สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1358 คำตอบ
ตอนที่ 1358 คำตอบ
เซียวหรงเหยี่ยนถูกไป๋ชิงเหยียนจูงเข้าไปในห้อง ภาพวาดครอบครัวหลายภาพถูกแขวนอยู่บนผ้าม่านผืนบาง เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนมองเห็นภาพที่อยู่ตรงกลางจึงชะงักฝีเท้านิ่ง
ภาพนั้นจีโฮ่วมารดาของเขาเกล้าผมเป็นทรงที่ทำเป็นประจำ บนศีรษะมีปิ่นปักผมหยกขาวประดับอยู่หนึ่งเล่ม นางสวมเสื้อท่อนบนสีขาวและกระโปรงสีอ่อนปักลายผีเสื้อ ท้องของนางนูนขึ้นเล็กน้อย บริเวณเอวของนางมีหยกจักจั่นแขวนอยู่ รอบกายของนางคือบรรดาพี่ชายและพี่สาวของเขา นี่คือภาพที่วาดขึ้นในตำหนักชิวหวาที่มีต้นจื่อเถิงแห่งนี้
ขอบตาของเซียวหรงเหยี่ยร้อนผ่าว รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มแหวกม่านออกแล้วเดินไปยังภาพวาดภาพนั้นอย่างรวดเร็วราวกับกำลังเห็นมารดาของตัวเองยืนยิ้มให้ตนอยู่ที่ตรงนั้นจริงๆ
เซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่หน้าภาพวาดพลางมองคนในภาพวาดนิ่ง แสงของโคมไฟดอกบัวสามสิบหกแฉกส่องกระทบภาพวาดสีจางลงภาพนั้นนิ่ง
ตอนที่ภาพนี้ถูกวาดขึ้นเซียวหรงเหยี่ยนยังไม่เกิด ทว่า พี่ชายและพี่สาวของเขาล้วนอยู่ในภาพนั้น เซียวหรงเหยี่ยนเห็นว่ารอยยิ้มในภาพของบรรดาพี่ๆ และมารดาล้วนเป็นรอยยิ้มจากใจทำให้รอยยิ้มของจีโฮ่วที่เลือนรางในความทรงจำที่ของเซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
“ภาพนี้ถูกทิ้งอยู่ด้านในสุดของห้องเก็บสมบัติของวังหลวงตั้งแต่ตอนที่แคว้นต้าจิ้นถูกสถาปนาขึ้น ดังนั้นมันค่อนข้างชื้นเล็กน้อย ทว่า โชคดีที่ตอนนั้นพวกเขาย้อมสีของภาพวาดเป็นอย่างดี เราจึงยังพอเห็นสีเดิมของมันอยู่บ้าง”
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยน
“ภาพนี้ไม่มีชื่อ ไม่มีแม้แต่ตราประทับใดๆ ราวกับว่าไม่ใช่ภาพวาดของนักวาดฝีมือดัง ทว่า มันอยู่ในวังหลวงดังนั้นบ่าวรับใช้ของราชวงศ์จิ้นจึงโยนมันทิ้งไว้ในห้องเก็บสมบัติ ฉินหมัวมัวของท่านแม่ข้าเป็นคนพบภาพนี้ นางรู้สึกว่าไม่เลวจึงนำมาให้ท่านแม่ของข้าดูว่าเป็นของจิตกรคนใด ตอนนั้นข้าอยู่กับท่านแม่พอดี พอเห็นหยกจักจั่นจึงเดาไว้ว่าเป็นจีโฮ่ว ข้าจึงขอภาพนี้มาจากท่านแม่”
“ขอบคุณเจ้ามาก…”
เซียวหรงเหยี่ยนจ้องภาพนั้นไม่วางตาราวกับกำลังหวนนึกถึงภาพแห่งความสุขที่ท่านพี่ของเขาเคยเล่าให้ฟัง
ได้ยินว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของเขาวาดภาพนี้ตอนที่เขาสติยังไม่สบประกอบ ตอนนั้นท่านแม่ของเขามีความสุขมาก ตอนที่ท่านพ่อของเขายังไม่ได้สติท่านรักท่านแม่ของเขามาก ทั้งสองคนรักและดูแลกันเป็นอย่างดี
ภายนอกมีคำครหาท่านแม่ของเขามากมาย เช่นคำที่ไป๋ชิงเหยียนเคยกล่าวกลางงานเลี้ยงว่า…หญิงเจ้าเล่ห์มารยา โหดร้ายราวกับอรพิษ ทว่า ท่านแม่ของเขาเป็นเพียงสตรีตัวเล็กคนหนึ่งในวังหลังที่พยายามช่วยเหลือจักรพรรดิเอาตัวรอดจากภัยอันตรายต่างๆ ในวังหลวงเท่านั้น
ตอนแรกท่านแม่ของเขาแค่อยากให้นางและท่านพ่อของเขามีชีวิตรอดเท่านั้น ทว่า ต่อมานางทำให้ต้าเยี่ยนยิ่งใหญ่ขึ้น นางเป็นคนที่มีสติปัญญาและมีความหนักแน่น นางไม่ใช่สตรีในวังหลังที่คิดกุมอำนาจทุกอย่างอยู่ในมืออย่างที่คนอื่นร่ำลือกัน
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือเซียวหรงเหยี่ยนไว้ยิ้มๆ พลางกล่าวเสียงเบา
“ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณข้า ทว่า คำร่ำลือของคนภายนอกไม่ใช่เรื่องโกหกจริงๆ จีโฮ่วไม่เพียงมีสติปัญญาเหนือคนใต้เหล้าเท่านั้น นางยัง…งดงามจนไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้อีกด้วย”
“ความงามของคนอยู่ที่กระดูกไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก…”
เซียวหรงเหยี่ยนกุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้หลวมๆ พลางกล่าวขึ้น
“ตอนที่ท่านแม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านมักกล่าวกับข้าว่ากระดูกที่ว่าหมายถึงศักดิ์ศรี ทว่า อาเหยี่ยนคิดว่าท่านแม่ของข้าและอาเป่างดงามทั้งภายนอกและศักดิ์ศรี เป็นสตรีที่ยากจะมีผู้ใดเทียบเทียมได้”
“ให้ข้าหาคนมาแก้ไขภาพวาดและส่งไปให้ท่านดีหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
“อาเป่าไม่ต้องเสียเวลาหรอก ข้าจะซ่อมแซมมันเอง…”
เซียวหรงเหยี่ยนหันไปมองไป๋ชิงเหยียน
“เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงข้าอยากหาเวลาวาดภาพให้อาเป่าและลูกๆ ข้าอาเป่าพอจะมีเวลาหรือไม่”
“ย่อมได้อยู่แล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเซียวหรงเหยี่ย นางพอจะเดาออกแล้วว่าผู้ใดเป็นคนวาดภาพภาพนี้ นางขยับเข้าไปใกล้เซียวหรงเหยี่ยนพลางกล่าวเสียงเบา
“ทุกคนล้วนกล่าวว่าฝีมือวาดภาพของข้าไม่เอาไหน อาเหยี่ยนต้องวาดภาพเก่งมากแน่ๆ เมื่อพวกอาอวี๋กลับมาข้าจะส่งอาเหยี่ยนไปแข่งวาดภาพกับพวกนั้น ดูวิว่าผู้ใดจะกล้าล้อเลียนข้าเรื่องวาดภาพอีก!”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มมองใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังกล่าววาจาเจื้อยแจ้วอยู่ด้วยความรัก จากนั้นรับรับ
“สามีภรรยาคือคนๆ เดียวกัน ข้าจะแก้แค้นแทนภรรยาเอง”
“ขอบคุณสามีของข้ามาก”
ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ
ฟ่านอวี้กานถูกเสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนทำร้ายร่างกายเสนาบดีกรมการคลังจึงไม่ได้เดินทางไปร่วมการเจรจาครั้งต่อไปที่หงหลู่ซื่อ
เดิมทีทุกคนคิดว่าครั้งนี้ต้าโจวต้องได้เปรียบต้าเยี่ยนอย่างแน่นอน ทว่า พวกเขาไม่คิดเลยว่าหวังหานปิงหนึ่งในคณะทูตของต้าเยี่ยนที่ไม่ได้มีตำแหน่งใดในราชสำนักทั้งสิ้นกลับรับมือยากยิ่งกว่าเสนาบดีกรมการคลังเสียอีก
ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ต้าโจวก็ยังยืนกรานว่าต้าเยี่ยนต้องส่งตัวองค์ชายสองมู่หรงผิง แม่ทัพเซี่ยสวินและผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนมาอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจว
ทูตของต้าโจวและต้าเยี่ยนเจรจาถกเถียงเรื่องนี้กันที่หงหลู่ซื่อหลายวันโดยไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนสักที
หวังหานปิงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะ เขามองไปทางบรรดาขุนนางต้าโจวพลางกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“ต้าเยี่ยนของพวกเรายินดีมอบเมืองของซีเหลียงทั้งหมดที่พวกเรายึดมาได้ให้แก่ต้าโจว ทว่า พวกเราจะไม่ยอมส่งผู้สำเร็จราชการและแม่ทัพใหญ่ของต้าเยี่ยนมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจวแน่ หากต้าโจวไม่วางใจพวกเรายินดีส่งองค์ชายสองมู่หรงผิงมาอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจว ต้าโจวจะได้เห็นถึงความจริงใจของต้าเยี่ยน…”
“การแสดงความจริงใจที่ดีที่สุดของต้าเยี่ยนคือการส่งผู้สำเร็จราชการมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจวเช่นเดียวกับองค์ชายสอง เช่นนี้ต้าโจวถึงจะเห็นถึงความจริงใจว่าเต้าเยี่ยนต้องการแข่งขันกับพวกเราจริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพหลักของต้าเยี่ยนกลับเมืองหลวงเพื่อย้อนกลับมาโจมตีต้าโจว!”
ขุนนางต้าโจวกล่าว
“ไม่ว่าอย่างไร…”
ร่างผอมเพรียวของหลู่เฟิ่งหลางในชุดขุนนางกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“ยังไม่ต้องกล่าวถึงองค์ชายสองกับแม่ทัพเซี่ยสวิน ผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนนอกจากจะเป็นผู้สำเร็จราชการแล้วเขายังเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจและดุดันที่สุดของต้าเยี่ยนด้วย ต้าโจวของพวกเรารับรู้ได้ดีตั้งแต่ตอนที่ร่วมมือกับต้าเยี่ยนทำสงครามกับซีเหลียง พวกเราเคยถูกต้าเยี่ยนแทงข้างหลังมาแล้วครั้งหนึ่ง หากต้าเยี่ยนต้องการให้พวกเราเลิกหวาดระแวงในตัวพวกเจ้า ทว่า พวกเจ้ากลับไม่ยอมแสดงความจริงใจออกมาให้พวกเราเห็น พวกเจ้าคิดว่าต้าโจวจะปล่อยให้พวกเจ้าได้เปรียบทุกครั้งอย่างนั้นหรือ!”
แววตาของหลู่เฟิ่งหลางซึ่งคล้ายคลึงกับแววตาของหลู่หยวนเผิงเต็มไปด้วยไอสังหาร
“ต้าเยี่ยนอย่าลืมว่านอกจากการเจรจาในเรื่องนี้แล้ว ต้าโจวยังต้องการคำตอบจากต้าเยี่ยนเรื่องที่ต้าเยี่ยนเคยแทงข้างหลังต้าโจวด้วย!”
“ใต้เท้าหลู่กล่าวถูกต้อง!”
หวังหานปิงได้ยินคำกล่าวของหลู่เฟิ่งหลางจึงยิ้มออกมากว้างกว่าเดิม เขาพยักหน้า “พวกเราแบ่งการเจรจาออกเป็นสองเรื่อง ต้าเยี่ยนเคยแทงข้างหลังต้าโจวก่อน พวกเรามาจบเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า”