สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 97.2 ใช้มือเจ้า มอบความสุขให้มัน (2) (รีไรท์)
ทุกความรู้สึกของ ‘เขา’ ต่างทำให้เขาต้องขบคิดอย่างหนัก
หากเป็นไปได้ เขาคงไม่สนใจผลที่ตามมา รีบจัดการ ‘เขา’ แต่เขาก็รู้ว่าคนตัวเล็กนี้ไม่ยินยอมแน่!
ถูกต้อง แม้ ‘เขา’ จะเป็นขันที ทว่าก่อนหน้านี้เขาก็คือบุรุษ จะรับเรื่องระหว่างบุรุษและบุรุษได้เช่นไร
เรื่องนี้ เดิมทีไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว!
ดังนั้น เขาจึงไม่อยากบังคับ ‘เขา’
เพราะรู้ดี หากเขาบีบบังคับเรื่องที่ ‘เขา’ ไม่ยินยอม ‘เขา’ ต้องเกลียดตนแน่!
เขาไม่อยากให้ ‘เขา’ เกลียดตน!
ดังนั้น จึงอดกลั้นไฟปรารถนาในใจอยู่ตลอดเวลา
คิดใช้การควบคุมตนเอง สะกดไฟราคะบนร่างกายเอาไว้ แต่คนตัวเล็กกลับดื้อด้านเกินไป
เขาสั่งไม่ให้ ‘เขา’ ขยับมิใช่หรือ! แต่ ‘เขา’ กลับต่อต้านดิ้นรนอย่างรุนแรง
‘เขา’ คล้ายหนูน้อยจอมดื้อด้าน บนตัวหอมหวาน รูปร่างเล็กบอบบาง และใบหน้าตื่นตระหนกนั้น ทั้งน่ารักและน่าสงสาร ทำให้คนที่เห็นปวดใจและสงสาร ‘เขา’ อยากกระโจนเข้าไปจับ ‘เขา’ ไปกินพร้อมกัน
เวลานี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อดกลั้นมาโดยตลอด ก็ข่มหัวใจที่เต้นแรงไม่ไหวต่อไปแล้ว
ดวงตาเย็นชาเปี่ยมด้วยความปรารถนานั้น สบเข้ากับดวงตางดงามที่วิตกกังวลคู่นั้นของเล่อเหยาเหยา ริมฝีบางเผยอขึ้น น้ำเสียงนั้น แหบพร่ามีเสน่ห์ดุจสุราชั้นดีที่มอมเมาคน แต่คำพูดที่เอ่ยออกมา กลับทำให้เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้
“ข้า…ต้องการเจ้า!”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงโลกหมุน ทันใดนั้น ตนถูกกดลงบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่มนั้นอีกครั้ง
สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อครู่คือ มีร่างกายอันร้อนรุ่มซ้อนทับอยู่บนตัวเธอ
“ไม่”
เล่อเหยาเหยาร้องอย่างหวาดกลัวขึ้น แต่คำพูดต่อมาทั้งหมดกลับถูกกลืนเข้าไปด้วยริมฝีปากบางเย็นเฉียบคู่หนึ่ง
จุมพิตอันบ้าคลั่ง ดังนั่งอยู่บนกองไฟเช่นนี้ของพญายม เหมือนกับแมวตัวใหญ่แสนดุร้าย กำลังจับหนูน้อยเช่นเธอถลกหนังเลาะกระดูก ก่อนกลืนลงท้อง
จุมพิตนั้น ราวกับพายุฝนที่คลุ้มคลั่ง ลิ้นอุ่นนั้นพยายามดูดริมฝีปากเธอไม่หยุด จากนั้นก็งัดเปิดฟันที่กัดแน่นของเธอออก โรมรุกบุกตะลุย ไล่ตามลิ้นที่เธอคิดหลบหลีกไม่หยุด ก่อนพัวพันเข้าด้วยกัน
การกระทำที่บ้าคลั่งของพญายม ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก
ดวงตางดงามของเธอเบิกกว้าง ภายในแววตาดูหวาดผวา หลังจากได้สติ เธอก็ดิ้นรนไม่หยุด
เพราะเธอรู้ว่าตอนนี้พญายมถูกคนวางยา จึงขาดสติ แต่เธอจะไม่ให้เขาทำเช่นนี้ต่อไปเด็ดขาด
ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาจึงเพิ่มแรงดิ้นขึ้นอีก
แต่แม้เธอจะใช้แรงทั้งหมดออกมา แรงระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
การดิ้นรนของเธอ ในสายตาของพญายมเท่ากับการกระตุ้นมันขึ้นมา
รู้สึกว่ายิ่งคนใต้ล่างบิดตัวไปมาไม่หยุด ยิ่งทำให้ไฟปรารถนาในตัวของพญายมยิ่งลุกโชนมากยิ่งขึ้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงทั่วร่างกายเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน จนรุ่มร้อนอย่างยิ่ง
ส่วนคนใต้ร่าง คล้ายน้ำสะอาดที่สามารถดับไฟปรารถนาของเขาได้ ทำให้เขาตัดใจปล่อยไปไม่ได้ อีกทั้งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าทรมานยิ่งนัก ข้าต้องการเจ้า”
“ไม่ ท่านอ๋อง ไม่เอา บะ…บ่าวเป็นขันที ”
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาตกใจจนร้องไห้ออกมา
น้ำตาเม็ดกลมโตนั้น ไหลกลิ้งลงมาจากดวงตางดงามของเธอไม่หยุด จนอาบไปทั่วสองแก้ม
เมื่อเห็นน้ำตาของเล่อเหยาเหยา และท่าทางน่าสงสาร ทำให้ดวงตาเย็นชาของพญายมกลับมาเยือกเย็นเช่นเดิม
ใบหน้าหล่อเหลาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
คิ้วงามขมวดเล็กน้อย คล้ายกำลังลังเล ต่อสู้ และข่มกลั้นบางอย่าง
เมื่อเห็นในที่สุดพญายมหยุดนิ่ง เพียงใช้สายตาเย็นชาจ้องมองที่ตน ทำให้ใจของเล่อเหยาเหยา คล้ายสั่นไหวอย่างหวาดกลัว
เธอไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของตน จะคืนสติให้พญายมได้หรือไม่
แต่เธอหวาดกลัวจริง ไม่ต้องการจริงๆ ดังนั้นเธอจึงร้องไห้อย่างหนัก คล้ายเด็กน้อยถูกคนข่มเหงรังแก
“ฮือๆ ท่านอ๋อง บ่าวไม่ต้องการ บ่าวเป็นขันที จะทำได้เช่นไร ฮือๆ”
“ท่านอ๋อง หากท่านทรมาน บ่าวจะหาหญิงสาวมาให้ท่านดีหรือไม่”
“ฮือๆ ท่านอ๋อง…”
เล่อเหยาเหยาร้องไห้อย่างหนัก จนใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก ส่วนพญายมเมื่อเห็นเธอร้องไห้น้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนานั้นพลันขมวดคิ้วงามแน่น ดวงตาเย็นชาจ้องเขม็งบนตัวของเล่อเหยาเหยา
ริมฝีปากรูปกระจับบางเฉียบคู่นั้น เวลานี้เม้มแน่นเป็นเส้นตรง คล้ายอดกลั้น ลังเลบางอย่าง
สุดท้าย เล่อเหยาเหยาร้องไห้จนเสียงแทบแหบ เห็นพญายมมองเธออย่างไม่แยแส ทำให้เธอดีใจไปพร้อมกัน ทว่ากลับทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
พลางคิดในใจ พญายมจะปล่อยเธอไปหรือไม่กันแน่!
เขาจะกดเธอไปอีกนานเพียงใด เขาตัวหนักยิ่งนัก
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดบิดตัวเบาๆ ไม่ได้ อยากจัดท่าทางให้สบายกว่านี้ มิฉะนั้น ร่างกายเธอต้องแข็งทื่อแน่
คิดไม่ถึง พญายมจะรับรู้ถึงการขยับตัวเพียงเล็กน้อยของเธอ เขาจึงขยับร่างกายของเขาออกไปจากตัวเธอทันที ไปนั่งอยู่ด้านข้างของเธอ
เมื่อรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับอยู่บนร่างกายทั้งหมดหายไป เล่อเหยาเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก
สูดจมูกแดงก่ำ ก่อนพลันลุกขึ้นจากเตียง
งอขาสองข้างขึ้น สองมือกอดเข่าแน่น ดวงตางดงามระแวดระวังนั้น จ้องเขม็งไปยังพญายม
คล้ายกลัวว่าพญายมจะขาดสติอีกครั้ง กระโจนเข้ามาหาเธอ
ท่าทางและใบหน้าระแวดระวังของเล่อเหยาเหยา คล้ายกระต่ายน้อยที่ขี้ขลาดหวาดกลัวอ่อนแอตัวหนึ่ง เตรียมรับมือกับหมาป่าตัวใหญ่
เมื่อครู่เขาต้องทำ ‘เขา’ตกใจอย่างหนักแน่นอน!
เมื่อเห็นความระแวดระวัง ความกลัวในดวงตาของ ‘เขา’ ทำให้พญายมอึดอัดใจ
เพราะเรื่องเช่นนี้ เป็นเขาที่ไม่ต้องการ
แต่ตอนนี้เขาถูกยาปลุกกำหนัดอย่างรุนแรง หรือให้เขาหาหญิงสาวแปลกหน้าสักคนมาแก้ปัญหา!
เขาไม่เคยคิด และไม่ต้องการ!
พอคิดถึงว่า เขาต้องระบายไฟปรารถนาของตนบนร่างกายของหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่ง ทำให้เขารู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก
หากต้องกำจัดความต้องการทางเพศบนร่างกาย เขาปรารถนาให้คนผู้นั้นคือ คนตัวเล็กตรงหน้า
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่พญายมมองมายังเล่อเหยาเหยา ก็ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีกังวลใจ ใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมาจากลำคออีกครั้ง
“ท่านอ๋อง ไม่นะ”
“หากไม่อยากให้ข้าจัดการเจ้า เช่นนั้นเจ้าจำเป็นต้องช่วยข้า!”
ดวงตาพญายมแดงก่ำ น้ำเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ แต่คำพูดของเขา กลับทำให้เล่อเหยาเหยาตกตะลึง แววตาคล้ายไม่เข้าใจ
“เอ่อ ช่วย ช่วยเช่นไร!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของพญายม ที่เอ่ยว่าจะไม่จัดการเธอ ทำให้เล่อเหยาเหยาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกจริงๆ
แต่พญายมกลับให้เธอช่วยเหลือเขา ช่วยเช่นไร หรือให้ช่วยพาผู้หญิงมาให้เขา!
นั่นแสดงว่า เวลานี้ยาปลุกกำหนัดบนตัวพญายมกำลังออกฤทธิ์ หากไม่หาผู้หญิงมา เขาได้อัดอั้นจนตายแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเล่อเหยาเหยาพลันเป็นประกาย ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน
“ได้ บ่าวจะรีบไปหาหญิงงามมาให้ท่านอ๋องตอนนี้เลย คนเดียวพอหรือไม่ หรือให้บ่าวพามาสองคนดี ไม่ สามน่าจะเหมาะสมกว่านะ ฮ่าๆ ท่านอ๋องพลังล้นหลาม ไม่เหมือนคนปกติ”
หลังได้ยินคำพูดของตน ใบหน้าของพญายม ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น เล่อเหยาเหยาจึงคิดว่าตนต้องพูดผิดแน่ เพราะผู้ชายต่างให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นของตนอย่างยิ่ง มิใช่หรือ!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเอ่ยพลางเพิ่มนิ้วขึ้นมาไม่หยุด อย่างมากประเดี๋ยวหาหญิงสาวสิบคนมาให้เขา เช่นนี้คงใช้ได้แล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารีบลงจากเตียง สองเท้ากำลังจะแตะพื้น คิดไม่ถึง บนเอวจะแน่นขึ้นอีกครั้ง ร่างกายถูกดึงกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง
เล่อเหยาเหยาตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ น้ำตาที่เหือดหายไหลทะลักลงมาอีกครั้ง
“ฮือๆ ท่านอ๋อง ท่านต้องรักษาคำพูด ท่านบอกจะไม่ทำอันใดบ่าว! ประเดี๋ยวบ่าวจะไปหาหญิงงามสิบคนให้ท่าน ฮือๆ”
“บ่าวน่าตายนี้ ข้าอยากแยกศีรษะเจ้าออกเสียจริง ดูว่าภายในศีรษะของเจ้าบรรจุสิ่งใดอยู่!”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาตกใจจนร้องไห้ คล้ายเขาเป็นคนเสียสติ คิดข่มเหง ‘เขา’ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งขบขันและจนใจ
แม้บางเวลา เขาอยากจะจับคนผู้นี้กินให้หมดตัว แต่สติสัมปชัญญะบอกกับเขาว่าไม่ได้!
เพราะหากเขาทำตามนิสัยป่าเถื่อนของตน เช่นนั้นคนตรงหน้านี้ ต้องเกลียดเขาแน่
ดังนั้นเขาจึงข่มกลั้มความปรารถนาของตนเอาไว้
ทว่าไม่อยากล่วงเกิน ‘เขา’แต่ ‘เขา’ ควรมอบความสุขอย่างอื่นให้กับตน
อันที่จริงสำหรับสตรีอื่น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกรังเกียจเท่านั้น
แต่สำหรับคนตรงหน้านี้
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋กวาดสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง มองผ่านใบหน้าสับสนของเล่อเหยาเหยาไป
เล่อเหยาเหยาหนังศีรษะชาวาบเมื่อเห็น ด้านหลังเย็นวาบ ทันใดนั้นก็กลืนน้ำลายลงไป
ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นพญายมใช้สายตาเช่นนี้มองตน มักทำให้เธอรู้สึกราวกับเหยื่อที่ถูกสัตว์ป่าจับจ้อง ทำให้กลัวจนตัวสั่นงันงก
“ท่านอ๋อง!”
“กระต่ายน้อย มานี่!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยื่นนิ้วเรียวยาวออกมา ทันใดนั้น ก็กระดิกนิ้วให้กับเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอย่างแหบพร่าขึ้น
“เอ่อ”
มานี่หรือ! เข้าไปทำไม!
เธอไม่ได้เสียสติ หากเธอเข้าไป พญายมกระโจนเข้าหาเธออีกครั้งจะทำเช่นไร!
ดังนั้น ตีเธอให้ตายก็ไม่เข้าไป!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหนังศีรษะชาวาบทันที ก่อนส่ายหัวให้กับพญายม เอ่ยอย่างใจเย็นว่า
“ไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูด และท่าทางวิตกกังวลของเล่อเหยาเหยา อาจเพราะรับรู้ถึงความรู้สึกในใจของเธอ พญายมจึงเพียงยิ้มที่มุมปาก
รอยยิ้มนั้น ชวนหลงใหลอย่างยิ่ง ราวกับดอกฝิ่นที่เบ่งบานยามค่ำคืน แสนเย้ายวนและอันตราย
พลันเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าจะเข้ามาหรือไม่ หากข้าคิดจับเจ้า ก็ง่ายราวพลิกฝ่ามือ! ทว่าข้าไม่อยากใช้กำลัง ดังนั้นข้าไม่บังคับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าได้รับยาปลุกกำหนัด หากไม่คลายมัน ไม่ช้าหากข้าขาดสติ อาจลงมือทำสิ่งใดกับเจ้า ข้าเองก็ไม่กล้ารับรอง!”
“เอ่อ”
การข่มขู่อย่างไม่ปิดบังนี้มีด้วยหรือ!
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาปวดใจอย่างยิ่ง ทว่าเพื่อรักษาความสุทธิ์ เธอข่มความผลีผลามเอาไว้ ก่อนเอ่ยถามอย่างอึดอัดขึ้น
“เช่นนั้นท่านอ๋องจะให้บ่าวช่วยเช่นไร”
“ใช้มือของเจ้า มอบความสุขให้มัน!”
……………………………………….