สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1375 นอบน้อม
ตอนที่ 1375 นอบน้อม
ขณะที่ขุนนางต้าโจวและต้าเยี่ยนกำลังทำสงครามกันด้วยสายตาขันทีเล็กจากด้านนอกรายงานขึ้น “จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งเสด็จมาถึงแล้ว…”
เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งถัดจากไป๋ชิงเหยียนมองไปทางประตูตำหนัก
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นสวมชุดจักรพรรดิของเทียนเฟิ่งพาบรรดาคนของเทียนเฟิ่งเดินเข้ามาในตำหนักซึ่งปูด้วยพรมสีทองอย่างไม่รีบร้อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาเป็นถึงจักรพรรดิของแคว้น ทว่า ไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์กับไป๋ชิงเหยียน กลับถูกเรียกตัวเข้ามาภายหลัง แต่เขาดูไม่ได้สนใจกับการถูกเหยียดหยามเช่นนี้แม้แต่น้อย
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แวบหนึ่ง หญิงสาวเปลี่ยนจากชุดในราชสำนักเป็นชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนสลับเงินเรียบร้อยแล้ว ผมยาวดำขลับมัดรวบสูงและประดับด้วยปิ่นหยกเพียงเล่มเดียวเท่านั้น หญิงสาวสวมต่างหูทรงหยดน้ำไว้ที่ใบหูยิ่งทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามน่ามองยิ่งกว่าเดิม
ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนจะสวมชุดสีอ่อนและเรียบง่ายเช่นนี้ ทว่า ไม่สามารถปกปิดรัศมีความน่าเกรงขามในตัวนางได้อยู่ดี ความแข็งแกร่งและใบหน้าที่ไร้ที่ติของไป๋ชิงเหยียนยิ่งทำให้นางงดงามจนยากจะหาคำใดมาบรรยายได้
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ขุนนางของต้าโจวพากันลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นทำความเคารพนาง ไป๋ชิงเหยียนจึงทำความเคารพกลับ
“ไม่ได้พบกันนาน ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งจะลอบเข้ามาในเมืองหลวงของต้าโจวอย่างลับๆ เช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น “ทว่า ก่อนหน้านี้ต้าโจวกำลังเจรจาเรื่องสำคัญกับต้าเยี่ยนอยู่ อีกทั้งต้องส่งคนไปตรวจสอบฐานะของจักรพรรดิเทียนเฟิ่งอย่างละเอียดก่อนจึงเสียเวลาไปบ้าง หวังว่าจักรพรรดิเทียนเฟิ่งจะไม่ถือสา”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน เขายิ้มให้หญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนพลางกล่าวขึ้น “ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ สร้างปัญหาให้ต้าโจวแล้ว ขอบพระทัยจักรพรรดินีที่ไม่ถือสา”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนจึงก้มศีรษะให้ชายหนุ่มเล็กน้อย “ผู้สำเร็จราชการ ไม่ได้เจอกันนาน…”
เซียวหรงเหยี่ยนยังคงเอนกายพิงที่พำนักของตัวเองเช่นเดิม เขาก้มศีรษะให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเล็กน้อยราวกับไม่ได้เห็นซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอยู่ในสายตา ขุนนางของเทียนเฟิ่งที่ยืนอยู่ด้านล่างรู้สึกไม่พอใจมาก
เมื่อนั่งลงเสร็จซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “ได้ยินว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง…ไม่ใช่สิ องค์หญิงอวิ๋นจิงอยู่ที่เมืองหลวงของต้าโจวเช่นเดียวกัน เหตุใดจึงไม่เห็นนางในงานเลี้ยงวันนี้กัน”
“เหตุใดเมื่อจักรพรรดิเทียนเฟิ่งมาถึงจึงถามหาองค์หญิงอวิ๋นจิงเช่นนี้กัน” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาขรึมลงเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “วันนี้ข้าพบจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนในงานเลี้ยงจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนเจรจาระหว่างสี่แคว้นองค์หญิงอวิ๋นจิงก็อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน ข้าจึงเอ่ยถามออกมาเท่านั้น ผู้สำเร็จราชการไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนี้!”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวจบจึงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางเอ่ยถาม “ได้ยินว่าฝ่าบาททรงประสูติโอรสและธิดาฝาแฝดออกมา แคว้นเทียนเฟิ่งนำของขวัญมามอบให้องค์ชายและองค์หญิงน้อยด้วย ไม่ทราบว่าวันนี้ข้าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าองค์ชายและองค์หญิงน้อยบ้างหรือไม่”
“เราคิดว่าจักรพรรดิเทียนเฟิ่งจะถามถึงศิษย์ของท่านจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งที่ถูกต้าโจวจับได้ที่ภูเขาหานเหวินเสียอีก” ไป๋ชิงเหยียนมองซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยิ้มๆ พลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ดูเหมือนว่าจักรพรรดิเทียนเฟิ่งจะไม่ได้สนใจเขาถึงเพียงนั้น”
จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งที่นั่งลงบนที่นั่งของตัวเองพร้อมกับขุนนางเทียนเฟิ่งคนอื่นๆ เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน เขาสบกับดวงตาดำขลับของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังมองมาทางเขาพอดี จอมเวทย์รู้สึกประหม่าขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขารีบแสดงท่าทีนอบน้อมออกมาให้ไป๋ชิงเหยียนเห็นทันที
“ในเมื่อศิษย์ของท่านจอมเวทย์ยอมจำนนต่อต้าโจวแล้ว แคว้นเทียนเฟิ่งถูกขับไล่ออกจากซีเหลียงแล้ว ด้วยคุณธรรมของฝ่าบาทคงไม่สร้างความลำบากใจให้เด็กเพียงคนเดียวแน่นอน…” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยกจอกเหล้าตรงหน้าขึ้นยิ้มๆ “ข้าเชื่อใจฝ่าบาทในเรื่องนี้มาก”
“เช่นนั้นเราคงไม่กล้าดื่มเหล้าจอกนี้กับจักรพรรดิเทียนเฟิ่ง เราคงทำให้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งผิดหวังแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงลายมังกรสีแดงเพลิงทางด้านหลังเล็กน้อย ร่างในชุดสีเรียบของไป๋ชิงเหยียนสะดุดตาขึ้นท่ามกลางหมอนสีแดงเพลิงจนผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากนางได้ ไป๋ชิงเหยียนยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยมาดของจักรพรรดินีผู้สูงส่ง “เราสอบสวนเขาด้วยวิธีรุนแรงไปบ้างเพราะต้องการความจริงบางอย่างจากปากเขา เกรงว่าลูกศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำจอกเหล้าในมือแน่น ทว่า สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวยิ้มๆ “ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ก็พอ ทหารหลายคนของข้าล้วนเสียชีวิตในสนามรบหมดแล้ว การที่ลูกศิษย์ของท่านจอมเวทย์ยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นเมตตาจากสวรรค์มากแล้ว”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวพลางแสดงท่าทีเคารพนอบน้อมต่อเทพเจ้าพร้อมกับขุนนางเทียนเฟิ่งคนอื่นๆ
หลิ่วหรูซื่อมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นซึ่งนั่งอยู่ถัดจากไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “ได้ยินว่าครั้งนี้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งเสด็จมาเจรจาสงบศึกกับต้าโจวด้วยพระองค์เอง กระหม่อมมีบางสิ่งไม่เข้าใจ ตั้งแต่ที่เทียนเฟิ่งถูกขับไล่ออกจากดินแดนของซีเหลียง ต้าโจวไม่มีท่าทีจะยกทัพไปโจมตีเทียนเฟิ่งแม้แต่น้อย เหตุใดแคว้นเทียนเฟิ่งต้องมาเจรจาสงบศึกกับต้าโจวด้วย”
หลิ่วหรูซื่อเพิ่งเจรจากับต้าเยี่ยนเสร็จ เขาเพิ่งทำให้ต้าเยี่ยนเสียเปรียบต้าโจวได้จึงกำลังอารมณ์ดี ตอนนี้เขาอยากรู้เป็นที่สุดว่าเหตุใดเทียนเฟิ่งจึงเดินทางเข้ามาในต้าโจวเช่นนี้
“พวกเราเดินทางมายังต้าโจวในครั้งนี้เพราะต้องการแต่งงานเชื่อมไมตรีให้สองแคว้นผูกพันแน่นแฟ้นกว่าเดิม…” จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ไม่ทราบว่าแคว้นเทียนเฟิ่งรู้หรือไม่ว่า…” หลิ่วหรูซื่อยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาทของพวกเราเคยตรัสไว้ว่าจะไม่ส่งพระขนิษฐาของฝ่าบาทไปแต่งงานที่แดนไกลแน่นอน ตอนนั้นจักรพรรดิต้าเยี่ยนต้องการสู่ขอพระขนิษฐาของฝ่าบาทไปเป็นฮองเฮาฝ่าบาทยังไม่ตกลง ผู้สำเร็จราชการและขุนนางของต้าเยี่ยนล้วนอยู่ที่นี่ หากเทียนเฟิ่งไม่เชื่อสามารถสอบถามพวกเขาดูได้”
“แน่นอนว่าพระอนุชาของฝ่าบาทจะแต่งงานกับสตรีที่พวกเขาหมายปองเช่นเดียวกัน ฝ่าบาทเคยตรัสไว้ว่าจะไม่ใช้การแต่งงานของพระอนุชาและพระขนิษฐาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเด็ดขาด” หลิ่วหรูซื่อกล่าวจบจึงหันไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“ใต้เท้าหลิ่วกล่าวถูกแล้ว หากจักรพรรดิเทียนเฟิ่งต้องการเดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีกับต้าโจว เกรงว่าคงทำให้ท่านผิดหวังแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นวางจอกเหล้าลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ ทว่า ไม่ได้ปล่อยมือจากจอกเหล้าแต่อย่างใด เขาเงยหน้าสบตาไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ข้าค่อยเจรจาเรื่องนี้กับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวภายหลัง วันนี้คืองานฉลองที่ต้าโจวและต้าเยี่ยนเจรจาตกลงกันสำเร็จ ข้าขอแสดงความยินดีกับต้าโจวและต้าเยี่ยนด้วย!”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นชูจอกเหล้าไปทางไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นยกจอกเหล้าขึ้นดื่มหมดจอกโดยไม่สนว่าอีกสองคนจะยินดีดื่มเหล้ากับตนหรือไม่
ยิ่งซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นทำตัวนอบน้อมมากเท่าใดไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งไม่ไว้ใจในตัวเขามากเท่านั้น หญิงสาวเหลือบมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง สองสายตาประสานกัน ต่างรับรู้ความในใจของกันและกัน เมื่อเสียงบรรเลงดนตรีเริ่มขึ้น ไป๋ชิงเหยียนชูเหล้าไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นหันไปกล่าวกับเว่ยจง “นำหยกจักจั่นไปคืนจักรพรรดิเทียนเฟิ่ง…”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงหันไปรับถาดสี่เหลี่ยมมาจากขันทีเล็กทางด้านหลัง จากนั้นเดินไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยิ้มๆ “จักรพรรดิเทียนเฟิ่ง นี่คือหยกจักจั่นของพระองค์ ทรงเก็บไว้ให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกวาดสายตามองหยกจักจั่น ตอนแรกเขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนอาจคืนหยกจักจั่นปลอมให้เขา ทว่า เขาพกหยกจักจั่นติดตัวทุกวัน เขาย่อมจำได้ว่านี่คือหยกจักจั่นของเขาจริงๆ