สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1357 เข้าใจ
ตอนที่ 1357 เข้าใจ
เมื่อขันทีเล็กที่อยู่ด้านล่างเดินขึ้นมารายงานว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนมาขอพบไป๋ชิงเหยียนหลิวซื่อจึงกล่าวขึ้นเสียงเบา “อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้นี้คงมารับผิดเรื่องที่ฟ่านอวี้กานถูกทำร้ายร่างกายในวันนี้กระมัง ได้ยินว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก คนรู้กันแทบทั้งเมืองหลวงแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าขนหนูจากชุนเถามาเช็ดมือยิ้มๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้าส่งคนไปเชิญอ๋องเก้ามาพบเองเจ้าค่ะ ต้าเยี่ยนต้องให้คำตอบกับต้าโจวเรื่องที่ฟ่านอวี้กานถูกทำร้ายเจ้าค่ะ”
ต่งซื่อเหลือบมองบุตรสาวแวบหนึ่ง นางกล่าวกับบุตรสาวอย่างเข้าใจเรื่องทั้งหมด “เช่นนั้นข้ากับอาสะใภ้สองของเจ้าขอตัวก่อนแล้วกัน เจ้าเพิ่งมีเวลาได้อยู่กับเด็กๆ ทั้งสองคน ให้ถงหมัวมัวและชุนเถาดูแลเด็กทั้งสองรอเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะได้มีข้ออ้างรีบไล่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจากไป เจ้าจะได้มีเวลาพักผ่อนและอยู่กับลูกๆ ของตัวเอง”
“วิธีของพี่สะใภ้ดีมากเจ้าค่ะ ให้สี่เล่อและคังเล่ออยู่ที่นี่ อาเป่าจะได้มีข้ออ้างพักผ่อนเจ้าค่ะ” หลิวซื่อกล่าวพลางลุกขึ้น
เมื่อก่อนหลิวซื่อคิดว่าจักรพรรดิคือผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ คือผู้กำหนดทุกสิ่งในแผ่นดิน ทว่า ตอนนี้เมื่อหลานสาวของนางขึ้นครองบัลลังก์หลิวซื่อจึงรู้ว่าการเป็นจักรพรรรดิลำบากเพียงใด การเป็นจักรพรรดิที่ดียิ่งไม่ง่ายเลยสักนิด!
หากผู้ใดกล่าวว่าจักรพรรดิสบาย คนผู้นั้นคือจักรพรรดิทรราชแน่นอน!
“เสี่ยวปา วั่งเกอ ไปกันเถิด…” หลิวซื่อกวักมือเรียกเด็กทั้งสองยิ้มๆ
เสี่ยวปาลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ เสี่ยวปาขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
วั่งเกอทำตามเสี่ยวปา เด็กชายค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“ท่านป้า วั่งเกอขอตัวก่อนขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ “เสี่ยวปากับวั่งเกอค่อยๆ เดินลงบันไดนะ!”
ต่งซื่อและหลิวซื่อพาเสี่ยวปาและวั่งเกอจากไปได้ไม่นานเซียวหรงเหยี่ยนก็มาถึง
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเห็นต้นจื่อเถิงพันปีจึงชะงักฝีเท้าลงทันที
ตอนที่ท่านแม่ของเขาให้คนวาดแบบร่างวังหลวงแห่งนี้ขึ้นมานางได้ยินว่ามีต้นจื่อเถิงพันปีอยู่ต้นหนึ่ง คนสร้างวังหลวงอยากตัดต้นจื่อเถิงทิ้ง ทว่า ท่านแม่ของเขาไม่อยากตัดต้นจื่อเถิงที่มีอายุนับพันปีต้นนี้ทิ้งจึงสั่งให้คนย้ายที่ตั้งตำหนักที่ตอนแรกจะสร้างขึ้นบริเวณนั้นไปที่อื่นแทน นางเก็บต้นจื่อเถิงไว้และสร้างตำหนักชมบรรยากาศดอกไม้ขึ้น ที่บริเวณนี้แทน
พี่ชายของเซียวหรงเหยี่ยนเคยบอกว่าตอนที่พี่ชายของเขายังเด็กและทุกคนยังอยู่ที่วังหลวงแห่งนี้ ท่านแม่จะไล่ขันทีและนางกำนัลออกไป จากนั้นพาลูกๆ ของตัวเองไปวิ่งเล่นที่ตำหนักนี้ในทุกฤดูร้อน
ตำหนักรายล้อมไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ถึงสามชั้น เด็กๆ วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไม่มีขันทีและนางกำนัลคอยวิ่งตามหลังเด็กๆ ยิ่งมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนนึกได้ว่าตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนและลูกๆ ของเขาอยู่ในตำหนักนี้ ในสมองจึงนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาและไป๋ชิงเหยียนพาลูกๆ มาวิ่งเล่นที่ตำหนักนี้ยามพวกเขาโตขึ้นกว่านี้
ทว่า เมื่อคิดดูให้ดี เวลานั้นเขากับไป๋ชิงเหยียนอาจพาลูกๆ ไปอยู่ที่จวนที่เมืองไป๋ว่อแล้ว
ตอนนี้จวนที่ไป๋ว่อกำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ เซียวหรงเหยี่ยนอยากสร้างความตกตะลึงให้ไป๋ชิงเหยียน หวังว่าไป๋ชิงเหยียนและลูกๆ จะชอบมัน
หากทำลายกำแพงให้จวนสองจวนที่ไป๋ว่อเชื่อมต่อกัน เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าสามารถย้ายต้นจื่อเถิงต้นนี้ไปที่นั่นและสร้างศาลาขึ้นใกล้ๆ ต้นจื่อเถิงได้ เมื่อถึงฤดูร้อนเขาและอาเป่าจะได้พาลูกๆ ของพวกเขาไปนั่งเล่นที่บริเวณนั้นได้
ขณะคิดเซียวหรงเหยี่ยนเดินตามเว่ยจงมาถึงชั้นสามแล้ว
เว่ยจงช่วยถอดรองเท้าหนังให้เซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นพาทุกคนออกไปยืนรอที่ด้านนอกและปิดฉากกั้นลายดอกไม้ให้คนทั้งสอง
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นชุนเถาวางถ้วยชาสองถ้วยลงบนโต๊ะ นางทำความเคารพเขาและจากไปทันที เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนแล้วคุกเข่านั่งลงข้างกายหญิงสาว ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังอ่านฎีกาอยู่เอ่ยถามขึ้น “ผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเยี่ยนจะให้คำตอบเรื่องที่เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนทำร้ายร่างกายขุนนางของต้าโจวเช่นไร”
“กระหม่อมตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว กระหม่อมรู้สึกว่าใต้เท้าฟ่านอวี้กานจงใจจะตัดเสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนออกจากการเจรจาเพื่อที่จะได้พุ่งเป้าไปที่หวังหานปิงแทน ฝ่าบาทคิดว่ากระหม่อมกล่าวถูกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนถามไป๋ชิงเหยียนอย่างเปิดเผย
“หวังหานปิงคือผู้ใด” ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันลงบนโต๊ะ พับฎีกาปิดลง หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นยกถ้วยชาขึ้น “เขามีตำแหน่งใดในต้าเยี่ยน”
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูไป๋ชิงเหยียนที่กำลังก้มหน้าจิบน้ำชาด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทไม่มีประวัติอย่างละเอียดของขุนนางทุกคนของต้าเยี่ยนที่เดินทางมาเจรจาในครั้งนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้ต้าโจวแข็งแกร่งกว่า เหตุใดข้าต้องเสียเวลาสืบเรื่องพวกนี้ด้วย” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลงด้านข้าง จากนั้นเงยหน้าสบตากับดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่ม “ต้าโจวของข้าเสนอเงื่อนไขให้พวกท่านแล้ว หากตกลงกันได้ก็จบ หากตกลงกันไม่ได้…กองทัพต้าโจวก็จะบุกเข้าไปในต้าเยี่ยน เมืองหลวงของต้าเยี่ยนจะตกอยู่ในอันตราย ขอเพียงต้าโจวจับตัวจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนได้ ท่านคิดว่าต้าเยี่ยนจะเหลือสิ่งใดอีก”
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ข่มขู่ นางแค่กล่าวตามความจริงเท่านั้น
เซียวหรงเหยี่ยนถอดหน้ากากออกจากใบหน้า “เป็นดั่งที่อาเป่ากล่าว ตอนนี้ต้าโจวแข็งแกร่งกว่าต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนเดินทางมาขอร้องต้าโจว พวกข้าควรยอมรับเงื่อนไขทุกเงื่อนไขของต้าโจวโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”
ไป๋ชิงเหยียนยกน้ำชาขึ้นชูให้เซียวหรงเหยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการเข้าใจก็ดีแล้ว”
“วันนี้ไม่เห็นลูกทั้งสอง อาเป่า…”
เซียวหรงเหยี่ยนยังกล่าวไม่จบไป๋ชิงเหยียนก็กล่าวขึ้นยิ้มๆ “แม่นมอุ้มไปดื่มนมแล้ว อีกสักพักพวกนางจะอุ้มเด็กๆ กลับมา นานๆ ทีท่านจะได้เข้ามาในวังหลวง ข้าต้องให้ท่านพบหน้าพวกเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง…”
“เทียบกับลูกๆ แล้ว ข้าอยากอยู่กับอาเป่ามากกว่า” เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือเรียวเล็กของไป๋ชิงเหยียน “ที่ข้าถามถึงลูกๆ เป็นเพราะเมื่อข้าเห็นตำหนักชิวหวาทำให้ข้านึกถึงเรื่องที่ท่านพี่เคยกล่าวกับข้าว่าท่านแม่ชอบพาพวกเขามาวิ่งเล่นที่ตำหนักนี้”
“ขอเพียงพวกเราอยู่ข้างกายพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเล่นอยู่ที่ใดพวกเขาล้วนมีความสุขได้ทั้งนั้น” ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าเมื่อลูกๆ เติบโตขึ้นพวกนางจะยังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่ บางทีพวกนางอาจพาลูกๆ ย้ายไปอยู่ที่ไป๋ว่อแล้วก็ได้
“อาเป่ากล่าวถูกแล้ว” ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนมีแต่รอยยิ้ม ไม่มีสิ่งใดทำให้ลูกมีความสุขเท่ากับการที่พ่อแม่อยู่เคียงข้างพวกเขา พ่อแม่รักใคร่ปรองดองกันอีกแล้ว
“วันนี้อยู่เป็นเพื่อนลูกๆ พวกเราจะไม่เอ่ยถึงเรื่องในราชสำนักแล้ว ปล่อยให้หงหลู่ซื่อชิงเป็นคนจัดการเรื่องเหล่านั้นกันไปเถิด วันนี้…คือวันที่พวกเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” ไป๋ชิงเหยียนจูงมือเซียวหรงเหยี่ยนเข้าไปในห้องด้านใน “หลายวันก่อนท่านแม่ของข้าเก็บกวาดคลังสมบัติในวังหลวงจึงพบภาพภาพหนึ่ง ข้าคิดว่าควรมอบให้ท่าน”