สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 94.1 แม่นางหลูซวง (1) (รีไรท์)
ตอนนี้ห้องที่พวกเหล่าเล่อเหยาเหยาอยู่คือ ชั้นสองของหออวี๋หง
ภายในห้องนี้ ถูกแบ่งด้วยหน้าต่างขนาดใหญ่สองบาน
เมื่อเปิดหน้าต่างใหญ่บานหนึ่งออก จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของแม่น้ำเว่ยเหอ
ส่วนหน้าต่างอีกบาน เห็นภาพบรรยากาศอันหมดจดสวยงามของหออวี๋หง
อาจเป็นเพราะเถ้าแก่เนี้ยรู้ว่าพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋สูงศักดิ์ จึงมอบห้องที่หรูหราไม่น้อยนี้ให้พวกเขา
เล่อเหยาเหยายืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองไปยังห้องโถงของหออวี๋หง
เห็นว่าหออวี๋แบ่งออกเป็นสองชั้น
ชั้นหนึ่งคือห้องโถงที่เต็มไปด้วยโต๊ะกลมมากมาย
ด้านล่างมีชายหญิงนั่งโอบกอดกันอยู่จำนวนไม่น้อย พวกเขาบ้างคุยสนุกหยอกล้อกัน บ้างดื่มสุราทายนิ้วมือกัน บ้างก็ด้วยความเมามายกอดจุมพิตกันจนถึงขั้นลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย
เมื่อเห็นภาพอนาจารด้านล่างนั้น เล่อเหยาเหยาอดหน้าแดงขวยเขินไม่ได้
เพราะพูดไปแล้ว เธอไม่เคยมาสถานที่ประเภทนี้เลย
โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้คนที่เปิดกว้างด้านล่าง และการแสดงอันเร่าร้อนบนเวทีนั้นต่างทำให้เธอเขินอาย ในที่สุดเล่อเหยาเหยาก็เลื่อนสายตาออกไป ไม่มองภาพอันกำกวมด้านล่างอีก
เวลานี้ ด้านล่างพลันมีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมา คล้ายมีบางคนปรากฎตัวขึ้น
ทันใดนั้น เสียงพิณอันไพเราะบางเบาก็ดังขึ้นมาอีก
เสียงพิณนี้ไพเราะจับใจอย่างยิ่ง ประเดี๋ยวดุจผีเสื้อบิน นกกระเรียนเต้นที่สนุกเสนาะหู ประเดี๋ยวดุจไข่มุกหล่นบนจานหยกที่ตึงตังน่าฟัง ประเดี๋ยวดุจฝนตกกระทบบนใบกล้วย ประเดี๋ยวดุจนกเธอแอ่นเต้นรำกลางสายลม อินทรีบิน หลิวลู่ลม
การบรรเลงเพลงอันไพเราะจับใจ ผู้ที่ดีดพิณนั้นก็งดงามจนทำให้ผู้คนตกตะลึง!
รูปร่างสะโอดสะอง ใบหน้าขาวดุจแป้ง ผิวขาวแวววาวโปร่งแสง นุ่มนิ่มบอบบาง
เส้นผมดำขลับดุจเส้นไหม คิ้วเข้มโค้งงอน ดวงตาดุจแม่น้ำ แบ่งดำขาวชัดเจน เข้ากับจมูกเฉิดฉายนั้น ริมฝีปากแดงสดงามพริ้ง เมื่อรวมเข้ากันแทบสมบูรณ์แบบ!
หญิงสาวงดงามอย่างยิ่งจริง อีกทั้งบนร่างกายของนางยังแสดงความเมินเฉยหยิ่งยโสออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เพียงมองคล้ายดอกบัวหิมะบนเขาเทียนซานสูงค่าเย็นยะเยือก
แม้เล่อเหยาเหยาจะยอมรับว่ารูปโฉมตนไม่เลว แต่เมื่อเห็นหญิงสาวด้านล่าง ยังตกตะลึงในความงาม
สวรรค์! หญิงสาวผู้นี้รูปโฉมไม่เลวจริงๆ!
แม้บนร่างจะมีกลิ่นอายเย็นชาดุจเกล็ดน้ำแข็ง แต่ไม่ทำให้ผู้คนคิดออกห่าง กลับกันกลายเป็นอยากเข้าใกล้นางมากขึ้น
หญิงสาวผู้นี้ น่าจะเป็นแม่นางหลูซวงที่เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถึงเมื่อครู่!
เย็นชาดุจเกล็ดน้ำแข็ง สมชื่อเสียจริง!
เล่อเหยาเหยาอุทานในใจ มองคนด้านล่างด้วยสายตาตกตะลึงอย่างไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว
เพราะความสนใจทั้งหมดของเธอต่างอยู่ที่คนด้านล่าง จึงไม่รู้ตัวว่าเมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นแววตาหลงใหลตกตะลึงของเธอ คิ้วงามน่ามองคู่นั้นก็อดขมวดเล็กน้อยไม่ได้
นัยน์ตาเย็นชาจึงกวาดมองลงไปที่หญิงสาวด้านล่าง
เขามองหญิงสาวด้านล่างเพียงแวบเดียว ก่อนจะดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
ในสายตาเขา คนด้านล่างแม้จะงดงาม แต่ไม่อาจเทียบกับบางคน
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หนานกงจวิ้นซีที่หลังจากเห็นหญิงสาวด้านล่างดีดพิณ เห็นชัดว่าใบหน้าหล่อเหลาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ สายตานั้นกลับดูชื่นชม
ในวังหลวง หญิงสาวดุจปุยเมฆ ทุกสามปีต่างมีการคัดเลือก และยังมีเหล่านางสนม เสด็จแม่ของเขาก็เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง แม้เวลานี้อายุจะสี่สิบกว่า แต่กลับยังดูดี มีเสน่ห์เย้ายวนเช่นเดิม มิฉะนั้นจะมัดใจเสด็จพ่อได้อย่างไร
หลังหนานกงจวิ้นซีเห็นหญิงสาวด้านล่าง ก็ตกตะลึงไปเพียงชั่วขณะ พลันได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่ยว่า
“หญิงสาวด้านล่างรูปโฉมใช้ได้ อีกทั้งฝีมือดีดพิณก็ไม่เลว แม่นางผู้นั้นคือหลูซวง ยอดคณิกาของที่นี่หรือ!”
หนานกงจวิ้นซี เอ่ยถามหญิงสาวสองนางข้างกาย
หญิงสาวสองนางนั้น แม้จะไม่พอใจที่หนานกงจวิ้นซีสนใจหญิงสาวด้านล่างนั้น แต่ยังเอ่ยตามความจริงออกมา
“ใช่ เธอคือแม่นางหลูซวง!”
“แต่แม้นางจะงดงาม ทว่านิสัยกลับเย็นชายิ่ง ปกติก็ไม่พูดคุยกับผู้ใด นางหยิ่งยโสยิ่งนัก!”
ใจริษยาของหญิงสาวรุนแรงยิ่ง หญิงสาวสองคนนี้จึงเอ่ยอย่างปวดใจไม่หยุด
หนานกงจวิ้นซีไม่สนใจคำพูดของพวกนางมากนัก เพียงหันหน้าไปเอ่ยถามเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้างว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านคิดเช่นไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงก้มหน้าลง สีหน้านิ่งเฉย คำพูดที่เอ่ยออกมาดูไร้ความตื่นเต้น
“ไม่เป็นเช่นไร”
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านสายตาแหลมคมยิ่งนัก! ความจริงข้าก็คิดเช่นนี้เช่นกัน หญิงสาวผู้นั้นเป็นเพียงหญิงงามธรรมดา แต่ก็ดีดพิณได้ไม่เลวเลย!”
หนานกงจวิ้นซีเอ่ยตามจริง
เพราะเขาเห็นหญิงงามมามากมาย แม้ท่าทางหญิงสาวด้านล่างจะดูดี แต่สำหรับเขา คล้ายเป็นเพียงวัตถุที่สวยงามเท่านั้น
เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เหตุใดเหล่าพี่น้องของเขาจึงเอ่ยว่าคนละขั้วจะเข้าหากัน ชายหนุ่มและหญิงงาม มักถูกดึงดูดเข้าหากัน
แต่เหตุใดเมื่อเขามาถึงที่นี่ กลับรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
เขาไม่รู้สึกสนใจหญิงงามด้านล่างเลยสักนิด กลับกันรู้สึกว่าขันทีน้อยข้างกายนี้ดึงดูดความสนใจของเขามากกว่าเสียอีก
โอ้ เกิดขึ้นอีกแล้ว!
สวรรค์!
เขาคิดนอกลู่นอกทางอีกครั้งแล้ว จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้! เขาต้องรีบรักษาอาการผิดปกตินี้ให้หายขาด ก่อนที่มันจะรุนแรงจนเกินเยียวยา
เขาเป็นบุรุษ บุรุษปกติผู้หนึ่ง ดังนั้น เขาต้องชื่นชอบเพียงสตรี!
ถูกต้อง ต้องเป็นเช่นนี้!
หนานกงจวิ้นซีย้ำอยู่ในใจไม่หยุด เอ่ยกับสาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า
“ไปเรียกแม่นางหลูซวงมาดีดพิณให้พวกข้าฟัง!”
“คือ…”
เมื่อสาวใช้ผู้นั้นได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากหนานกงจวิ้นซียื่นเงินสิบตำลึงให้ พลันก็ยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนรีบพุ่งออกไปด้านนอกทันที
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น อดถอนหายใจไม่ได้ ยังคงจัดการง่ายด้วยเงิน!
สิบตำลึงหรือ! เงินเดือนห้าเดือนของเธอ บิดามันเถอะ!ชีวิตช่างแตกต่างกันเสียจริง
ในใจเธอเต็มไปด้วยความโกรธ!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงมีสีหน้าโกรธเคืองมากขึ้น
ส่วนสาวน้อยผู้นั้น หลังได้รับเงินจากหนานกงจวิ้นซี ก็เร่งรีบไปจัดการ ไม่นานก็กลับมา น่าเสียดายที่สาวน้อยผู้นั้นกลับเชิญแม่นางหลูซางมาที่นี่ไม่ได้
“ต้องขออภัยด้วย แม่นางหลูซวงเอ่ยว่า นางรู้สึกไม่สบาย จึงไม่สะดวกพบแขก” สาวน้อยผู้นั้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ
หญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างหนานกงจวิ้นซี หลังจากได้ยินคำพูดของสาวน้อยผู้นั้น กลับยิ้มอย่างเหยียดหยามออกมา
“เฮอะ หลูซวงหยิ่งยโสเสียจริง เมื่อต่างทำอาชีพนี้ ยังแสร้งทำว่าตนบริสุทธิ์สูงส่งอยู่อีก!”
“ใช่”
คำพูดของหญิงสาวสองคนนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเอือมระอา
อันที่จริง พวกนางต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่กลับเอ่ยนินทาผู้อื่นลับหลังไม่หยุด ทำให้คนรู้สึกไม่ชอบใจเสียจริง
อาจเพราะหนานกงจวิ้นซีก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เขาเพียงขมวดคิ้วน่ามองเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจขึ้น
“เมื่อแม่นางหลูซวงไม่สบาย เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด”
เอ่ยจบ เห็นชัดว่าสาวน้อยผู้นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนหญิงสาวสองคนนั้นกลับยิ้มอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็เสนอตัวประจบหนานกงจวิ้นซีไม่หยุดอีกครั้ง
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้างก็ถูกหญิงชุดแดงพัวพันอีก แม้เขาจะเย็นชาอย่างยิ่ง แต่กลับมีคนไม่หวาดกลัวความเย็นชานี้ ยืนกรานใกล้ชิด ทำให้เล่อเหยาเหยามองดูอย่างรับไม่ได้
หากให้เธออยู่ที่นี่มองพวกเขาดื่มสุราเคล้านารีต่อไป เธอต้องกลัดกลุ้มใจตายแน่นอน
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงแสร้งปวดปัสสาวะ ด้วยสีหน้าร้อนรน ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ว่า
“ท่านอ๋อง บ่าวอยากเข้าห้องน้ำ”
“อืม เจ้าไปเถิด”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาพูด เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเอ่ยขึ้นเบาๆ
เล่อเหยาเหยาเพียงได้รับอนุญาต ก็รีบพุ่งออกไปจากห้องทันที
ท่าทางร้อนรนนั้น ทำให้คนคิดว่าเธอปวดปัสสาวะจริง!
เพียงแต่ความจริงเล่อเหยาเหยาเพียงอยากออกไปจากตรงนี้ เพื่อสูดอากาศด้านนอกเท่านั้น
ไม่รู้เหตุใด เมื่ออยู่ตรงนั้นเห็นหญิงอื่นยั่วยวนพญายมไม่หยุด จึงทำให้เธออึดอัดใจ
คล้ายมีก้อนหินกดทับอยู่ภายใน ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงคิดออกไปเดินเล่นด้านนอก
เมื่อเธอเปิดประตูไม้ลายสลักเตรียมเดินออกไป อาจเพราะเร่งรีบเกินไป จึงไม่ระวังชนเข้ากับหญิงสาวที่เดินผ่านมา
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเจ็บที่ศีรษะ ตามมาด้วยเสียง ‘โอ๊ย’อย่างเจ็บปวดตกใจดังขึ้น
ส่วนคนที่ถูกเธอชนเข้านั้น คล้ายไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย
เล่อเหยาเหยาได้ยินเพียงเสียงตกใจอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงของหญิงสาวที่ถูกเธอชนนั่นเอง
จากนั้นสาวใช้ด้านหลังของหญิงสาวรีบเข้ามาปกป้อง หลังประคองหญิงสาวผู้นั้นขึ้นมา รีบเข้ามาด่าทอเล่อเหยาเหยาทันที
“ท่านเดินเหินเช่นไรกันแน่ ถึงชนคุณหนูของข้า!”
“ขออภัย ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ คุณหนูของเจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ แม้เล่อเหยาเหยาเวลานี้จะเจ็บหน้าผากอย่างมาก แต่เธอรู้ว่าเมื่อครู่ตนเป็นฝ่ายผิด หากเธอไม่รีบร้อนเดินออกมา คงไม่ชนหญิงสาวผู้นั้น
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่สนใจความเจ็บที่หน้าผาก รีบร้อนเอ่ยขอโทษ
ทันใดนั้น นัยน์ตางดงามที่แฝงความร้อนใจ มองไปยังหญิงสาวด้านหลังสาวใช้ผู้นั้น
เมื่อเห็นรูปโฉมของหญิงสาวผู้นั้นชัดเจน อดเบิกตากว้างไม่ได้ แววตาปรากฏความแปลกใจขึ้นหลายส่วน
เพราะหญิงสาวที่ถูกเธอชนเข้ามิใช่ใครอื่น แต่เป็นหญิงสาวที่ดีดพิณที่ห้องโถงเมื่อครู่ หลูซวง!
เมื่อครู่มองหญิงสาวผู้นี้จากระยะไกล รู้สึกว่านางงดงามอย่างยิ่งแล้ว คิดไม่ถึง เมื่อมองใกล้ๆ กลับพบว่านางงดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์
ผิวนั้นขาวชุ่มชื้น ทำให้คนอิจฉาริษยาเสียจริง
ขณะที่เล่อเหยาเหยาตกตะลึงในใจ ทางหลูซวงนั้นก็กำลังใช้มือกุมหน้าผากที่ถูกชนของตน จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ มองมาที่เล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นหน้าตาของเล่อเหยาเหยาชัดเจน ร่างกายพลันดุจถูกฟ้าผ่าในตอนกลางวันแสกๆ แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“เป็นท่านเองเหรอ!”
………………………………