สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1381 เหิมเกริม
ตอนที่ 1381 เหิมเกริม
ใบหน้าของไป๋จิ่นถงเยือกเย็นไร้ความรู้สึก มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังถือพัดไว้หลวมๆ นางเคาะพัดลงบนหลังของตัวเองเป็นจังหวะเบาๆ เห็นได้ชัดว่านางกำลังอารมณ์ดีมาก
อาจเป็นเพราะมู่หรงผิงมองเห็นเงาบนหอสุราเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชั้นสอง จากนั้นจึงเห็นชุยเฟิ่งเหนียนยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง
สองสายตาประสานกัน ไป๋จิ่นถงยกมือคารวะมู่หรงผิงยิ้มๆ
มู่หรงผิงยังเป็นห่วงเรื่องการผลิตกระดาษอยู่ แม้มู่หรงลี่บอกว่าจะให้หวังจิ่วโจวรับหน้าที่นี้ต่อจากเขา ทว่า เขาก็ยังไม่ค่อยวางใจอยู่ดี จู่ๆ ต้าโจวก็เสนอขึ้นมาว่าจะเปลี่ยนกันผลักดันระบอบการปกครองของตัวเองในแคว้นของอีกฝ่าย ตอนนั้นเขาตกลงกับชุยเฟิ่งเหนียนไว้ว่าให้ส่งกระดาษที่ผลิตได้ทั้งหมดในต้าโจวมายังต้าเยี่ยนทั้งหมด
มู่หรงผิงอยากขี่ม้าย้อนกลับไปคุยกับไป๋จิ่นถงให้ชัดเจน ทว่า เขาไม่สามารถทำอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ได้ เมื่อคิดดูแล้วจึงตัดสินใจว่าค่อยเขียนจดหมายกลับมายังต้าเยี่ยนภายหลัง
มู่หรงผิงก้มศีรษะให้ชุยเฟิ่งเหนียนเล็กน้อย จากนั้นควบม้ามุ่งหน้าไปยังนอกเมืองทันที
เมื่อเห็นมู่หรงผิงจากไปไกลไป๋จิ่นถงจึงวางพัดของตัวเองลงบนโต๊ะ จากนั้นนั่งลงจิบน้ำชาอย่างใช้ความคิด
ตอนนี้องค์ชายสองมู่หรงผิงจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ใดจะรับหน้าที่เจรจากับนางต่อ
หากคนผู้นั้นคือผู้สำเร็จราชการที่กำลังจะเดินทางกลับมาจากต้าโจวนางคงต้องตั้งสติรับมืออย่างเต็มที่
“อาวุธใหม่ที่เพิ่งหลอมขึ้นมาเหมือนกับอาวุธที่ทหารต้าโจวยึดได้จากทหารเทียนเฟิ่งก่อนหน้านี้ ทว่า ยังสู้อาวุธที่พวกเราหลอมขึ้นจากเสื้อเกราะของช้างศึกไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงผิงรายงานผลสรุปที่เขาวิเคราะห์ได้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังต่อหน้าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น
วันนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมาขอเข้าเฝ้านาง ไป๋ชิงเหยียนจึงตามพวกของหลิ่วหรูซื่อและไป๋ชิงผิงมาด้วย
ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงกลมสีเหลืองขมิ้นเล็กน้อย นางมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น จากนั้นแสร้งกล่าวขึ้นทีเล่นทีจริง “การเปิดตลาดเสรีเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสองแคว้น ต่อให้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งไม่มอบผงหมึกดำให้ต้าโจว ต้าโจวก็ยินดีเปิดตลาดกับเทียนเฟิ่งอยู่แล้ว ทว่า ในเมื่อจักรพรรดิเทียนเฟิ่งอยากมอบของขวัญให้ต้าโจวก็ควรมอบของที่ดีที่สุดให้พวกเราสิ ท่านคิดว่าต้าโจวไม่รู้จักของดีเหล่านี้อย่างนั้นหรือ”
ใบหน้าของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมีรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว “จักรพรรดินีต้าโจวได้โปรดอย่าถือสา ก่อนหน้านี้เทียนเฟิ่งไม่รู้ว่าต้าโจวจะยอมรับข้อเสนอเปิดตลาดการค้ากับเทียนเฟิ่งหรือไม่ดังนั้นจึงมอบสูตรการผลิตที่ไม่ใช่สูตรล้ำค่าที่สุดให้ต้าโจว หากตกลงกันไม่ได้เทียนเฟิ่งจะได้ไม่เสียเปรียบ”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่ได้รู้สึกละอายใจแม้แต่น้อย เขาเปิดเผยจนขุนนางของต้าโจวต่างคิดว่าจักรพรรดิของเทียนเฟิ่งเป็นคนตรงไปตรงมามาก
“ที่สำคัญผงหมึกดำที่ใช้ทำเสื้อเกราะของช้างศึกเหล่านั้นค่อนข้างหายาก การผลิตเสียเวลาและทรัพยากร ทว่า เทียนเฟิ่งยอมลงทุนเพราะเสื้อเกราะเหล่านั้นถูกนำไปให้ช้างศึกที่มีค่าของเทียนเฟิ่งใส่” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “หากจักรพรรดินีต้าโจวอยากได้ เมื่อตกลงเรื่องตลาดการค้าสำเร็จ เทียนเฟิ่งจะมอบให้ฝ่าบาทแน่นอน”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นน้อยๆ “ตกลง เราจะรอผงหมึกดำจากจักรพรรดิเทียนเฟิ่ง”
“เทียนเฟิ่งมอบผงหมึกดำเป็นของขวัญให้ต้าโจว เทียนเฟิ่งก็อยากได้ของสิ่งหนึ่งจากต้าโจวเช่นเดียวกัน หวังว่าจักรพรรดินีต้าโจวจะยินดีมอบให้เทียนเฟิ่ง” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจ้องไปที่ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่ง
“จักพรรดิเทียนเฟิ่งไม่ต้องเป็นห่วง เรากำลังให้คนพาตัวลูกศิษย์ของจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งมายังเมืองหลวงของต้าโจวแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหมายถึงหยกจักจั่น ทว่า นางแสร้งทำเป็นไม่รับรู้
“ฝ่าบาทเข้าใจผิดแล้ว ทว่า ในเมื่อสองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้ว ลูกศิษย์ของจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งก็ควรกลับคืนสู่เทียนเฟิ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือจอมเวทย์คนถัดไปของเทียนเฟิ่ง” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจ้องไปที่ถุงเงินซึ่งอยู่ที่เอวของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “เทียนเฟิ่งต้องการหยกจักจั่นที่เคยเป็นของสามีของจักรพรรดินีมาก่อน หยกจักจั่นชิ้นนั้นหายสาบสูญไปจากเทียนเฟิ่งเป็นเวลานาน เทียนเฟิ่งอยากนำกลับไปบูชาที่แคว้นเทียนเฟิ่งเพื่อระงับโทสะของเทพเจ้า ขอให้เทพเจ้าหยุดยั้งทะเลทรายที่กำลังกลืนกินดินแดนของเทียนเฟิ่งอยู่ในตอนนี้”
เมื่อซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเอ่ยถึงเทพเจ้า เหล่าขุนนางเทียนเฟิ่งรีบแสดงความเคารพออกมาทันที
ไป๋ชิงเหยียนเห็นซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจ้องมาที่ถุงเงินของนางไม่วางตาจึงเอ่ยถามขึ้นยิ้มๆ “ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นสนใจถุงเงินของเราอย่างนั้นหรือ”
“ตอนพบกันครั้งแรกที่งานเจรจาระหว่างสี่แคว้นข้าเห็นจักรพรรดินีพกถุงเงินนี้ติดตัวไม่ห่าง แสดงว่าถุงเงินคือของแทนใจของสามีของจักรพรรดินีใช่หรือไม่” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
“ใช่แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนตอบอย่างเปิดเผย
“ในเมื่อจักรพรรดินีมีถุงเงินเป็นของแทนใจแล้ว ได้โปรดคืนหยกจักจั่นให้เทียนเฟิ่งได้หรือไม่ พวกเราจะได้ตกลงทำสัญญาเปิดตลาดการค้ากันเสียที” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวราวกับตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ได้
“หากฝ่าบาทยอมมอบหยกจักจั่นคืนให้เทียนเฟิ่ง เทียนเฟิ่งจะยอมลดภาษีทางการค้าให้”
หลิ่วหรูซื่อได้ยินเช่นนี้จึงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทันที ตอนนี้พวกเขายังเหลือเรื่องภาษีที่ยังตกลงกันไม่ได้เสียที
“น่าเสียดายที่ยังตามหาหยกจักจั่นชิ้นนั้นไม่พบ เราส่งคนออกไปตามหาแล้ว ทว่า ยังหาไม่พบเสียที” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น “เราจำได้ว่าเราเคยบอกซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไปแล้ว ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นต้องการทำให้เราลำบากใจหรือ”
“หามิได้…” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหันไปทางจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งพลางกล่าวต่อ “จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งคือตัวแทนของเทพเจ้า เขาตามข้ามาที่ต้าโจวในครั้งนี้เพราะต้องการช่วยข้าตามหาหยกจักจั่นให้พบ เขาทำนายได้ว่าหยกจักจั่นอยู่ในวังหลวงของต้าโจวดังนั้นข้าจึงบากหน้ามาขอร้องฝ่าบาทเช่นนี้”
“ช่างน่าขันเสียจริง…” หลิ่วหรูซื่อได้ยินเช่นนี้ก็โมโหขึ้นทันที
ไป๋ชิงเหยียนโบกมือให้หลิ่วหรูซื่ออย่าเพิ่งร้อนใจ นางมองไปทางจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งที่กำลังยืนขึ้นทำความเคารพนาง “คำทำนายของเจ้าแม่นยำหรือไม่”
“ทูลฝ่าบาท หากสวรรค์เปิดทาง…ย่อมแม่นยำพ่ะย่ะค่ะ” จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
ไป๋ชิงเหยียนเท้าแขนข้างหนึ่งลงบนหมอนอิง จากนั้นกล่าวต่อ “เช่นนั้นเจ้าลองทำนายให้เราทีว่าท่านลุงและน้องชายของเรายังมีชีวิตรอดอยู่ในใต้หล้าแห่งนี้อีกกี่คน หากทำนายถูกเราจะเปิดวังหลวงให้เจ้าค้นหา หากไม่ถูก…เราขอเพียงศีรษะของเจ้าเท่านั้น!”
ทั้งๆ ที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวประโยคนี้ด้วยรอยยิ้ม ทว่า คนฟังกลับรู้สึกขนลุกชันไปทั้งร่าง
ดวงตาของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหรี่แคบลง เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะ…เหิมเกริมถึงเพียงนี้!
จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งจะทำนายได้อย่างไรกัน หากทำนายว่ายังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด ทว่า หากพวกเขาไม่กลับมามันจะต่างอันใดกับคนที่เสียชีวิตไปแล้วกัน!
หากทำนายว่าเสียชีวิตไปหมดแล้ว หากไป๋ชิงเหยียนบอกว่าจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งทำนายผิด เขาจะไปร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ใดได้
สรุปก็คือไป๋ชิงเหยียนจะไม่ยอมคืนหยกจักจั่นให้เทียนเฟิ่ง
จอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งยืนก้มหน้านิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้เงยหน้ามองซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น ไม่ได้ตอบคำถามของไป๋ชิงเหยียน เขาได้แต่ยืนคิดวิธีรับมืออยู่ในใจด้วยร่างที่แข็งทื่อ
หลิ่วหรูซื่อเหลือบมองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เขารู้สึกว่าคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนเหมือนจักรพรรดิอารมรณ์ร้ายที่เอาแต่ใจของตัวเอง