สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1374 ความสนใจ
ตอนที่ 1374 ความสนใจ
เสิ่นจิ้งจงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนวางผ้าขนหนูร้อนไว้ด้านข้าง แสงไฟส่องกระทบใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนๆ ของไป๋ชิงเหยียนให้เห็นอย่างริบหรี่จนคนมองสัมผัสได้ถึงความเหงาในดวงตาของหญิงสาว นางกล่าวขึ้นเสียงเบา
“ดูเหมือนว่าคุณธรรมและความสามารถของข้ายังไม่มากพอที่จะทำให้เสิ่นซือคงทุ่มเทแรงกายแรงใจสนับสนุนข้า ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเสียใจยิ่งนัก…”
“ฝ่าบาท!”
เสิ่นจิ้งจงคลานเข่าเข้าไปด้านหน้า
“ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…”
ไป๋ชิงเหยียนยกมือห้ามไม่ให้เสิ่นจิ้งจงกล่าวสิ่งใดต่อ นางกล่าวเพียง
“ในเมื่อเสิ่นซือคงอยากลาออกจากตำแหน่งกลับไปอยู่บ้านเกิด นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว นั่งลงทานอาหารต่อเถิด เราอนุญาตแล้ว!”
เสิ่นจิ้งจงเห็นไป๋ชิงเหยียนหยิบช้อนขึ้นทานอาหารต่อ วินาทีนั้นเสิ่นจิ้งจงรู้สึกว่าเขาตัดสินใจผิดพลาดลงไปแล้ว คำกล่าวบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอของเสิ่นจิ้งจง ทว่า เสิ่นจิ้งจงได้แต่กลืนมันลงไปในท้อง
เสิ่นจิ้งจงถูกเว่ยจงประคองกลับไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเองตามเดิม เขาหยิบช้อนขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา เขารู้สึกว่าน้ำแกงหวานที่เข้าไปในปากของเขามีแต่ความขมขื่นเท่านั้น
ความสามารถ คุณธรรมและความใจกว้างของไป๋ชิงเหยียนล้วนทำให้เสิ่นจิ้งจงนับถือหญิงสาวมาก หากนางไม่มีความสามารถ…นางจะผลักดันระบอบการปกครองใหม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน หากไม่มีคุณธรรมนางจะได้รับความรักและการสนับสนุนจากชาวบ้านทุกคนได้อย่างไร ทว่า สิ่งที่ทำให้เสิ่นจิ้งจงนับถือไป๋ชิงเหยียนมากที่สุดคือความใจกว้างของหญิงสาว นางกล้าเอาแคว้นไปเดิมพัน นางทำทุกอย่างเพื่อความสงบสุขของชาวบ้านทุกคน ไม่ใช่เพื่ออำนาจของตระกูลไป๋ เสิ่นจิ้งจงกล้าตอบได้เลยว่าชีวิตนี้เขาคงเจอจักรพรรดินีเช่นไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทว่า ตอนที่เขาเข้ารับราชการในราชสำนักต้าจิ้นเป็นช่วงที่ราชสำนักกำลังสั่นคลอน เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เว่ยถิงสู้รบกับศัตรูอยู่ไกลถึงชายแดน เขามีที่ยืนในราชสำนักเพราะมีส่วนช่วยให้จักรพรรดิต้าจิ้นได้ขึ้นครองบัลลังก์ ไม่ว่าตอนนั้นจักรพรรดิต้าจิ้นจะแสดงละครตบตาเขาหรือมีคุณธรรมจริงๆ เขาก็เชื่อในตัวจักรพรรดิต้าจิ้นไปแล้ว เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอยู่และตายไปพร้อมกับราชสำนักต้าจิ้น สาบานว่าจะเป็นขุนนางของจักรพรรดิต้าจิ้นตลอดไป…
ต่อมาจักรพรรดิต้าจิ้นเปลี่ยนไป คิดแต่จะปรุงยาวิเศษเพื่อให้ตัวเองมีอายุยืนยาว…เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
เขารู้ว่าไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม ทว่า เขาลืมคำสาบานที่เคยให้ไว้กับจักรพรรดิต้าจิ้นไม่ได้ เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบากใจและไม่เคยทุ่มเทให้ต้าโจวอย่างเต็มที่มาก่อน เขาเอาแต่คิดอยากจะลาออกจากตำแหน่ง บางทีในสายตาของผู้อื่นเขาอาจเป็นคนไม่รู้ค่าในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ จงรักภักดีอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทว่า เสิ่นจิ้งจงคิดว่าตัวเองคือคนโง่เขลา
บัดนี้เขาเอ่ยปากออกไปแล้ว ไม่มีทางแก้ไขอีกต่อไป ช่างมันเถิด…
วันที่ยี่สิบแปด เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่สอง ต้าโจวและต้าเยี่ยนเจรจาเรื่องการเดิมพันด้วยแคว้นเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองเลือกแคว้นตัวแทนออกมาให้อีกแคว้นเป็นคนผลักดันระบอบการปกครองโดยกำหนดระยะเวลาสามปี ระบอบการปกครองของแคว้นใดแข็งแกร่งกว่าแคว้นนั้นจะเป็นผู้ชนะในการเดิมพันครั้งนี้
“เช่นนั้น ผู้สำเร็จราชการ…”
หลิ่วหรูซื่อมองดูเซียวหรงเหยี่ยนที่รับหนังสือสัญญาที่ลงนามเรียบร้อยไปจากหวังหานปิงยิ้มๆ จากนั้นกล่าวขึ้น
“เมื่อองค์ชายใหญ่ องค์ชายสองและแม่ทัพเซี่ยสวินเดินทางมาถึงเมืองหลวงต้าโจว ต้าโจวจะถอยทัพออกจากชายแดนต้าเยี่ยนทันที กองทัพหลักของต้าเยี่ยนที่ถูกกองทัพไป๋ควบคุมที่ซีเหลียงอยู่ก็จะได้เดินทางกลับต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน”
สีหน้าของหวังหานปิงไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาไม่คิดมาก่อนว่าการเข้ามาในวังหลวงวันนี้จะต้องลงนามในสัญญาเลย ที่สำคัญต้าเยี่ยนยังหลงกลต้าโจว…ต้าเยี่ยนต้องผลักดันระบอบการปกครองของต้าเยี่ยนในแผ่นดินของต้าโจว ส่วนต้าโจวจะไปผลักดันระบอบการปกครองที่ต้าเยี่ยนแทน
ทว่า หลิ่วหรูซื่อกล่าวถูกต้อง มีเพียงสองแคว้นผลักดันระบอบการปกครองในแคว้นของอีกฝ่ายเท่านั้นจึงจะรู้ได้ว่าระบอบการปกครองของแคว้นใดดีกว่า
มีเพียงการทำเช่นนี้เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งชาวบ้านของต้าโจวและต้าเยี่ยนจะได้ยอมรับเรื่องนี้ได้
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งยิ้มอยู่บนบัลลังก์สูง เขาเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนดี ดังนั้นตอนที่หลิ่วหรูซื่อเสนอเรื่องนี้ออกมาในตอนท้ายเขาจึงรับปากโดยไม่สนว่าขุนนางคนอื่นของต้าเยี่ยนจะโมโหมากเพียงใด
ทว่า ตอนแรกเขายังดีใจอยู่เลยที่ต้าโจวเลือกดินแดนที่ค่อนข้างมั่งคั่งให้ต้าเยี่ยน ส่วนต้าเยี่ยนกลับเลือกเมืองที่ค่อนข้างยากแค้นให้ต้าโจว เช่นนั้นพวกเขาจะได้มีโอกาสชนะมากว่า นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายต้าเยี่ยนจะฝังหลุมกลบตัวเองเช่นนี้
ไม่ว่าอย่างไรไป๋ชิงเหยียนซึ่งเป็นจักรพรรดินีของแคว้นต้าโจวต้องส่งคนที่ไว้ใจได้ที่สุดไปผลักดันระบอบการปกครองที่ต้าเยี่ยนแน่นอน เช่นนั้นเท่ากับว่าต้าเยี่ยนก็จะมีคนของต้าโจวเป็นตัวประกันที่ต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน ราชสำนักต้าเยี่ยนคงคลายกังวลได้บ้าง
เว่ยจงยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสองแคว้นประทับตราในสัญญาเรียบร้อยจึงรับสัญญามาจากหลิ่วหรูซื่อและเดินนำไปวางที่โต๊ะตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าหลังอ่านจบเว่ยจงจึงกล่าวขึ้น
“ฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยงฉลองที่สองแคว้นเจรจากันสำเร็จขึ้นในวังหลวง…”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่นั่งอยู่ด้านล่างยิ้มๆ เซียวหรงเหยี่ยนซ่อนรอยยิ้มไว้ในดวงตาภายใต้หน้ากากเงินเช่นเดียวกัน
การเจรจาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แม้สองคนจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า พวกเขารู้เหมือนเหมือนยกก้อนหินที่หนักอึ้งออกจากใจไปแล้ว สามปีหลังจากนี้ เมื่อเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ภาระบนบ่าของพวกเขาจะหายไป พวกเขาจะพาลูกๆ ไปใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่เมืองไป๋ว่อกับพวกเขา
กลุ่มของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นถูกกักบริเวณอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงของต้าโจว มีแต่คนจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้สนใจเขาอีกเลย
คนของแคว้นเทียนเฟิ่งร้อนใจจนทนไม่ไหวนานแล้ว ทว่า พวกเขาลอบเข้าเมืองหลวงมาอย่างลับๆ ไม่ได้ส่งให้ทูตส่งสาส์นมาก่อน ต่อให้ต้าโจวจะกักบริเวณพวกเขาไว้เช่นนี้พวกเขาก็ไม่สามารถกล่าวหาว่าต้าโจวไร้มารยาทได้
ที่สำคัญคนของต้าโจวเฝ้าโรงเตี๊ยมนี่ไว้อย่างแน่นหนา ทุกที่เต็มไปด้วยองครักษ์และองครักษ์ลับ คนของพวกเขาไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้แม้แต่น้อย
หากกล่าวกันตามตรงต่อให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะสังหารพวกเขาที่นี่ แคว้นเทียนเฟิ่งก็ทำอันใดต้าโจวไม่ได้ ผู้ใดให้พวกเขาลอบเข้ามาในถิ่นของต้าโจวเช่นนี้กัน
วันนี้ต้าโจวจัดงานเลี้ยงฉลองในวังหลังจากเจรจากับต้าเยี่ยนสำเร็จ ในที่สุดจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้นั้นก็นึกถึงพวกเขาขึ้นมาเสียงที นางให้คนมาเชิญจักรพรรดิแคว้นเทียนเฟิ่งไปร่วมงานเลี้ยงในวัง
“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่กลัวเป็นศัตรูกับแคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเราจริงๆ จักรพรรดิเทียนเฟิ่งเสด็จมาขอร้องนางด้วยตัวเอง ทว่า กลับถูกนางกักบริเวณอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน ตอนนี้จึงถึงนึกจักรพรรดิของพวกเราขึ้นมาได้”
บ่าวรับใช้คนสนิทของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นซึ่งอยู่ด้านหลังฉากกั้นมีสีหน้าเรียบเฉย เขากล่าวเพียง
“พวกเรามาโดยไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งยังมาในช่วงที่ต้าโจวและต้าเยี่ยนกำลังเจรจาตกลงเรื่องสำคัญกันอีก ต้าโจวกักบริเวณพวกเราไว้จนกว่าจะเจรจาสำเร็จก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล พวกเจ้าไม่ต้องหงุดหงิดไป”
“บ่าวได้รับความไม่เป็นธรรมมิเป็นอันใด ทว่า พระองค์คือจักรพรรดิของแคว้นเทียนเฟิ่งนะพ่ะย่ะค่ะ ต้าโจวไม่ให้เกียรติพระองค์ถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ”
บ่าวรับใช้ชายของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยังคงไม่พอใจ
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นก้มหน้ามองบ่าวรับใช้ของตัวเองแล้วกล่าวออกมายิ้มๆ
“พอแล้ว ไปกันเถิด…”
เดิมทีซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นคิดว่าเมื่อเขามอบหยกจักจั่นให้ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนคงเรียกพบเขาในอีกไม่นานเพื่อสอบถามเรื่องการย้อนเวลา ทว่า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกกักบริเวณอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมหลายวันเช่นนี้ ไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนลองทดสอบหยกจักจั่นบ้างหรือไม่หรือนางไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ขุนนางต้าเยี่ยนต่างนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองในงานเลี้ยงในวังหลวง
เห็นได้ชัดว่าขุนนางของต้าโจวกำลังมีความสุข ส่วนขุนนางของต้าเยี่ยนไม่ค่อยสบอารมณ์นักแม้จะเจรจากันสำเร็จลุล่วงแล้ว