สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 92.1 รวมตัวเข้าหอนางโลม (1) (รีไรท์)
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงลนลาน บนใบหน้าเล็กซีดเผือด ร้องตะโกนอย่างหวาดกลัวของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เห็น อดหดเกร็งในใจชั่วขณะอย่างเจ็บปวดไม่ได้!
ใบหน้าเคร่งขรึม เวลานี้ขมวดคิ้วแน่น บนใบหน้าราวกับปกคลุมไว้ด้วยชั้นของน้ำแข็ง
โดยเฉพาะ เมื่อเขาเห็นชายชุดดำผู้นั้นไม่ทีท่าจะหยุดลงแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ด้านหน้าของเขาคือหน้าผาสูงชันที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นหุบเขา
พอนึกถึงคนตัวเล็กนั้นอาจจะตกลงไปจากหน้าผาสูงชันนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ว่าความหวาดกลัวคือสิ่งใด!
เขาหวาดกลัว ว่าจะไม่ได้เห็นคนตัวเล็กตรงหน้าอีกตลอดกาล
สายตาที่มองชายชุดดำนั้น เย็นชาหนาวเหน็บ หากสายตาสามารถสังหารผู้คนได้ เกรงว่าชายชุดดำนี้คงถูกเขาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นไปแล้ว
“ปล่อยเขาไป ข้าจะละเว้นโทษตายให้เจ้า!”
เมื่อเห็นชายชุดดำหยุดยืนอยู่ริมหน้าผา ด้านหน้าคือหน้าผาสูงชัน และเล่อเหยาเหยาอยู่ในกำมือของเขานั้น ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วพลางเอ่ยอย่างโมโห
ส่วนชายชุดดำเมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไล่ตามติดมา และดูกังวลใส่ใจหญิงสาวในมือของตน ดวงตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นของเขาพลันเป็นประกายชั่วขณะ
สายตาที่มองเล่อหยาเหยาดูลึกล้ำสับสน
ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มัวกังวลอยู่กับเล่อเหยาเหยา กลับไม่สังเกตเห็นจุดนี้เลย
เล่อเหยาเหยาที่หวาดกลัวว่าตนจะตกลงไปในหน้าผา ก็ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของชายชุดดำเช่นกัน
เพราะหลังจากเล่อเหยาเหยากวาดตามองเห็นภาพด้านหลังอย่างชัดเจน ก็ตกใจจนแทบร้องไห้ออกมา
เห็นเพียงห่างจากเธอไปสามก้าว คือเหวลึกที่มองไม่เห็นด้านล่าง
สายลมพัดผ่านหุบเขาขึ้นมาไม่หยุดนั้น หนาวเหน็บจนไปถึงกระดูก จนทำให้ใจคนหนาวสั่น
ก้อนเมฆลอยวนเวียนอยู่ใต้หน้าผา และด้านล่างยังมีประกายระยิบระยับเลือนลาง ราวกับเป็นแม่น้ำยาวสายหนึ่ง
หน้าผานี้สูงชันยิ่งนัก หากตกลงไปจากจุดนี้ ต้องกลายเป็นศพที่ไม่สมประกอบแน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
ฮือๆ เธอยังไม่อยากตาย!
แม้เธอไม่อยากอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่หากต้องตายอีกครั้ง เธอไม่ยินยอมอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะกับหน้าผาสูงชันเช่นนี้ เธอกลัว…
“ฮือๆ พี่ชายท่านนี้ ท่า…ท่านปล่อยข้าไปเถิด ขะ…ข้าคือผู้บริสุทธิ์”
เล่อเหยาเหยาหวาดกลัวถึงขีดสุด เพราะตอนนี้เธอยังถูกชายชุดดำหิ้วคอเสื้ออยู่โดยที่เท้าไม่แตะพื้น!ความรู้สึกห้อยโหนอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ทำให้จิตใจไม่สงบยิ่งนัก หากมือของชายชุดดำนี้สั่น ชีวิตเธอจบสิ้นแน่
แม้พญายมจะอยู่ตรงหน้า แต่เธอก็ยังหวาดกลัว!
เล่อเหยาเหยาในใจหวาดกลัว แต่พญายมที่อยู่ห่างจากเธอไปไม่ไกล กลับมองชายชุดดำอย่างเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
ควรกล่าวว่าช่างเย็นชา ดุจน้ำแข็งหมื่นปีที่เย็นยะเยือกสุดขีด!
“ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อย ‘เขา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หากเป็นผู้อื่นต้องตกใจหวาดกลัวแน่นอน แต่สำหรับชายชุดดำนี้กลับไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย!
เพราะเขาคือคนที่อยู่ในลัทธินอกรีต สังหารคนมานับไม่ถ้วน ไอสังหารบนร่างกายจึงเทียบเท่ากับเหลิ่งจวิ้นอวี๋
ดังนั้นชายชุดดำจึงไม่หวั่นไหวกับคำพูดที่เย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
มือที่จับแน่นที่คอเสื้อของเล่อเหยาเหยา ก็ไม่คลายลง
และไม่สนใจเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดจากบริเวณไหล่ของตน
แม้ลมเย็นจากหน้าผาจะพัดผ่านขึ้นมา แต่ก็ยังได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ นั้นเช่นเดิม ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ได้กลิ่นอยากจะอาเจียนและหวาดกลัวยิ่งขึ้น
ขณะที่เธอคิดจะพูดอ้อนวอนอีกครั้ง กลับรู้สึกเพียงร่างกายถูกเหวี่ยงออกมาจากหน้าผา จากนั้นก็รู้สึกตกจากที่สูงลงมาอย่างรวดเร็ว
ในใจพลันหนาวเหน็บ เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก ความคิดที่พรั่งพรูออกมาคือ…
ครั้งนี้ตายแน่!
“อ๊า…”
เล่อเหยาเหยาร้องเสียงดัง หลับตาแน่นไม่มองเสียดีกว่า เหวลึกนี้หากเธอตกลงไปต้องกลายเป็นศพไม่สมประกอบแน่นอน!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาถูกความหวาดกลัวยึดครองจนหมดสิ้น
ความรู้สึกตกจากที่สูงอย่างรุนแรงนั้น ทำให้เธอหวาดหวั่นอย่างสุดขีด
กระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด หรือความจริงอาจเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกแน่นที่เอวคล้ายถูกมือใหญ่ทรงพลังรัดเอาไว้ ทันใดนั้นใบหน้าเล็กของตนถูกดึงเข้าสู่อ้อมอกที่อบอุ่นแข็งแรง
เมื่อไม่มีสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน จมูกก็ได้กลิ่นหอมของอำพันทะเลอันคุ้นเคย แม้เล่อเหยาเหยาเวลานี้จะรู้สึกว่าตนเองยังตกสู่ด้านล่างเช่นเดิม แต่ไม่รู้เหตุใดเวลานี้เธอจึงรู้สึกไม่หวาดกลัวใดๆ นั่นเพราะ…
เมื่อลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มองใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เล่อเหยาเหยาจึงตกตะลึงและแปลกใจ ภายในลำคอคล้ายตีบตันพูดไม่ออกแม้ประโยคเดียว เธอรู้สึกเพียงแสบจมูกอย่างยิ่งเท่านั้น
“ท่านอ๋อง”
เป็นพญายม!
สวรรค์! เขากระโดดลงมาพร้อมกับเธอ!
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก จนดวงตาเบิกกว้าง
เพราะเธอยังรู้สึกว่าตนกำลังตกลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็วเช่นเดิม และพญายมก็ตามเธอลงมา
เหตุใด! เพราะเหตุใดกันแน่!
เช่นนี้อาจตายได้ เขาไม่รู้หรือ!
เล่อเหยาเหยาทั้งตื่นเต้นและซาบซึ้ง และไม่รู้ควรเอ่ยเช่นไรถึงจะดี เพราะคนชุดดำนั้นน่าจะวางแผนกระโดด
ลงมาพร้อมกับเธอ และเหวลึกเช่นนี้โอกาสรอดชีวิตนั้นถือว่าหริบหรี่
เป็นเขา! เขาเตะชายชุดดำออกไปแล้วก็กอดเธอไว้แน่น
แม้เธอจะรู้ว่าวรยุทธของพญายมสูงส่งแต่เขาก็คือมนุษย์ เขาก็สามารถตายได้เช่นกัน
เล่อเหยาเหยาคิดในใจภายในลำคอตีบตัน สะอึกสะอื้น พูดไม่ออกแม้ประโยคเดียว
ต้องกล่าวว่ามีคนยินยอมตายพร้อมกับเธอ เธอพอใจอย่างยิ่งแล้ว
อย่างน้อยบนโลกนี้ยังมีคนห่วงใยเธอ
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก่อนค่อยๆ ปิดตาลงอย่างช้าๆ เตรียมใจต้องหล่นลงพื้นตาย
แต่เวลานี้เธอกลับรู้สึกเพียงร่างกายสั่นไหวอย่างรุนแรงชั่วขณะ ทันใดนั้นก็หยุดลง…
เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ พลันลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง
ที่แท้พญายมใช้มือข้างหนึ่งรัดเอวบอบบางของเธอไว้ จากนั้นอีกมือก็ยึดต้นไม้แห้งบนหน้าผาสูงชันเอาไว้
แม้ตอนนี้พวกเธอจะหยุดร่วงหล่นลงไปอีกครั้ง แต่เล่อเหยาเหยาทราบดีว่านี้เป็นเพียงปัญหาด้านเวลาเท่านั้น
เพราะต้นไม้นี้เปราะบางยิ่งนัก ไม่สามารถพยุงพวกเธอสองคนได้เป็นเวลานานอยู่แล้ว
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเม้มริมฝีปากซีดขาวของตนแน่น พลันมองชายหนุ่มตรงหน้า
เมื่อสบเข้ากับดวงตาเย็นชาลึกล้ำแคบยาวของพญายม
“เพราะเหตุใด”
หลังสงบใจลง ในที่สุดเล่อเหยาเหยาหาเสียงตนกลับมาได้ จากนั้นจึงเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้า
อันที่จริงเธออยากรู้เสียจริงว่าเพราะเหตุใด เวลานี้เธอเป็นเพียงขันทีน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ สถานะสูงศักดิ์ เขาไม่ควรหล่นลงมา แต่เขากลับกระโดลงมาพร้อมกับเธอ
นี่มันเพราะเหตุใดกันแน่!
ตรงข้ามกับความสงสัยของเล่อเหยาเหยา พญายมเองก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกัน
เพราะเมื่อครู่ที่เห็นเล่อเหยาเหยาตกหน้าผาลงมา หัวใจเขาแทบจะกระดอนออกมาทางปาก
ความรู้สึกหวาดกลัวหนาวเหน็บขนาดใหญ่ ดุจคลื่นทะเลทะลักออกมาจากใจของเขา เขากลัวจะสูญเสีย ‘เขา’ ไป!
ดังนั้น เขาจึงกระโดดลงมาอย่างไม่ยั้งคิด
เพราะเวลานั้นในใจเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือ…
ไม่อยากสูญเสีย ‘เขา’ไป!
แม้ตอนนี้ พวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่เขากลับไม่เคยเสียใจ
โดยเฉพาะเมื่อโอบกอด ‘เขา’ เอาไว้ ใจเขากลับรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง
สำหรับความแปลกใหม่เช่นนี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋แปลกใจ แต่เขาตอนนี้ไม่เหลือเวลาให้คิดมากขนาดนั้น
เมื่อก้มมองใบหน้าเล็กที่ซีดขาวเต็มไปด้วยความสงสัยนั้นในอ้อมกอด และสบตาที่สงสัยของ ‘เขา’ เหลิ่งจวิ้นอวี๋นิ่งเงียบชั่วขณะ จึงเอ่ยว่า
“วางใจ มีข้าอยู่ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายแน่!”
น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความหนักแน่น ทุ้มต่ำและมีเสน่ห์
แม้น้ำเสียงจะเย็นชาเช่นเดิม แต่เวลานี้เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่าเธออบอุ่นยิ่งนัก
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้
อีกทั้งไม่รู้ว่าคำพูดของเขาคล้ายมีเสน่ห์ทำให้ใจคนสงบลงหรือไม่
หลังได้ยินคำพูดของเขา เล่อเหยาเหยารู้สึกสงบใจลง
ถูกต้อง เขาไม่ใช่คนธรรมดา!
เขาคือพญายม ชายหนุ่มที่สังหารผู้คนราวผักปลา แต่มีความสามารถเหนือผู้ใด!
อ้อมกอดของเขา คล้ายกับว่าแม้ฟ้าจะถล่มลงมา จะมีเขาต้านและปกป้องไว้
ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกเบิกบานใจเสียจริง
“ใช่ พ่ะย่ะค่ะ มีท่านอ๋องอยู่ บ่าวจึงไม่กลัว!”
หลังคิดได้ ความกลัวในใจของเล่อเหยาเหยาพลันสลายไป จากนั้นก็กลับมาสดใสเบิกบานดังเดิม
เพราะความตายที่จริงไม่ได้น่าหวาดกลัว!
เธอตายมาแล้วครั้งหนึ่งมิใช่หรือ! อย่างมากตายอีกครั้ง อาจจะทำให้เธอสามารถกลับไปยังยุคปัจจุบันได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงสงบลง
ใบหน้าเล็กที่ซีดขาวดุจกระดาษ ก็ค่อยๆ กลับมามีเลือดฝาดและรอยยิ้มเช่นเดิม ก่อนยิ้มมุมปากให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
เวลานี้ดึกมากแล้ว
แต่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าส่องแสงเรืองรอง ระยิบระยับ สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้างดงามน่าหลงใหล
หากแต่ผิดที่ผิดเวลา
ภายใต้ความงดงามเช่นนี้ เหมาะแก่การบอกรักอย่างโรแมนติกของคู่รักเป็นที่สุด
น่าเสียดาย พวกเขากลับมาห้อยอยู่กลางหน้าผา เบื้องล่างปลายเท้าคือเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง
ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ดียิ่งนัก อาจเป็นเพราะอีกเสี้ยววินาทีพวกเขาต้องตายแล้ว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาก็อยากมีความสุขในช่วงสุดท้ายก่อนตาย
เล่อเหยาเหยาคือคนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้
แม้ช่วงที่อันตรายที่สุด สามารถเผชิญมันด้วยความคิดที่ดี
อารมณ์ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้เธอยังตกใจจนแทบสิ้นชีวิต แต่เวลานี้คิดไปแล้ว ก็สามารถยิ้มอย่างเบิกบาน