สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1343 เรียกเข้าเฝ้าหากมีเวลา
ตอนที่ 1343 เรียกเข้าเฝ้าหากมีเวลา
สีหน้ากวนโมโหของฟ่านอวี้กานทำเอาคนต้าเยี่ยนอยากชกหน้าเขามาก ทว่า พวกเขาทำไม่ได้ เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนที่วางตัวให้เหมาะสมมาโดยตลอดโมโหจนแทบเป็นลม
มีคำกล่าวว่าเมื่อบัณฑิตเจอทหารมักเถียงไม่ชนะ ครั้งนี้เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนรู้ซึ้งถึงคำกล่าวนี้อย่างถ่องแท้ บัณฑิตเจอทหารที่มีความสามารถและหน้าไม่อายจะเถียงด้วยเหตุผลไม่ชนะจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนเห็นรายงานที่หงหลู่ซื่อชิงส่งมาให้จึงรู้ว่าเหตุใดหลิ่วหรูซื่อจึงเสนอฟ่านอวี้กานกับนาง นอกจากเขาจะสงสารฟ่านอวี้กานแล้ว หลิ่วหรูซื่อคงรู้ดีว่าหากเทียบกับบัณฑิตอ่อนแอผู้หนึ่งแล้วฟ่านอวี้กานหน้าหนามากเพียงพอ ทว่า เขาไม่ได้จะดูถูกนิสัยของฟ่านอวี้กาน เพียงแค่หากสองแคว้นต้องถกเถียงกันอย่างไม่ไว้หน้า ฟ่านอวี้กานที่สามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองไปทะเลาะกับอีกฝ่ายได้คือคนที่สามารถทำให้อีกฝ่ายโมโหจนควันออกหูได้ดีที่สุด
วันนี้หลู่ไท่เว่ยไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงชมดอกไม้ในวังหลวง เขาพาหลู่เฟิ่งหลางและฟ่านอวี้กานไปเจรจากับขุนนางคนสำคัญของต้าเยี่ยนที่หงหลู่ซื่อ
ดังนั้นขุนนางต้าเยี่ยนที่มาร่วมงานในวันนี้นอกจากเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว ขุนนางอีกสองสามคนที่เหลือล้วนเป็นขุนนางที่ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญในราชสำนักเท่าใดนัก
หลู่เฟิ่งหลางคือคนที่หลิ่วหรูซื่อเอ่ยปากต้องการตัว ทว่า เมื่อวานนางไม่ได้เอ่ยคำได้ออกมาแม้แต่ประโยคเดียว ทำเพียงจดบันทึกเรื่องต่างๆ ไว้แทบทั้งหมด ไป๋ชิงเหยียนกำลังคอยอยู่ว่าหลู่เฟิ่งหลางจะทำให้นางประทับใจได้อย่างไร
การเต้นรำจบลงแล้ว หวังซื่อยื่นมือที่คล้องกำไลลูกประคำหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม หวังหลิ่วซื่อที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของหวังซื่อกระตุกแขนเสื้อของหวังซื่อเบาๆ สื่อให้หวังซื่อถือโอกาสนี้เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของไป๋ชิงเจวี๋ยกับบุตรสาวของนางกับไป๋ชิงเหยียนเพื่อขอให้หญิงสาวพระราชทานสมรสให้ เช่นนี้นางจะได้วางใจเสียที
หวังซื่อมองไปทางแท่นสูงแวบหนึ่ง เว่ยจงกำลังป้องปากกระซิบบางอย่างข้างหูของไป๋ชิงเหยียน หวังซื่อรู้สึกเป็นกังวลมาก ความจริงนางไม่อยากให้หลานสาวของตระกูลมารดาของตัวเองแต่งงานกับอาเจวี๋ย ทว่า หากนางไม่รับปากหวังหลิ่วซื่อนางกลัวว่ามารดาของนางจะถูกสองสามีภรรยาคู่นี้ทรมาน
ไป๋ชิงเหยียนเปิดจดหมายของไป๋ชิงฉีออกอ่าน
ไป๋ชิงฉีกล่าวในจดหมายว่าแคว้นเทียนเฟิ่งต้องการส่งทูตมาเจรจาเชื่อมไมตรีกับต้าโจว
ไป๋ชิงเหยียนยังเดาไม่ออกว่าตอนนี้แคว้นเทียนเฟิ่งมีจุดประสงค์ใดกันแน่
ไป๋ชิงเหยียนส่งเฉิงหย่วนจื้อไปปิดตายทางเข้าออกระหว่างซีเหลียงและแคว้นเทียนเฟิ่งเพื่อความไม่ประมาทแล้ว ทว่า ต้าโจวไม่ได้มีท่าทีจะยกทัพบุกไปโจมตีแคว้นเทียนเฟิ่งแม้แต่น้อย เหตุใดแคว้นเทียนเฟิ่งต้องส่งคนมาขอเชื่อมไมตรีกับต้าโจวในตอนนี้ด้วย พวกเขาวางแผนสิ่งใดไว้กันแน่
ไป๋ชิงเหยียนวางจดหมายในมือลงพลางหันไปกล่าวกับเว่ยจงเสียงเบาว่าให้เชิญหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูมาพบนางที่ห้องตำราเพื่อปรึกษาเรื่องนี้
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ได้ยินเสียงแตกของกระเบื้องดังขึ้นกลางตำหนัก นางหันไปทางต้นเสียงจึงเห็นกวนหมัวมัวกำลังคุกเข่าใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเสื้อผ้าให้อาสะใภ้สี่
หวังหลิ่วซื่อที่กำลังจ้องหวังซื่อด้วยแววตาเกรี้ยวกราดรู้สึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังมองมาทางนี้จึงรีบละสายตาจากร่างของหวังซื่อ จากนั้นแสร้งกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เหตุใดจึงไม่ระวังเช่นนี้!”
กวนหมัวมัวมองไปทางหวังหลิ่วซื่อราวกับอยากฉีกร่างของนางออกเป็นชิ้นๆ ทว่า เมื่อนึกได้ว่าเหล่าไท่จวินยังอยู่ในมือของสองสามีภรรยาคู่นี้จึงได้แต่อดทนไว้
เสียงไม้ไผ่ดังขึ้นอีกครั้ง นางรำเดินเข้ามาในตำหนักอีกครั้ง คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
กวนหมัวมัวเดินไปรายงานต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเองว่าฮูหยินสี่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เปื้อนเป็นชุดใหม่
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางไม่ได้สอบถามรายละเอียดจากกวนหมัวมัว ทำเพียงมองไปทางหวังหลิ่วซื่อ บุตรสาวของนางและสาวน้อยอีกสองสามคนด้านหลังของนางด้วยแววตาเรียบเฉยเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งชุนเถา “เจ้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากสาวใช้หลิงอวิ๋นและหลิงซิ่วของท่านอาสะใภ้ที”
ชุนเถารับคำแล้วหันไปสั่งงานชุนจือเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินจากไปหาสาวใช้ข้างกายของหวังซื่อ
หลานสาวของหวังหลิ่วซื่อเหมือนจะสัมผัสได้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังมองมาทางพวกนาง นางจึงรีบกระตุกแขนเสื้อของอาตัวเองพลางกระซิบเสียงเบาทันที หวังหลิ่วซื่อรีบหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังมองมาที่นางนางจึงกำหมัดแน่นพลางส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดให้หญิงสาว
ไป๋ชิงเหยียนละสายตาไปจากร่างของนางด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นมองไปทางหานเฉิงอ๋องแทน
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหานเฉิงอ๋องยิ้มๆ “วันนี้อาหารไม่ถูกปากหานเฉิงอ๋องอย่างนั้นหรือ”
หานเฉิงอ๋องได้ยินจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ทูลฝ่าบาท อาหารไม่ได้ไม่ถูกปากกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่มีเรื่องกังวลเล็กน้อยเท่านั้น หลังจบงานเลี้ยง หากฝ่าบาททรงมีเวลาได้โปรดเรียกกระหม่อมมาเข้าเฝ้าด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องบางอย่างอยากกราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
หานเฉิงอ๋องคือองค์ชายสามของต้าเหลียงในตอนนั้น เขาเป็นคนยอมจำนนต่อไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเองดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงแต่งตั้งเขาเป็นหานเฉิงอ๋อง นางให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงเพื่อป้องกันคนต้าเหลียงที่อยากกอบกู้แก้แค้นคืนก่อกบฏขึ้นมา ทว่า หานเฉิงอ๋องไม่ใช่คนของแคว้นต้าจิ้น เขามีแต่บรรดาศักดิ์เท่านั้น ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมในราชสำนักได้
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ได้…”
หานเฉิงอ๋องเห็นไป๋ชิงเหยียนรับปากจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งแล้วนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองตามเดิม
ไม่นานไป๋ชิงเหยียนจึงเห็นอาสะใภ้สี่ของตัวเองเดินกลับเข้ามาในตำหนักโดยมีชุนเถาเดินตามกลับเข้ามาด้วย
ชุนเถาคุกเข่าลงด้านหลังไป๋ชิงเหยียนพลางรายงานเรื่องที่หวังหลิ่วซื่อใช้หวังเหล่าไท่จวินบีบบังคับให้ไป๋ชิงเจวี๋ยใช้ความดีความชอบทางทหารขอพระราชทานสมรสจากไป๋ชิงเหยียน จากนั้นขอให้ไป๋ชิงเหยียนมอบบรรดาศักดิ์ให้แก่บุตรสาวของหวังหลิ่วซื่อที่กำลังจะกลายเป็นคู่หมั้นของไป๋ชิงเจวี๋ยเป็นจวิ่นจู่หรือยศใดก็ได้ที่ดูสูงส่งสมฐานะ
“หวังหลิ่วซื่อกล่าวว่าในเมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งเซียงเสียจวิ้นจู่ได้ก็ควรแต่งตั้งคู่หมั้นของจงกั๋วอ๋องซึ่งมีความดีความชอบยิ่งใหญ่ในสงครามซีเหลียงเป็นจวิ้นจู่เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” ชุนเถารายงานไป๋ชิงเหยียนด้วยความโมโห “หวังหลิ่วซื่อผู้นั้นใช้หวังเหล่าไท่จวินมาบีบบังคับฮูหยินสี่ คนภายนอกต่างชมว่าสองสามีภรรยาคู่นี้กตัญญู ทว่า หากฮูหยินสี่ไม่ทำตามความต้องการของสองสามีภรรยาคู่นี้เมื่อใดพวกเขาก็จะทรมานหวังเหล่าไท่จวินทุกครั้งเจ้าค่ะ”
“ต่อมาฮูหยินสี่กลับไปเยี่ยมมารดาของตัวเอง ฮูหยินสี่อยากรับมารดามาอยู่กับนาง ทว่า หวังเหล่าไท่จวินทราบดีว่าหากนางจากไปตระกูลหวังจะพินาศทันทีนางจึงไม่ยอมจากมาเจ้าค่ะ หวังเหล่าไท่จวินรู้สึกผิดต่อตระกูลหวังและสามีของนางมาโดยตลอดที่มีลูกชายให้ตระกูลหวังไม่ได้ หวังเหล่าไท่จวินกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จนกระทบกับชื่อเสียงของตระกูลหวัง วันหน้าเมื่อตายไปนางจะไม่มีหน้าไปพบสามีที่จากไปแล้วจึงได้แต่อดทนสองสามีภรรยาคู่นี้มาโดยตลอดเจ้าค่ะ หวังเหล่าไท่จวินเกลี้ยกล่อมไม่ให้ฮูหยินสี่สนใจนาง นางบอกว่านางมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้วเจ้าค่ะ” ชุนเถาขมวดคิ้วแน่น “ทว่า ฮูหยินสี่จะไม่สนใจหวังเหล่าไท่จวินได้อย่างไรกันเจ้าคะ นั่นคือมารดาแท้ๆ ของนางเจ้าค่ะ”
สองสามีภรรยาคู่นี้คงกลัวหวังเหล่าไท่จวินเป็นอันใดไปแล้วพวกนางจะไม่มีสิ่งใดข่มขู่หวังซื่อเช่นเดียวกันดังนั้นพวกเขาจึงเอาแต่หายาบำรุงดีๆ มาให้หวังเหล่าไท่จวินทาน เชิญหมอมาตรวจร่างกายของหวังเหล่าไท่จวินที่จวนอย่างสม่ำเสมอ ในสายตาคนภายนอกแม้แต่ลูกแท้ๆ ของหวังเหล่าไท่จวินก็คงกตัญญูสู้บุตรอนุผู้นี้ไม่ได้