สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1392 ซาบซึ้ง
ตอนที่ 1392 ซาบซึ้ง
ทว่า ไป๋ชิงอวี๋ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเดิม
“ข้าคิดเหมือนพี่หญิง…”
ไป๋จิ่นเจาแสร้งกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“ในเมื่อพวกท่านล้วนไม่เข้าข้างข้า อีกเดี๋ยวข้าจะให้สี่เล่อกับคังเล่อแก้แค้นให้ข้า!”
“หลานชายกับหลานสาวยังเป็นเพียงเด็กทารก เสี่ยวอู่ของพวกเราช่างหาพวกได้ดีจริงๆ…”
ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวออกมายิ้มๆ
ฉินหมัวมัวเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน จากนั้นทำความเคารพทุกคน
“ฮูหยินทุกท่าน คุณชาย คุณหนู อาหารกลางวันพร้อมแล้วเจ้าค่ะ เชิญทุกคนไปรับประทานอาหารได้เจ้าค่ะ”
“เหมือนอาเป่ากับอาอวี๋จะส่งคนไปจับตาดูฉินหมัวมัวไว้เลย พวกนางมาทันเวลาอาหารกลางวันพอดี”
หลี่ซื่อใช้ผ้าปิดปากพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
วันนี้ทายาทตระกูลไป๋กลับมาพร้อมชัยชนะในสงครามฮูหยินทุกคนจึงมีความสุขมาก ฮูหยินสองหลิวซื่อมีความสุขเช่นเดียวกัน ทว่า ในใจของนางแฝงไปด้วยความผิดหวังและเสียใจอยู่ลึกๆ
“ท่านแม่…”
ไป๋จิ่นซิ่วเดินไปหยุดอยู่ข้างหลิวซื่อ นับประคองหลิวซื่อให้ลุกขึ้นพลางกุมมือมารดาไว้แน่น
“ไปกันเถิดเจ้าค่ะ!”
“ท่านป้าสะใภ้สองระวังขอรับ!”
ไป๋ชิงฉียืนรอหลิวซื่ออยู่ที่หน้าบันได
น้ำตาของหลิวซื่อไหลพรากออกมาทันที นางรับคำทั้งน้ำตา
“ได้…”
ทุกคนในตระกูลไป๋นั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะกลมเหมือนครอบครัวธรรมดาทั่วไป พวกเขาสนทนาพลางรับประทานอาหารอย่างไม่เคร่งครัดเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารแม้แต่น้อย
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จฉินหมัวมัวจึงสั่งให้คนยกน้ำบ๊วยมาให้ทุกคนดื่ม ทุกคนยังไม่ทันดื่มเสร็จ เสี่ยวปา วั่งเกอ สี่เล่อและคังเล่อก็มาถึงจวนไป๋เสียก่อน บรรยากาศในจวนไป๋ครึกครื้นยิ่งกว่าเดิมทันที
เมื่อสี่เล่อและคังเล่อมาถึงบรรดาน้าชายและน้าสาวต่างเข้าไปแย่งกันอุ้มเด็กน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดูและรักใคร่
โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสองไม่กลัวคนแปลกหน้า พวกเขาเบิกตากลมโตราวกับลูกองุ่นจ้องมองน้าชายและน้าสาวแต่ละคนด้วยความสนใจ
ไป๋ชิงอวี๋อยากอุ้มหลานชายและหลานสาวของตัวเอง ทว่า เขากลัวว่าบาดแผลบนใบหน้าของเขาจะทำให้หลานๆ หวาดกลัวจึงได้แต่ยืนเอามือไขว้หลังมองเด็กทั้งสองยิ้มๆ โดยไม่ได้เข้าไปอุ้มพวกเขา
ทุกครั้งที่เปลี่ยนคนอุ้มไป๋ชิงอวี๋จะถอยหลังไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หลานๆ เห็นหน้าตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อน้าๆ ทุกคนอุ้มเด็กทั้งสองจนครบและมอบของขวัญพบหน้าให้เด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้วไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวกับถงหมัวมัว
“หมัวมัว ให้อาอวี๋อุ้มเด็กๆ ที”
ไป๋ชิงอวี๋ตะลึงและรีบกล่าวปฏิเสธทันที
“ไม่ดีกว่าขอรับ เดี๋ยวพวกแกจะร้องไห้ได้ขอรับ”
เสี่ยวปาและวั่งเกอโตแล้ว ก่อนมาที่นี่หมัวมัวกำชับพวกนางแล้วว่าเมื่อพบหน้าพี่ชายห้าและน้าชายห้าของตัวเองห้ามตกใจเด็ดขาด นั่นคือบาดแผลที่ไป๋ชิงอวี๋ได้มาจากการปกป้องชาวบ้านแถบชายแดน ดังนั้นเด็กทั้งสองจึงไม่หวาดกลัวไป๋ชิงอวี๋ กลับรู้สึกนับถือชายหนุ่มมากกว่า
ทว่า สี่เล่อกับคังเล่อยังเล็กเกินไป…
แม้ไป๋ชิงอวี๋จะเพิ่งเคยพบหน้าเด็กน้อยทั้งสองเป็นครั้งแรก ทว่า เขารู้สึกรักและเอ็นดูหลานๆ ทั้งสองมากจนไม่กล้าอุ้มพวกเขาเพราะไม่อยากทำให้พวกเขาร้องไห้
วันนี้คือวันมงคล ไม่ควรมีผู้ใดเสียน้ำตาอีก
ทว่า ถงหมัวมัวกลับส่งองค์หญิงน้อยให้ไป๋ชิงอวี๋อุ้มโดยไม่สนคำคัดค้านแต่อย่างใด ไป๋ชิงอวี๋รีบถอยหลังหนีอย่างตั้งตัวไม่ทัน
“เหตุใดจึงมาช้าเช่นนี้…”
ไป๋ชิงเหยียนไม่มองไป๋ชิงอวี๋ นางหันไปถามถงหมัวมัว
“เดิมทีควรมาถึงเร็วกว่านี้เจ้าค่ะ ทว่า พวกเราพบท่านหมอหงระหว่างทาง ชุนจือเอ่ยทักท่านหมอหง เมื่อท่านหมอหงรู้ว่าในรถม้าคือคุณหนูแปด คุณชายน้อย องค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยจึงรีบขึ้นไปตรวจชีพจรให้คุณหนูทุกคนเจ้าค่ะ”
ถงหมัวมัวส่งตัวองค์หญิงน้อยให้ไป๋ชิงอวี๋ จากนั้นยิ้มออกมาอย่างคุมไม่อยู่
“เมื่อท่านหมอหงตรวจชีพจรให้คุณหนูๆ เสร็จเขาจึงคลายกังวลลง จากนั้นจึงเดินทางไปยังจวนหวงกับหลูผิงต่อเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงอวี๋มองเด็กสาวตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยความประหม่า เขาเห็นคังเล่อจ้องเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย ไม่มีวี่แววว่าจะร้องไห้ออกมา หลานสาวตัวน้อยขยับปากเล็กน้อย จางนั้นจ้องเขาต่อนิ่ง ไม่ได้ร้องไห้ออกมาแม้แต่น้อย…
“ท่านหมอหงเพิ่งกลับมา ท่านหมอหลวงหวงทำสิ่งใดผิดต่อท่านหมอหงกันเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นเจาไม่เข้าใจ
“ได้ยินว่ายาบำรุงที่ท่านหมอหลวงหวงจัดให้อาเป่าไม่ค่อยถูกต้อง”
หลี่ซื่อปิดปากยิ้มออกมา
ไป๋ชิงเหยียนเหลือบเห็นไป๋ชิงอวี๋อุ้มคังเล่อด้วยท่าทีแข็งทื่อจึงได้แต่ก้มหน้าจิบชายิ้มๆ
ทุกคนสนทนากันอย่างครื้นเครงเกือบครึ่งวัน เสี่ยวปา สี่เล่อและคังเล่อต่างผล็อยหลับเพราะความอ่อนล้าไปแล้ว มีเพียงเสี่ยววั่งเกอเท่านั้นที่ยังนั่งอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของไป๋จิ่นซิ่วราวกับยังแสดงความรักกับมารดาของตัวเองไม่เพียงพอ เด็กน้อยเอาแต่เล่าเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นในวังหลวงให้มารดาของตัวเองฟังไม่รู้จบ
ไป๋ชิงเหยียนนั่งจิบชาพลางมองชมบรรยากาศด้านนอกหน้าต่างอยู่ริมหน้าต่างที่แกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้สวยงามอย่างมีความสุข นางหันกลับไปมองครอบครัวของตัวเองที่กำลังสนทนากันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขยิ้มๆ ชีวิตนี้นางไม่ขอสิ่งใดอีกแล้ว
“ระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวงพวกเราพากองทัพไป๋ไปเคารพป้ายวิญญาณของกองทัพไป๋ที่พี่หญิงใหญ่สร้างขึ้นที่ริมแม่น้ำจิงแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงฉีซึ่งนั่งอยู่ข้างไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“กองทัพไป๋ที่รอดตายมาจากสงครามที่หนานเจียงและยังมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ยังรู้สึกซาบซึ้งในการเสียสละของทหารที่จากไปแล้วขอรับ มีทหารกองทัพไป๋บางส่วนขอย้ายไปปกป้องเมืองซีเหลียงที่พวกเราพึ่งยึดมาได้ พวกเขาอยากไปปกป้องชายแดนที่หนานเจียงที่สหยายกองทัพไป๋เคยสละชีวิตปกป้องไว้ขอรับ!”
ได้ยินเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก นางเอ่ยถาม
“ดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บดีหรือไม่”
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยกลับมากับพวกเราด้วย ส่วนทหารที่ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่รักษาตัวที่อวิ๋นจิง เมื่อหายดีแล้วพวกเขาจะกลับมาขอรับ”
ไป๋ชิงฉีกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
“พี่อยากไปที่ค่ายทหาร”
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบ แม้ครั้งนี้นางจะไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามทำลายล้างซีเหลียง ทว่า นางยังเป็นห่วงชีวิตของทหารเหล่านั้นอยู่
ตอนนี้กองทัพต้าโจวและกองทัพไป๋เดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้ว แม้ท่านลุงต่งชิงผิงจะเดินทางไปมอบบำเหน็จให้พวกเขาที่ค่ายทหารแทนนางแล้ว ทว่า นางยังอยากไปพบหน้าพวกเขาอยู่ดี โดยเฉพาะทหารกองทัพไป๋ที่เหลือยู่เพียงไม่มากหลังผ่านสงครามที่หนานเจียงมา
ที่สำคัญเมื่อครู่ไป๋ชิงอวี๋บอกกับนางว่าทหารในค่ายทหารไม่ค่อยพอใจที่นางนำแคว้นไปเดิมพันกับต้าเยี่ยนและให้อำนาจทางทหารกับหานเฉิงอ๋อง นางต้องเดินไปทางคุยกับพวกเขาด้วยตัวเอง แม่ทัพเฉิงคงกำลังกลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก
วันนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นหน้าพวกเฉิงหย่วนจื้อที่หน้าประตูเมือง แม่ทัพเว่ยคงห้ามไม่ให้เขามา มิเช่นนั้นคนใจร้อนอย่างเฉิงหย่วนจื้อคงเอ่ยถามนางเรื่องการเดิมพันกับแคว้นต้าเยี่ยนและเรื่องที่นางให้อำนาจทางทหารกับหานเฉิงอ๋องตั้งแต่พบหน้านางที่หน้าประตูเมืองแน่นอน
“ข้าไปเป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วยังอุ้มวั่งเกอที่กำลังทานขนมอยู่ในอ้อมกอด เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้นางจึงหันไปกล่าวกับพี่หญิงใหญ่
“เจ้าเพิ่งกลับมา อยู่เป็นเพื่อนวั่งเกอไปเถิด วั่งเกอของพวกเราคิดถึงท่านแม่มากใช่หรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนมองวั่งเกอยิ้มๆ
วั่งเกอและเสี่ยวปาอยู่ในวังหลวงกับไป๋ชิงเหยียนทุกวัน เขาจึงไม่ได้หวาดกลัวป้าของเขาซึ่งเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้นี้ แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“วั่งเกอคิดถึงท่านแม่ทุกวันขอรับ”
“ให้อาฉี อาอวี๋และเสี่ยวซื่อไปกับพี่ก็พอ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงเจวี๋ยและไป๋ชิงอวิ๋นที่เท้าศอกลงบนโต๊ะใช้แขนยันศีรษะผล็อยหลับไปด้วยรอยยิ้มที่มุมปากยิ้มๆ