สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1404 ศัตรู
ตอนที่ 1404 ศัตรู
“หากองค์หญิงถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวน ชาตินี้องค์หญิงคงไม่มีทางสืบทอดสายเลือดให้ราชวงศ์ซีเหลียงคงอยู่สืบไปได้เพราะจักรพรรดิแห่งต้าโจวไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เหมือนกับที่หานเฉิงอ๋องไม่มีทายาทสืบทอดจนถึงทุกวันนี้!”
กวนจางหนิงมองไปทางหลี่เทียนฟู่ทีแสดงออกว่าพร้อมตายทุกเมื่อด้วยแววตาจริงจัง
“มีเพียงองค์หญิงหนีไปจากจวนองค์หญิง หนีไปจากเมืองหลวงของต้าโจวเท่านั้นความปรารถนาของฝ่าบาทจึงจะเป็นจริง องค์หญิงยอมหนีไปกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเห็นหลี่เทียนฟู่เริ่มหวั่นไหวกวนจางหนิงจึงรีบกล่าวต่อ
“ส่วนเรื่องแก้แค้น หากกระหม่อมแก้แค้นแทนองค์หญิงไม่สำเร็จ เมื่อองค์หญิงคลอดสายเลือดของราชวงศ์ซีเหลียงออกมาค่อยกลับมาแก้แค้นก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ ถึงเวลานั้นองค์หญิงไม่เพียงทำความปรารถนาของฝ่าบาทให้เป็นจริงในฐานะองค์หญิงของแคว้นซีเหลียง องค์หญิงยังสามารถแก้แค้นให้ลู่เทียนจัวได้อีกด้วย ทุกคนจะสมปรารถนาพ่ะย่ะค่ะ”
“คลอดลูกออกมาแล้วค่อยกลับมาแก้แค้นให้ลู่เทียนจัวอย่างนั้นหรือ”
หลี่เทียนฟู่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
“บางทีเวลานั้นกระหม่อมอาจแก้แค้นให้องค์หญิงสำเร็จแล้ว องค์หญิงสามารถลืมฐานะองค์หญิงแห่งซีเหลียงของตัวเองและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีและลูกขององค์หญิงได้อย่างมีความสุขพ่ะย่ะค่ะ”
กวนจางหนิงกล่าวอย่างจริงจังจบ เขาไม่กล้าเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อจึงได้แต่กล่าวขึ้น
“องค์หญิง หากองค์หญิงยอมจากไปกับกระหม่อม กระหม่อมจะกลับไปวางแผนเรื่องทุกอย่างและจะกลับมารับองค์หญิงออกไปจากกรงแห่งนี้ในอีกห้าวันพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนฟู่กำขอบโต๊ะกลมแน่นราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“องค์หญิง พวกเราเหลือคนไม่มากแล้ว พวกเรามีกำลังคนไม่มากพอให้องค์หญิงก่อความวุ่นวายต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กวนจางหนิงทั้งเดือดดาลทั้งร้อนใจ ทว่า น้ำเสียงกลับเยือกเย็นราวกับใจตายด้านไปแล้ว
“หากองค์หญิงไม่ยอมหนีไปกับพวกเราโดยดี กระหม่อมคงทำได้เพียงชิงตัวองค์หญิงออกไปจากจวนแห่งนี้ด้วยชีวิตของกระหม่อมเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเป็นครั้งสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ!”
“ตกลง…ข้าจะไปกับพวกเจ้า”
กวนจางหนิงพยักหน้า
“อีกห้าวันกระหม่อมจะมารับองค์หญิงด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ!”
กล่าวจบกวนจางหนิงจึงปีนออกไปทางหน้าต่างทันที
หลี่เทียนฟู่นั่งจ้องขี้เถ้าของจดหมายที่ถูกเผาทิ้งไปแล้วอยู่หน้าโต๊ะท่ามกลางแสงไฟในตะเกียง นางจดจำลายมือของพี่สาวตัวเองในจดหมายลับฉบับนั้นได้ขึ้นใจทุกตัวอักษร
พี่สาวของนางไม่โกรธเกลียดนางอย่างนั้นหรือ! เหตุใดจึงให้คนมาช่วยชีวิตนางเช่นนี้…
นางคิดว่าพวกนางไม่ใช่พี่น้องกันอีกต่อไปตั้งแต่ที่นางทนเห็นมารดาของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่ใยดี ตั้งแต่ที่นางคิดแย่งบัลลังก์มาจากพี่สาวของตัวเอง นางคิดว่าพวกนางกลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว ทว่า เหตุใด…พี่สาวของนางถึงทำเช่นนี้กัน
หลี่เทียนฟู่คิดอยู่นานจนสุดท้ายจึงเข้าใจว่าหลี่เทียนเจียวคงตัดน้องสาวอย่างนางไม่ลงทั้งๆ ที่ใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้ว เหมือนกับตอนนั้นที่หลี่เทียนเจียวสามารถสังหารนางได้ ทว่า พี่สาวของนางกลับทำใจสังหารน้องสาวของตัวเองไม่ลง พี่สาวของนางทำเพียงกักบริเวณนางไว้เท่านั้น
หากตอนนั้นหลี่เทียนเจียวโหดร้ายกว่านี้อีกสักนิด หากหลี่เทียนเจียวยอมสังหารนางทิ้งโดยไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง…ต่อมาคงไม่เกิดเรื่องที่นางร่วมมือกับแคว้นเทียนเฟิ่งเช่นนี้
“โง่หรือไม่นะ!”
หลี่เทียนฟู่มองขี้เถ้าเหล่านั้นทั้งน้ำตา นางไม่รู้ว่านางกล่าวประโยคนี้ให้ตัวเองหรือหลี่เทียนเจียวฟังกันแน่
วันต่อมาฮูหยินสามหลี่ซื่อชวนฮูหยินสองหลิวซื่อไปเลือกเครื่องประทินโฉมให้ไป๋จิ่นจื้อที่ร้านเครื่องประทินโฉมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง
หลายวันมานี้บุตรชายของนายท่านทุกคนกลับมากันหมดแล้ว มีเพียงบุตรชายของนายท่านสองเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา หลิวซื่อจึงหดหู่ใจยิ่งกว่าฮูหยินทุกคน
ตอนที่บรรดาเด็กๆ ยังไม่กลับมาหลิวซื่อยังมีความหวังอยู่บ้าง นางและบรรดาสะใภ้คนอื่นๆ รอการกลับมาของบุตรตัวเองไปด้วยกันดังนั้นจึงยังพอทนไหว
ทว่า ช่วงนี้สะใภ้คนอื่นๆ สั่งตัดชุดและเริ่มหาคู่ครองให้บุตรชายของตัวเอง หลิวซื่อจึงยิ่งรู้สึกปวดใจยิ่งกว่าเดิม
เดิมทีนางอยากเลือกผ้าจากคลังสมบัติออกมาตัดเย็บชุดไว้รอบุตรชายของตัวเองบ้าง ทว่า เมื่อคิดได้ว่านางไม่รู้ว่าบุตรชายคนใดของนางยังมีชีวิตรอดอยู่บ้างน้ำตาจึงไหลพรากออกมาทันที นางคัดเลือกผ้าต่อไม่ไหวอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องดูตัวให้บุตรชายของตัวเองเลย
ยังดีที่ต่งซื่อเป็นคนละเอียดจึงมองออกว่าหลิวซื่อกำลังเสียใจ นางกำชับไม่ให้สะใภ้คนอื่นๆ สั่งตัดเย็บเสื้อผ้าหรือคัดเลือกสตรีให้บุตรชายของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งเกินไปนัก
เช้าวันนี้หลี่ซื่อจะออกไปเลือกเครื่องประทินโฉมให้ไป๋จิ่นจื้อ เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้สองที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในจวนด้วยความเสียใจจึงตัดสินใจชวนนางออกไปข้างนอกด้วยกัน
ฮูหยินสามซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าที่สั่นคลอนไปมารู้สึกร้อนใจมาก
“ท่านดูเสี่ยวซื่อสิ ถึงแม้นางจะไม่ได้หน้าตางดงามเหมือนอาเป่า ทว่า หากนางแต่งกายด้วยชุดสีแดงสวยงามก็ยังพอดูเป็นสตรีขึ้นมากับเขาบ้าง! แต่พี่สะใภ้สสองดูนางในตอนนี้สิเจ้าคะ ดูสิว่านางผิวคล้ำจนกลายเป็นตัวอันใดไปแล้ว ผิวหน้าของนางหยาบกว่าฝ่ามือของข้าอีกเจ้าค่ะ!”
หลี่ซื่อพยายามหลีกเลี่ยงไม่เอ่ยถึงอาอวิ๋น ได้แต่บ่นบุตรสาวของตัวเอง
“ตอนนี้เสี่ยวซื่อถึงวัยออกเรือนแล้ว ข้าร้อนใจมากเจ้าค่ะ! พี่สะใภ้สองเป็นคนดูแลตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด เดี๋ยวท่านช่วยเลือกเครื่องประทินโฉมให้เสี่ยวซื่อหน่อยนะเจ้าคะ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้นางกลับมาขาวกว่านี้สักนิดก็ดีเจ้าค่ะ”
ฮูหยินสองหลิวซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากยิ้มๆ
“เสี่ยวซื่อของพวกเราก็แปลกเสียจริง ไปออกรบเหมือนกันแท้ๆ ทว่า มีนางคล้ำกว่าผู้อื่นอยู่คนเดียว”
“นั่นสิเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อตบหลังมือของหลิวซื่อเบาๆ
“เวลาอาเป่ากับจิ่นซิ่วโดนแดดผิวหน้าจะกลายเป็นสีแดง จากนั้นไม่นานหน้าก็จะลอกจนกลายเป็นผิวสีเดิม พวกนางไม่คล้ำขึ้นเลยสักนิด ข้าคิดว่าเสี่ยวซื่อเหมือนท่านตาของนางที่เมื่อโดดแดดผิวจะคล้ำไม่คลายอีกเลยเจ้าค่ะ ข้าเป็นกังวลจริงๆ เจ้าค่ะ ยิ่งนิสัยของเสี่ยวซื่อเป็นเช่นนี้อีกข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก พวกเด็กๆ มีวาสนาของพวกนาง ตอนนี้เสี่ยวซื่อเป็นถึงเกาอี้อ๋องแล้ว สตรีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องในใต้หล้าแห่งนี้มีสักกี่คนกัน แม้แต่บุรุษเองก็คงมีไม่กี่คนที่เก่งเหมือนเสี่ยวซื่อตอนอายุเท่านี้!”
หลิวซื่อตบหลังมือของหลี่ซื่อเบาๆ อย่างปลอบโยน
“ขอเพียงพวกนางปลอดภัยมีความสุขกพอแล้ว!”
รถม้าหยุดลงที่หน้าร้านฝูหรง องครักษ์ไป๋ซึ่งเดินตามหลังรถม้ารีบเดินไปเข้าแถวอยู่หน้าร้านฝูหรงอย่างเป็นระเบียบด้วยท่าทีน่าเกรงขาม
หมัวมัวสองคนเดินไปประคองหลิวซื่อและหลี่ซื่อลงจากรถม้า เมื่อฮูหยินทั้งสองเดินเข้าไปในร้านฝูหรง เถ้าแก่ของร้านฝูหรงจึงรีบออกมาต้อนรับทันที
“ตั้งแต่ทราบว่าฮูหยินทั้งสองจะมาที่นี่ร้านฝูหรงจึงรอต้อนรับฮูหยินทั้งสองอยู่ทั้งวันแล้วขอรับ”
เถ้าแก่เดินเข้าไปต้อนรับยิ้มๆ
“ร้านฝูหรงเปิดกิจการค้าขาย ไม่จำเป็นต้องทำเอิกเกริกเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่คนชอบวางมาดใหญ่โต…” หลี่ซื่อกล่าวจบจึงนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมหลิวซื่อ จากนั้นกล่าวกับเถ้าแก่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นำเครื่องประทินโฉมชั้นดีของที่ร้านออกมาให้พวกเราเลือกที ฮูหยินสองของตระกูลข้ารู้จักเครื่องประทินโฉมเป็นอย่างดี พวกเจ้าต้องนำเครื่องประทินโฉมชั้นดีออกมาให้พวกเราเลือก อย่าคิดหลอกพวกข้าเชียว”
“ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเองเช่นนี้ ข้าจะกล้านำเครื่องประทินโฉมธรรมดาออกมาหลอกฮูหยินทั้งสองได้อย่างใดกันขอรับ!”