สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1338 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 1338 ช่วยเหลือ
สี่เล่อและคังเล่อยังเป็นเพียงเด็กทารกที่ได้แต่เป่าน้ำลายออกมาจากปาก ไป๋หวั่นชิงยิ่งไม่สามารถเล่นกับพวกเขาได้ หากนางสามารถเลือกสหายเข้ามาเป็นเพื่อนเล่นของนางในวังได้นางจะดีใจมาก
“เจ้าจะเลือกสักกี่คนก็ได้!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“ขอเพียงเสี่ยวปาของพวกเรามีความสุข”
“ไม่เจ้าค่ะ เลือกแค่คนเดียวก็พอแล้ว หากเลือกเยอะแล้วไม่เลือกคนจากตระกูลฉีตระกูลรองของตระกูลฉีอาจไปบ่นกับท่านยายของข้าได้เจ้าค่ะ”
ไป๋หวั่นชิงส่ายหน้าอย่างรู้ความ เด็กสาวจะเลือกสหายเพียงคนเดียวเท่านั้น
ไป๋หวั่นชิงสามารถเอาแต่ใจตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทว่า นางฉลาดตั้งแต่เล็กเช่นเดียวกับเสี่ยวชี ถึงแม้หลายเรื่องผู้ใหญ่จะไม่ได้เล่าให้นางฟัง ทว่า ไป๋หวั่นชิงสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง
“พี่หญิงใหญ่ ข้าต้องเลือกเด็กจากตระกูลใดจึงจะไม่สร้างปัญหาให้พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ”
ไป๋หวั่นชิงถามออกมาตรงๆ
อาจเป็นเพราะฉีซื่อบอกให้ไป๋หวั่นชิงฟังอยู่เป็นประจำเด็กน้อยจึงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนลำบากมามากเพียงใด นางจะไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้ไป๋ชิงเหยียนเด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนมองสบกับดวงตากลมโตสีดำใสของไป๋หวั่นชิงแล้วรู้สึกสงสารน้องสาวตัวน้อยของตัวเองมาก นางกล่าวขึ้นเบาๆ
“เสี่ยวปาชอบผู้ใดก็เลือกคนนั้น เจ้าไม่มีทางสร้างปัญหาให้พี่แน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของพี่สาวไป๋หวั่นชิงจึงยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวของตัวเอง จากนั้นรับคำอย่างมีความสุข
ไป๋ชิงเหยียนลูบผมหน้าม้าของน้องสาวอย่างแผ่วเบา แม้เสี่ยวปาจะยังเล็ก ทว่า ดวงตาของเด็กสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด นางสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ใดมีจุดประสงค์แอบแฝง ผู้ใดอยากเป็นเพื่อนกับนางด้วยความจริงใจ
เสี่ยวปายังเล็ก นางไม่มีบิดาอย่างท่านอาห้าคอยดูแลและมอบความรักให้ ไป๋ชิงเหยียนจึงเอ็นดูน้องสาวคนนี้เป็นพิเศษ
ไป๋ชิงเหยียนจำได้ว่าก่อนท่านอาห้าจะไปออกรบ ท่านอาห้าสวมชุดเกราะกุมมืออาสะใภ้ห้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสุข เขากำชับท่านอาสะใภ้ห้าให้ดูแลตัวเองและลูกในท้องให้ดี กล่าวว่าอาฉีเป็นคนสุขุมมาตั้งแต่เล็ก เขาอยากให้อาสะใภ้ห้าคลอดลูกสาวที่ร่าเริงออกมาให้เขา เขาจะรักและดูแลนางราวกับสมบัติล้ำค่า สอนทุกอย่างที่เขามีให้แก่นาง
ตอนนี้บุตรสาวที่ท่านอาห้ารอคอยลืมตาออกมาดูโลกแล้ว ทว่า นายท่านห้าที่ได้รับสมญานามว่าเป็นบัณฑิตสุขุมอ่อนโยนแห่งเมืองหลวงกลับไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว
เมื่อนึกถึงท่านอาห้าไป๋ชิงเหยียนจึงเอื้อมมือลูบศีรษะของไป๋หวั่นชิงอีกครั้ง นางหวนนึกถึงตอนที่ท่านอาห้าเอาแต่นั่งเล่นหมากล้อมใต้ต้นแปะก๊วยซึ่งอายุราวร้อยปีเพื่อป้องกันไม่ให้คุณชายของตระกูลไป๋ทั้งหลายมาฝึกดาบใต้ต้นแปะก๊วยต้นนั้น นางนึกถึงตอนที่ท่านอาสี่แพ้หมากล้อมและชอบล้มกระดานอย่างไม่อยากยอมแพ้จนนางไม่อยากเล่นกับท่านอาสี่อีก ท่านอาสี่จึงไปเล่นหมากล้อมกับท่านอาห้าที่ใต้ต้นแปะก๊วย ท่านอาห้ามักเอาแต่ยิ้มยามท่านอาสี่ล้มกระดานโดยไม่รู้สึกหงุดหงิดแม้แต่น้อย
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวกล่าวกับไป๋หวั่นชิง
“เมื่อเสร็จเรื่องยุ่งเหล่านี้ หากพี่มีเวลาพี่จะสอนเสี่ยวปาเล่นหมากล้อมดีหรือไม่…”
ไป๋หวั่นชิงได้ยินดวงตาจึงเปล่งประกายขึ้นทันที
“ดีเจ้าค่ะ!”
นางได้ยินท่านแม่เล่าให้ฟังนานแล้วว่าพี่หญิงใหญ่เล่นหมากเก่งมาก…
ไป๋หวั่นชิงยังเล็ก เมื่อได้ยินว่างานชมดอกไม้มีแต่ความครื้นเครงสาวน้อยจึงเอาแต่รอคอยให้ถึงวันนั้น ไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่าเด็กน้อยเตรียมให้นางกำนัลที่อายุไล่เลี่ยกับนางใส่เสื้อผ้าเช่นเดียวกับนางเพื่อทดสอบนิสัยและคุณธรรมของคุณหนูตัวน้อยที่จะมาเป็นสหายของนางด้วย
ฮูหยินสามหลี่ซื่อและฮูหยินสี่หวังซื่อเป็นคนช่วยกันจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ในครั้งนี้ ฮูหยินสามหลี่ซื่อเป็นคนดูแลงานทั้งหมด ฮูหยินสี่หวังซื่อแค่ช่วยออกคำสั่งเท่านั้น
ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ฮูหยินสี่หวังซื่อก็ได้ชื่อว่าเป็นคนจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ในครั้งนี้อยู่ดี เมื่อตระกูลหวังซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของหวังซื่อได้รับบัตรเชิญจึงรีบให้หวังหลิ่วซื่อนายหญิงของตระกูลหวังในตอนนี้เข้าไปพบหวังซื่อในวังหลวงเพื่อให้หวังซื่อหาทางเชิญคุณหนูที่อายุถึงวัยแต่งงานของตระกูลมารดาของหวังหลิ่วซื่อน้องสาวแท้ๆ ของบุตรอนุและบุตรสาวของบุตรอนุที่ถูกเลี้ยงโดยมารดาแท้ๆ ของหวังซื่อเข้ามาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงด้วย
ก่อนหน้านี้หวังหลิ่วซื่ออยากให้บุตรสาวของตัวเองแต่งงานกับไป๋ชิงเจวี๋ย นางกล่าวว่าลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันเองความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลจะได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม หวังซื่อเป็นคนอ่อนแอและหัวอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นางจึงได้แต่กล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของไป๋ชิงเจวี๋ยเพราะตอนนี้หญิงสาวคือจักรพรรดินีของแคว้น
หวังหลิ่วซื่อกลับคิดว่าไป๋ชิงเหยียนขึ้นชื่อว่ากตัญญูต่อบรรดาอาสะใภ้ของตัวเองมาก มารดาแท้ๆ ของหวังซื่ออยู่ในมือของพวกนางสามีภรรยา พวกนางจะสิ่งใดต่อมารดาของหวังซื่อก็ได้ดังนั้นหวังหลิ่วซื่อจึงมั่นใจว่าบุตรสาวของนางจะได้เป็นภรรยาเอกของไป๋ชิงเจวี๋ยแน่นอน
แม้แต่บุตรสาวของหวังหลิ่วซื่อเองก็คิดว่าตัวเองคือภรรยาเอกของจงกั๋วอ๋องไปชิงเจวี๋ยแล้ว ยามไปร่วมงานเลี้ยงในเมืองหลวงนางมักทำตัวอวดเบ่งผู้อื่น แม้จะไม่ได้โอหังเกินไปนัก ทว่า นางไม่เคยเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
แม้ฮูหยินสี่หวังซื่อจะเป็นบุตรของภรรยาเอก ทว่า หวังเหล่าไท่จวินเลี้ยงดูนางจนนางกลายเป็นคนอ่อนแอไม่สู้คน หวังเหล่าไท่จวินไม่ได้รับความเมตตาจากแม่สามีของตัวเอง ต่อมาดันคลอดบุตรคนแรกออกมาเป็นบุตรสาวอีก แม่สามีของนางจึงยิ่งไม่พอใจในตัวนาง หลายปีหลังจากนั้นหวังเหล่าไท่จวินไม่เคยตั้งครรภ์อีกเลย นางต้องถ่อมตัวเวลาอยู่ต่อหน้าแม่สามี หวังซื่อจึงกลายเป็นคนนิสัยอ่อนแอ ยอมคนไปโดยปริยายเพราะนางไม่อยากทำผิดจนย่าของตัวเองต้องตำหนิมารดาของนาง
ต่อมาหวังเหล่าไท่จวินตั้งครรภ์บุตรชายและคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ทว่า เด็กคนนั้นกลับเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก ต่อมาหวังเหล่าไท่จวินถูกแม่สามีและคนในตระกูลหวังบังคับให้รับบุตรชายอนุของอนุที่เป็นที่โปรดปรานของสามีมาเป็นบุตรชายของตัวเอง อนุผู้นั้นจึงเหิมเกริมขึ้นทันที ชีวิตของหวังเหล่าไท่จวินและหวังซื่อจึงลำบากและทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิม
ต่อมาหวังเหล่าไท่จวินได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่จะหาคู่ครองให้บรรดาบุตรชายของตัวเองที่ไปออกรบในสนามรบจึงเดินทางไปขอร้ององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่เห็นว่าหวังซื่อเป็นคนมีความอดทน สงบเสงี่ยมและเมื่อบุตรชายของนางกลับมาจากสนามรบก็นางพอใจในตัวหวังซื่อนางจึงตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้
ตอนนี้หวังซื่อได้ดีเพราะไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี กระทั่งได้อาศัยอยู่ในวังหลวง ทว่า มารดาของหวังซื่อยังอยู่ในเงื้อมือของสองสามีภรรยาคู่นั้น หวังซื่อกลัวว่าบุตรอนุผู้นั้นจะไม่กตัญญูต่อมารดาของนางจึงพยายามช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่พอช่วยได้จนหลายปีมานี้สองสามีภรรยาคู่นั้นโลภมากและเหิมเกริมยิ่งกว่าเดิม
ตระกูลหวังคิดว่าบุตรสาวของตัวเองต้องได้แต่งงานกับไป๋ชิงเจวี๋ยแน่นอน บุตรอนุที่ถูกเลี้ยงโดยหวังเหล่าไท่จวินจึงเล็งเป้าหมายไปที่น้องชายคนอื่นๆ ของไป๋ชิงเหยียนต่อ โดยเฉพาะไป๋ชิงอวี๋น้องชายแท้ๆ ของไป๋ชิงเหยียน เขาอยากยัดเยียดบุตรสาวของน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองให้ไป๋ชิงอวี๋
ในสายตาของบุตรอนุผู้นี้ เขาคิดว่าที่ตอนนั้นตระกูลไป๋รับหวังซื่อมาเป็นฮูหยินสี่เพราะตอนนั้นตระกูลไป๋เป็นตระกูลสูงศักดิ์ที่มั่งคั่งและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองหลวงแล้ว ทว่า ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีของแคว้นต้าโจว หญิงสาวกุมอำนาจของแคว้นอยู่ในมือ นางย่อมไม่อยากให้บรรดาน้องชายของตัวเองแต่งงานกับตระกูลที่มีอำนาจในเมืองหลวงแน่นอน ตระกูลเล็กๆ อย่างพวกเขาจึงมีโอกาส ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้ให้เรือล่มในหนองของตัวเองดีกว่า
ที่สำคัญเขาได้ยินมาว่าใบหน้าของไป๋ชิงอวี๋น้องชายแท้ๆ ของไป๋ชิงเหยียนเสียโฉมไปแล้ว บุตรสาวของน้องสาวของเขาถือว่าคู่ควรกับไป๋ชิงอวี๋แล้ว ที่สำคัญหากคุณหนูที่อายุยังน้อยของตระกูลหวังได้เข้าไปเป็นสหายร่วมเรียนของคุณหนูแปดไป๋หวั่นชิงตระกูลเขาจะยิ่งมีเกียรติมากกว่าเดิม
เมื่อหวังหลิ่วซื่อได้ยินความคิดอาจเอื้อมของสามีก็ได้แต่ก่นด่าว่าเขาโง่เขลาอยู่ในใจ ทว่า นางทำได้เพียงรับคำอย่างนอบน้อมเท่านั้น