สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 99.1 ถูกองค์ชายเจ็ดทำลายลง (1) (รีไรท์)
เล่อเหยาไม่รู้มาก่อนว่าตนจะมีวันนี้!
เวลานี้ มือของเธอทั้งปวด เมื่อยล้า ดูจากเวลาน่าจะกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว!
แต่บิดามันเถอะ พญายมกลับไม่สั่งให้หยุดเลย
ดังนั้น เธอจึงโมโห!
เพราะเธอคือคน ไม่ใช่เครื่องจักร!
เธอเหนื่อยล้าเป็น!ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงเบ้ปาก ดวงตางดงามเบิกกว้าง วางแผนรวบรวมความกล้า ต่อต้านพญายมขึ้นมา
คิดไม่ถึง ขณะนั้นพญายมพลันกลับเกร็งไปทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว
เล่อเหยาเหยายังไม่ทันตั้งตัวว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็รู้สึกเพียงฝ่ามือเธอร้อนไปชั่วขณะ
“เอ่อ”
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงฟ้าผ่าตอนกลางวัน ร่างกายตกตะลึงสุดขีด
พลันจ้องไปยังบนมือของตน
เมื่อแบมือออก เห็นเพียงบนฝ่ามือของตนเปรอะเปื้อนด้วยของเหลวสีขาวข้น มันคือสิ่งนั้นของพญายม…
“อ๊า”
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เล่อเหยาเหยาก็อ้าปากเล็กกว้าง พลันกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจ
นี่คือครั้งแรกที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ลิ้มรสความสุข แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าหล่อเหลาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อสายตาของเขามองไปบนมือคู่นั้นของเล่อเหยาเหยา เห็นบนฝ่ามือของ ‘เขา’ มีสิ่งนั้นของตนเต็มไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาพลันแดงก่ำขึ้นมาทันที
ใบหน้าดูขวยเขินขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง
เพราะแม้ในสายตาของคนอื่น เขาคือพญายมที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตา แต่ความจริงเขาก็เป็นเพียงชายอายุสิบแปดปีผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องประเภทนี้ เขาก็รู้สึกอึดอัดและเขินอาย
โดยเฉพาะยิ่งรู้สึกผิด เมื่อเล่อเหยาเหยายังกรีดร้องออกมาราวมีคนกำลังจะสังหารเธอ
เห็นเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งดูเก้อเขิน
ทว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปลอบใจเล่อเหยาเหยา ทันใดนั้น เสียงประหลาดก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉากกันลม ทำให้ในเวลานี้ดูวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
“ผู้ใดร้องโหยหวน! เจ้าบ่าวผู้นี้เอง เอ่อ…”
หนานกงจวิ้นซีที่เดิมทีกำลังเดินกร่างเข้ามา เมื่อเห็นภาพบนเตียง ร่างกายคล้ายถูกฟ้าผ่าตอนกลางวัน ยืนแข็งทื่อดุจหินอยู่ตรงนั้น
เตียงใหญ่ยุ่งเหญิง ภายในผ้าโปร่งแสง ชายคนหนึ่งนอน คนหนึ่งนั่งอยู่
ชายที่นอนอยู่บนเตียง เปลือยท่อนบน เผยหน้าอกงดงามนั้นออกมา ท่อนล่างกางเกงในถูกถอดลงไปอยู่ที่หัวเข่า เผยสิ่งใหญ่โตที่แสดงความชายออกมา
นอกจากนี้ยังมีสีขาวขุ่นบางอย่าง ที่ทำให้คนจินตนาการไปไกล
ส่วนหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างชายหนุ่ม เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวออกมา แม้จะหยุดกรีดร้อง ทว่าบนใบหน้ากลับมีท่าทางตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
นอกจากใบหน้าตื่นตระหนก บนมือของ ‘เขา’ ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสีขาวขุ่นนั้น
หนานกงจวิ้นซีคือผู้ชาย แม้ยังไม่เคยผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ จึงเข้าใจทันทีว่าเมื่อครู่ในนี้เกิดเรื่องใดขึ้น
หลังจากได้สติ ในใจตกตะลึงอย่างหนัก
เมื่อครู่ ศิษย์พี่ใหญ่กับบ่าวตัวเล็กนี้…
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีรู้สึกอึดอัดใจ คล้ายถูกคนสอดมือเข้าไปบีบคั้นหัวใจของเขา จนเจ็บปวดและทรมานแสนสาหัส
“ศิษย์พี่ใหญ่ เมื่อครู่ พวกท่านสองคน…”
ครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นหนานกงจวิ้นซีที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เอ่ยปากดูติดขัด ดวงตาดอกท้อแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ ประเดี๋ยวมองที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ ประเดี๋ยวหันกลับไปมองเล่อเหยาเหยา
ใจของเขาถูกทำลายแล้ว…
ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่ปวดใจ ทางด้านเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นชัดว่าตกใจและอึดอัดกับการปรากฎตัวของหนานกงจวิ้นซีเช่นกัน
แม้พวกเขาจะเป็นศิษย์พี่น้องกัน แต่เรื่องพรรค์นี้ ถือว่าน่าอึดอัดอย่างยิ่ง
ดังนั้น เขาจึงยื่นแขนดึงกางเกงชั้นในขึ้นมา จากนั้นจึงลุกจากเตียง หยิบชุดชั้นในที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นสวม
ก่อนเอ่ยอย่างรวบรัดกับหนานกงจวิ้นซีที่มีสีหน้าพังทลายว่า
“เมื่อครู่ข้าถูกคนวางยา!”
“อะไรนะ! ผู้ใดช่างกล้านัก กล้าวางยาศิษย์พี่ใหญ่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หนานกงจวิ้นซีหลังได้สติ ก็โมโหขึ้นมาทันที
อันที่จริง หากคนผู้นั้นไม่วางยาศิษย์พี่ใหญ่ แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่แตะต้องบ่าวตัวเล็กนี้หรือ!
แม้จะเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ บ่าวตัวเล็กนี้ไม่ได้เสียตัวให้แก่ศิษย์พี่ใหญ่ แต่เมื่อเห็นสิ่งสีขาวขุ่นบนมือของ ‘เขา’ หนานกงจวิ้นซียังมีสายตาเจ็บปวดเช่นเดิม
ไม่รู้เหตุใด เพียงนึกขึ้นว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องบางอย่างระหว่างบ่าวตัวเล็กและศิษย์พี่ใหญ่ หนานกงจวิ้นซีอึดอัดในใจ คล้ายมีสำลีอัดแน่นเข้าไป ทำให้เขาทรมานอย่างมาก!
อีกทั้งเขาพบว่าการเลือกมาที่นี่ในคืนนี้คือ ความผิดพลาด
เดิมทีเขามาที่นี่ เพื่อหาสาวงามมาทำให้ตนกลับเป็นบุรุษปกติ คิดไม่ถึง มันกลับทำให้บ่าวตัวเล็กนี้ได้พบกับหญิงสาว แม้จะไม่ใช่ความสัมพันธ์เช่นนั้น
ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ถูกวางยา บ่าวตัวเล็กนี้จึงต้องช่วยขจัดฤทธิ์ยาให้กับศิษย์พี่ใหญ่ นี่มัน…
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หนานกงจวิ้นซีจึงทรมานใจ
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่มองหนานกงจวิ้นซีแม้แต่แวบเดียว เพียงสวมเสื้อผ้าพลางเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า
“เรื่องนี้ ข้าจะจัดการเอง”
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คนที่รู้จักเขาต่างเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดนั้น
หออวี๋หงที่เป็นที่รู้จักมาช้านาน เกรงว่าคงไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว
เมื่อได้ยิน หนานกงจวิ้นซีเพียงทำหน้าสุดฝืน สุดท้ายกวาดตามองเล่อเหยาเหยาที่ยังไม่ได้สติรอบหนึ่ง ก่อนจากไปอย่างไม่พอใจ
หลังหนานกงจวิ้นซีจากไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ภายในห้องนอกจากกลิ่นสุราอบอวล คล้ายมีกลิ่นคาวบางอย่าง
ดูละมุนละไม และน่าสงสัย…
เวลานี้ร่างกายเล่อเหยาเหยาคล้ายกลายเป็นหิน ตะลึงสุดขีดอยู่ตรงนั้น
ดวงตางดงามเบิกกว้าง จ้องเขม็งไปยังของสีขาวขุ่นบนมือของตน
ร้อนผ่าว ชื้นแฉะ ฮือๆ…
ใบหน้ากลับดูราวอยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา
เมื่อเห็นอารมณ์ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ่นอวี๋ทราบดีว่าเธอกำลังคิดสิ่งใดอยู่
เมื่อดวงตาเย็นชาเห็นของสีขาวขุ่นบนมือเล็กขาวผ่องของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองรู้สึกละอายใจและอึดอัด
ใบหน้าหล่อเหลาดูกลัดกลุ้ม ก่อนพลันแดงก่ำขึ้นมา ราวกับแต่งแต้มด้วยชาดชั้นดี เพิ่มสีสันเพียงเท่านั้น!
ทันใดนั้น หลังขวยเขินอยู่ชั่วขณะ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รีบหยิบผ้าคลุมเตียง เช็ดของเหลวสีขาวขุ่นบนมือของเล่อเหยาเหยาออกไปด้วยตนเอง มันคือสิ่งนั้นของเขา…
อาจเพราะเรื่องเมื่อครู่ ทำให้ละอายใจต่อเล่อเหยาเหยา ดังนั้นขณะที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ช่วยเช็ดมือให้เล่อเหยาเหยา ท่าทางนั้นจึงดูอ่อนโยนอย่างมาก
หากถูกผู้อื่นเห็นเข้าว่า พญายมเช็ดมือให้ขันทีผู้หนึ่งอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ ต้องคิดว่าตาของตนมีปัญหาแน่
ทว่านี่คือเรื่องจริง