สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1 เกิดใหม่
ไป๋ชิงเหยียนดื่มยาขมจนหมดถ้วย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ริมฝีปาก นั่งเอนตัวพิงหัวเตียง จ้องไปยังดอกเหมยสีแดงซึ่งปักอยู่ในแจกันกระเบื้องหยกสีขาวอย่างเหม่อลอย
นางตายไปแล้วแท้ๆ เหตุใดพอลืมตาขึ้นมาถึงได้ย้อนกลับมาในวันที่สิบสี่ เดือนสิบสอง
รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้ากันเล่า
นางจำได้ว่า ไป๋จิ่นซิ่ว น้องสาวของนางออกเรือนในวันที่สิบห้าเดือนสิบสอง ซื่อจื่อ[1] แห่งจวนจงหย่งโหวมารับตัวเจ้าสาวเร็วไปครึ่งชั่วยาม คุณชายทั้งสิบเจ็ดคนแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง[2] ล้วนไปออกรบที่หนานเจียง ญาติห่างๆ ที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ล่วงหน้าเพื่อมาช่วยกั้นประตูเงินประตูทองก็ล้วนไม่ได้เรื่อง เอาแต่เล่นพนันกันอยู่ที่เรือนด้านหลัง ไม่มีคนคอยกั้นประตู ทำให้ไป๋จิ่นซิ่วออกจากจวนก่อนเวลาครึ่งชั่วยาม
เนื่องจากออกจากจวนก่อนเวลาครึ่งชั่วยาม ขบวนรับตัวเจ้าสาวจึงเผชิญหน้ากับคนที่มาลอบสังหาร
เหลียงอ๋อง เมื่อไป๋จิ่นซิ่วรู้ว่าเหลียงอ๋องถูกลอบสังหาร นางจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือแต่สุดท้ายตัวเองกลับเอาชีวิตไม่รอด
เมื่อนึกถึงเหลียงอ๋อง…
ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง มือกำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น หายใจไม่ทั่วท้อง
ในสมองของนางเต็มไปด้วยภาพก่อนนางจะสิ้นใจ แววตาเย็นชาและเฉยเมย ใบหน้าที่ดุดัน น่าหวาดกลัว
เขานั่งอยู่ตรงหน้าร่างอันอ่อนแอที่เต็มไปด้วยเลือด ไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้าของไป๋ชิงเหยียน และกล่าวออกมามากมาย
กล่าวว่าเขาร่วมมือกับหลิวฮ่วนจาง รองแม่ทัพกองทหารของท่านปู่เพื่อสังหารบุรุษทั้งหมดของตระกูลไป๋อย่างไรบ้าง กล่าวว่าเขาใช้วิธีใดหลอกล่อให้ไป๋ชิงเหยียนมอบตำราพิชัยสงครามซึ่งมีลายมือของท่านปู่ให้เขา ทำให้เขาสามารถปลอมแปลงหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าตระกูลไป๋ก่อกบฏ และยังกล่าวอีกว่าเขาบีบบังคับให้คนที่เหลือในตระกูลไป๋ค่อยๆ หมดหนทางสู้อย่างไรบ้าง…
ชาติที่แล้วนางโง่ถึงขนาดที่เชื่อว่าเหลียงอ๋องมีใจให้นางเพียงผู้เดียว เชื่อว่าเหตุผลที่เขาอยากไปนั่งบนบัลลังก์เพราะอยากรื้อคดีให้ตระกูลไป๋ นางยินดีช่วยเหลือเขาทุกอย่าง ตามเขาไปออกรบ สร้างผลงานให้เขามากมายเพื่อให้เขาได้สมญานามว่าเทพแห่งสงคราม ช่วยให้เขาได้ตำแหน่งรัชทายาท
แต่เขาไม่เพียงแต่ทำให้ท่านปู่ บิดาและพี่ชายน้องชายของนางต้องตาย แม้แต่พี่สาวน้องสาวของนาง เขาก็ยังไม่ละเว้น เมื่อนึกถึงน้องสาวทั้งเจ็ดคนของนางที่ต้องตายไปอย่างโหดร้ายด้วยน้ำมือของเหลียงอ๋อง ความโกรธแค้นก็ถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ชิงเหยียน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง เกลียดจนแทบอยากจะฉีกร่างของสัตว์เดรัจฉานอย่างเหลียงอ๋องออกเป็นชิ้นๆ
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ…” ชุนเถา สาวใช้ใหญ่เอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนด้วยเสียงแผ่วเบา ในมือประคองกล่องใบหนึ่งเอาไว้เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ยาของท่านหมอหงดีจริงๆ แต่ติดตรงที่ขมไปสักหน่อย คุณหนูใหญ่อมลูกกวาดสักเม็ดจะได้หายขมนะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนหยิบลูกกวาดบ๊วยขิงใส่เข้าปากที่เต็มไปด้วยรสขม มองไปยังชุนเถาที่ช่วยสอดหมอนนุ่มรองไว้ที่หลังของนางอีกชั้นหนึ่งนิ่งๆ ชุนเถาเป็นบุตรสาวของแม่นมของต่งซื่อ มารดาของนาง คอยรับใช้นางมาตั้งแต่เด็กอย่างซื่อสัตย์
“คุณหนูรอง หิมะตกหนัก ทางเดินลื่นขนาดนี้ คุณหนูมาทำไมหรือเจ้าคะ”
เสียงเอ่ยประจบประแจงของสาวใช้ซึ่งทำความสะอาดอยู่ด้านนอกดังแว่วเข้ามา
ในห้องทำความอุ่น ชุนเหยียนซึ่งกำลังก้มตัวเขี่ยถ่านในเตาผิงอยู่ วางที่คีบลง แหวกม่านเดินออกไปทำความเคารพ น้ำเสียงไม่เป็นมิตร “คุณหนูรอง”
ไป๋จิ่นซิ่ว คุณหนูรองแห่งตระกูลไป๋ก้าวขึ้นบันไดมา ปลดเสื้อคลุมออก เอ่ยถามชุนเหยียนซึ่งทำความเคารพนางอยู่ด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่หญิงใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือไม่”
“ขอบคุณคุณหนูรองเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่สบายดี พรุ่งนี้คุณหนูรองก็จะแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวแล้ว มีเรื่องให้ทำมากมาย คุณหนูรองไม่ไปเตรียมตัวให้ดี หิมะตกหนักขนาดนี้มาที่เรือนชิงฮุยของเราทำไมหรือเจ้าคะ”
ชุนเหยียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ คำพูดเต็มไปด้วยการประชดประชัน
เดิมทีซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ของนางแท้ๆ แต่เพราะตอนที่คุณหนูอายุสิบหกตามนายท่านกั๋วกงไปออกรบจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้ยากจะมีบุตรได้ ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวถึงได้ไปหมั้นหมายกับคุณหนูรองแทน ชุนเหยียนจะยอมรับได้อย่างไรกัน
ชุนเถาได้ยินเสียงมองลอดหน้าต่างออกไปดูแวบหนึ่ง ช่วยไป๋ชิงเหยียนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่พลางเอ่ยถาม “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูรองมาเยี่ยม คุณหนูจะพบหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น นึกถึงคำที่เหลียงอ๋องกล่าวเมื่อชาติที่แล้ว เขากล่าวว่าที่เขาไว้ชีวิตนางเป็นเพราะวันที่ไป๋จิ่นซิ่วออกเรือนนางรับมีดแทนเขา ก่อนที่ไป๋จิ่นซิ่วจะสิ้นใจนางขอร้องเหลียงอ๋องให้ดูแลปกป้อง
ไป๋ชิงเหยียนให้ดีๆ อย่าทำให้นางเสียใจ
ไป๋ชิงเหยียนปวดใจ เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ออกไปรับคุณหนูรองเถอะ”
ชุนเถารับคำ เดินออกมาจากด้านใน สองมือซ้อนประกบกัน ทำความเคารพคุณหนูรองอย่างมีมารยาทพลางเอ่ย “คุณหนูใหญ่เพิ่งทานยาเสร็จ สีหน้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ สั่งให้บ่าวออกมาต้อนรับคุณหนูรอง เชิญด้านในเจ้าค่ะ!”
ชุนเถาแหวกม่านให้คุณหนูรอง ไป๋จิ่นซิ่วด้วยตัวเอง
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้ามาด้านใน ไออุ่นจากในห้องก็แผ่ออกมาทันที หญิงสาวกลัวว่าไอเย็นจากตัวนางจะแผ่ไปโดนไป๋ชิงเหยียน นางจึงยืนผิงเตาผิงอยู่ตรงหน้าประตูสักพัก จากนั้นจึงเดินเข้าด้านใน
“พี่หญิงใหญ่…”
เมื่อเห็นใบหน้างดงามไร้เดียงสาของไป๋จิ่นซิ่วอีกครั้ง ความสมเพช ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ชิงเหยียน เป็นเพราะนางไม่ยอมตัดใจจากเหลียงอ๋องให้เด็ดขาดตั้งแต่แรก ไป๋จิ่นซิ่วจึงนึกว่านางยังมีใจให้เหลียงอ๋องอยู่ ถึงได้ยอมตายเพื่อปกป้องสัตว์เดรัจฉานที่กวาดล้างตระกูลไป๋อย่างเขา นางผิดต่อไป๋จิ่นซิ่วผิดต่อตระกูลไป๋
ชุนเถาให้สาวใช้นำเก้าอี้มาวางให้ไป๋จิ่นซิ่วตรงข้างเตียง ไม่รอให้ไป๋จิ่นซิ่วนั่งลง ไป๋ชิงเหยียนตาแดงก่ำ รู้สึกขมขื่นในลำคอ นางกวักมือเรียกไป๋จิ่นซิ่ว “จิ่นซิ่ว…เจ้ามานี่!”
ไป๋จิ่นซิ่วประคองชายกระโปรงของตัวเอง เดินไปนั่งตรงบริเวณขอบเตียงของไป๋ชิงเหยียน รู้สึกว่า
ไป๋ชิงเหยียนดูนิ่งขรึม หดหู่ราวกับคนมีอายุ หญิงสาวกุมมือของไป๋ชิงเหยียนไว้ด้วยความกังวล “พี่หญิงใหญ่ เป็นเพราะพรุ่งนี้…”
ไม่รอให้ไป๋จิ่นซิ่วพูดจบ ไป๋ชิงเหยียนรีบส่ายหน้า เอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก “จิ่นซิ่วพี่อยากให้เจ้ารับปากพี่ ภายภาคหน้าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าต้องดูแลปกป้องตัวเองให้ดีๆ เข้าใจหรือไม่”
“พี่หญิงใหญ่?” ไป๋จิ่นซิ่วไม่เข้าใจ
“เจ้ารับปากพี่!” ไป๋ชิงเหยียนบีบมือไป๋จิ่นซิ่วแน่น
ไป๋จิ่นซิ่วเห็นว่าลมหายใจของไป๋ชิงเหยียนไม่คงที่จึงรีบพยักหน้ารับ “จิ่นซิ่วรู้แล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่!”
พรุ่งนี้ไป๋จิ่นซิ่วออกเรือนมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จึงอยู่ได้แค่ครู่เดียวจากนั้นก็ขอตัวกลับเรือน
เมื่อส่งไป๋จิ่นซิ่วกลับไปแล้ว ไป๋ชิงเหยียนก็ไล่สาวใช้ทั้งหมดออกไป นางนอนอยู่บนเตียง หวนนึกถึงเรื่องของเหลียงอ๋องและตระกูลไป๋ รู้สึกราวกับเป็นความฝันที่ทำให้เย็นยะเยือกไปทั้งร่าง
หลังจากที่น้องรอง ไป๋จิ่นซิ่วตาย ตระกูลไป๋ก็ถูกผลักให้ลงเหวไปเรื่อยๆ
เบื้องบนเมตตาให้นางได้มาเกิดใหม่ในวันก่อนที่น้องรองจะออกเรือนหนึ่งวัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่มีวันยอมให้ไป๋จิ่นซิ่วและตระกูลไป๋มีจุดจบแบบชาติที่แล้วแน่นอน
พรุ่งนี้ไป๋จิ่นซิ่วออกเรือน นางต้องเตรียมรับมืออย่างเต็มที่ หากพวกญาติห่างๆ พวกนั้นเอาแต่เล่นพนันก็ต้องมีคนคอยทำหน้าที่แทน
แล้วก็ยังมีเรื่องที่เหลียงอ๋องถูกลอบสังหาร ชาติที่แล้วสืบได้ว่าเป็นไส้ศึกของหนานเยี่ยนที่ลงมือสังหาร
ตอนนี้เมื่อลองคิดให้ดีๆ ชื่อเสียงของเหลียงอ๋องที่คนภายนอกรับรู้ก็เป็นเพียงแค่องค์ชายอ่อนแอ
ไร้ความสามารถเท่านั้น มีค่าให้ไส้ศึกของหนานเยี่ยนที่อุตส่าห์แฝงตัวเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงลงมือสังหารเชียวหรือ
บางที คงต้องส่งคนที่ไว้ใจได้ไปหนานเยี่ยนสักรอบ หากช่วยเหลือท่านปู่และบิดาของนางได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ หากช่วยไม่ได้…ก็ต้องกุมหลักฐานให้ได้ก่อนอีกฝ่าย จะปล่อยให้เหลียงอ๋องฉวยโอกาสใส่ร้ายตระกูลไป๋ไม่ได้เด็ดขาด
เรื่องที่ลูกชายหลานชายของตระกูลไป๋ต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่หนานเจียงคงปิดบังท่านย่าไม่ได้ ต้องหาวิธีที่อ่อนโยนที่สุดในการบอกให้ท่านย่าเตรียมใจ
แบบนี้…เมื่อข่าวจากกองทัพส่งกลับมาถึงเมืองหลวง ท่านย่าจะได้ไม่ตกใจจนสิ้นใจ
ขอแค่ตระกูลไป๋ยังมีท่านย่าซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของฮ่องเต้อยู่ ตระกูลไป๋ก็คงไม่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำดังเช่นชาติที่แล้ว
ร่างกายของไป๋ชิงเหยียนยังอ่อนแออยู่ ประกอบกับใช้ความคิดมากเกินไป ความเหน็ดเหนื่อยทำให้นางครึ่งหลับครึ่งตื่น สะลึมสะลือฝันถึงท่านปู่ บิดา และพี่ชายน้องชายทั้งสิบเจ็ดคน
ฝันถึงท่านย่าที่กุมมือมารดาของนาง น้ำตาเอ่อนองเต็มใบหน้า กล่าวโทษว่าตัวเองไร้ความสามารถ…ในตอนที่ตระกูลไป๋ลำบากที่สุดกลับทนไม่ไหว ต้องจากไปหาท่านปู่ก่อน! ท่านย่าฝากหน้าที่ดูแลปกป้องตระกูลไป๋ให้แก่ต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียน หวังว่าพวกนางจะไม่ทำให้ท่านย่าผิดหวัง
“ท่านย่า!” ไป๋ชิงเหยียนร้องเรียกอย่างตกใจ พลันสะดุ้งเด้งตัวขึ้นนั่ง ใจเต้นรัว
เมื่อเห็นว่าตนเองยังอยู่บนเตียงในเรือนชิงฮุย ใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจึงค่อยๆ สงบลง ชุดขาวราวกับหิมะท่วมไปด้วยเหงื่อ หมอนหนุนก็เปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา
หญิงสาวหลับตาลง เมื่อนึกถึงความฝันเมื่อครู่ นางจึงไม่กล้ารีรออีก…สิ่งที่ควรเตรียมพร้อมต้องรีบทำให้เสร็จ
นางฝืนประคองสติให้มั่นคง สะบัดผ้าห่มออก เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ชุนเถา…”
[1] ซื่อจื่อ มีไว้เรียกลูกชายที่จะสืบทอดบรรดาศักดิ์ของผู้เป็นพ่อ
[2] กั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์สูงสุดที่ขุนนางจะได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ