กระพริบตา เพราะเกรงว่าตนจะพลาดสิ่งใดไป
แต่หลังจากหาอยู่เป็นเวลานาน กลับไม่เห็นถุงเงินของตนเลย เล่อเหยาเหยาจึงทั้งกังวลและร้อนรน ขณะที่เธอคิดย้อนกลับไปหลังหาไม่พบ ถุงเงินที่เธอห่อเอาไว้ก็ปรากฎขึ้นมาในสายตา
เล่อเหยาเหยาเห็นเข้า ดวงตาพลันเป็นประกาย
นี่ไม่ใช่ถุงเงินที่เธอหาอยู่เป็นนานหรอกหรือ!
สวรรค์! ดีเหลือเกิน ในที่สุดก็หามันพบ วันหน้าชีวิตของเธอยังจำเป็นต้องใช้เงินพวกนี้!
เล่อเหยาเหยาดีใจ จนรีบโผตรงเข้าไปเก็บถุงเงินที่ตกอยู่บนพื้น จากนั้นก็กุมแน่นไว้ในมือ
สีหน้าดีใจเต็มเปี่ยม เมื่อได้ของที่สูญหายกลับคืนมา
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังดีใจ ทันใดนั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงอาวุธปะทะกัน และเสียงอาวุธเฉือนเข้าที่เนื้อ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงสงสัย ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังที่มาของเสียง
เมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นภาพด้านหน้าของตน ทั่วร่างกายพลันตกใจอย่างสุดขีด ชะงักงันอยู่ตรงนั้น
…