สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1406 ไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข
ตอนที่ 1406 ไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข
สองสาวได้ยินดวงตาจึงเปล่งประกายขึ้นทันที นี่คือร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงมานานกว่าร้อยปี สตรีจากตระกูลธรรมดาอย่างพวกนางเคยซื้อปิ่นปักผมจากร้านนี้เพียงครั้งเดียวตอนมีพิธีปักผมเท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นเพียงปิ่นปักผมลวดลายธรรมดาไม่ได้มีราคาสูงมาก ส่วนใหญ่ฮูหยินจากตระกูลสูงศักดิ์มักจะมาสั่งทำเครื่องประดับเพื่อเป็นสินเดิมให้บุตรสาวของตนที่ร้านนี้ทั้งสิ้น วันนี้พวกนางคิดว่าแค่มาดูเล่นเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าพี่สะใภ้ของพวกนางจะให้พวกนางเลือกของจากร้านนี้จริงๆ พี่สะใภ้ของพวกนางช่างใจกว้างเสียจริง!
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นพี่สะใภ้ที่ใจดีที่สุดในใต้หล้าเลยเจ้าค่ะ”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะพี่สะใภ้”
สองสาวกล่าวขอบคุณหงเชี่ยวยิ้มๆ จากนั้นถลกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปในร้านเครื่องประดับทันที
หงเชี่ยวยืนใช้พัดกลมพัดร่างของตัวเองเบาๆ อยู่ที่เดิม สายตาของนางมองตามรถม้าและองครักษ์ของตระกูลไป๋ไปจุดสุดสายตา รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปทันที
หงเชี่ยวไม่เคยลืมว่าเหลียงอ๋องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของไป๋จิ่นซิ่ว นางยังมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นให้องค์ชายสองและเหลียงอ๋อง
ถึงแม้ตอนนี้ทหารของราชวงศ์เก่าจะเสียชีวิตลงหมดแล้ว ทว่า นางยังมีชีวิตอยู่ นางจะพยายามทำทุกวิถีทาง…แม้จะเอาชีวิตของคนตระกูลไป๋ไม่ได้ ทว่า พวกนั้นจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอน!
นางจะตามรังควานตระกูลไป๋ไปตลอดชีวิต
หงเชี่ยวถือพัดหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านเครื่องประดับเพื่อช่วยน้องสะใภ้และญาติผู้น้องของสามีเลือกเครื่องประดับด้วยมาดของฮูหยินผู้สูงศักดิ์
สวรรค์เมตตาให้คนอย่างนางยังมีชีวิตอยู่ นางน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปี รอดูไปแล้วกันว่าตระกูลไป๋จะมีจุดจบเช่นใด…
วันที่สี่ เดือนแปด รัชศกหยวนเหอปีที่สอง จงหย่งโหวฉินหล่างผู้เป็นสามีของฝู่กั๋วอ๋อง เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งเดินทางกลับถึงเมืองหลวงหลังจากผลักดันระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจวที่ต้าเหลียงเสร็จเรียบร้อย
ฉินหล่าง เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งได้รับรางวัลจากไป๋ชิงเหยียนในที่ประชุมว่าราชการตอนเช้า
ไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่างไม่ได้เจอหน้ากันนานมากแล้ว ฉินหล่างซึ่งอยู่ที่เมืองหานเป็นห่วงไป๋จิ่นซิ่วทุกครั้ง ที่ได้ยินรายงานสถานการณ์รบจากซีเหลียง บัดนี้ภรรยาของเขาได้เป็นถึงอ๋องแล้ว เมื่อเห็นนางสวมชุดนักรบยืนอยู่ในราชสำนักอย่างสง่าผ่าเผยฉินหล่างจึงรู้สึกภูมิใจในตัวภรรยาของตัวเองมาก
ฉินหล่างเตือนตัวเองในใจอยู่ตลอดเวลาว่าเขามีภรรยาที่เก่งทั้งนอกและในเรือน เขาควรดูแลและทะนุถนอมนางให้ดีที่สุด
เช้าวันนี้ฉินหล่างถูกไป๋ชิงเหยียนรั้งให้อยู่ต่อเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เมืองหานอย่างละเอียด
ฉินหล่างรายงานตามความจริงอย่างไม่กล้าปิดบัง
“ตอนนี้ก่อตั้งสำนักศึกษาเสร็จหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้ตอนแรกสตรีจะเข้าเรียนไม่มาก ทว่า ต่อมาเมื่อชาวบ้านเห็นว่าสตรีได้ตำแหน่งปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวาอีกทั้งได้รับตำแหน่งสำคัญในราชสำนักจริงๆ สตรีจึงเริ่มเข้าเรียนในสำนักศึกษามากขึ้น ทว่า บางครอบครัวยังกังวลว่าหากให้บุตรสาวของตัวเองเข้ารับราชการในราชสำนัก พวกนางอาจเสียชีวิตตอนคลอดบุตรหลังแต่งงานได้พ่ะย่ะค่ะ แม้ทางการจะไม่เก็บเงินค่าเล่าเรียนในสำนักศึกษา ทว่า ครอบครัวของพวกเขาต้องทุ่มเทกับบัณฑิตคนหนึ่งมาก แม้สุดท้ายจะให้บุตรสาวแต่งเขยเข้าตระกูลก็ต้องปรับตัวกันอีกมา พวกเขาจึงลังเลไม่กล้าตัดสินใจเสียทีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าหากพวกเราร่างเรื่องเหล่านี้ลงในกฎหมายน่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีพ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้ากล่าวมาดี”
ไป๋ชิงเหยียนสื่อให้ฉินหล่างดื่มชา นางยกชาขึ้นดื่มเช่นเดียวกัน
“ทว่า พวกเราต้องค่อยๆ ทำตามลำดับ หากร่างกฎหมายขึ้นอย่างกะทันหันในตอนนี้อาจทำให้คนไม่พอใจได้ เราต้องลองทดลองดูก่อน จากนั้นค่อยประกาศใช้ทั่วทั้งแคว้น”
ไป๋ชิงเหยียนเคยคิดว่าจะร่างกฎหมายให้ชาวบ้านทุกคนเข้ารับการศึกษา ทว่า เมื่อลองคิดถึงครอบครัวชาวนา…
ทุกคนในครอบครัวทุ่มเทแรงกายแรงให้กับการทำนาเพื่อที่จะได้มีเงินเพียงพอสำหรับเลี้ยงทุกคนในครอบครัวหลังจากจ่ายภาษีส่วนหนึ่งให้แก่ทางการแล้ว แค่มีเสบียงเพียงพอให้พวกเขาประทังชีวิตพวกเขาก็พอใจมากแล้ว
การทำนาสำคัญต่อชาวนามากที่สุด หากไม่มีข้าวกินพวกเขาจะอดตาย ทว่า หากไม่ได้เรียนหนังสือพวกเขาไม่ได้จะอดตาย สิ่งสำคัญสำหรับชาวบ้านคือการกินอิ่มนอนหลับ เมื่อทุกคนกินอิ่มนอนหลับแล้วจึงจะมีเวลาคิดถึงเรื่องเรียนหนังสือ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับฉินหล่างถึงตรงนี้ก็นึกถึงเฉิงซ่านหรูขึ้นมาทันที หากเฉิงซ่านหรูหาวิธีเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้ เมื่อชาวบ้านแก้ไขปัญหาปากท้องของตัวเองได้พวกเขาต้องส่งเสริมให้ลูกหลานของตัวเองเรียนหนังสือแน่นอน
“ก่อนหน้านี้พี่หญิงใหญ่ให้หลี่หมิงรุ่ยกับต่งฉงหยวนช่วยกันคิดหากฎหมายรับรองและสนับสนุนสตรีที่เข้ารับราชการในราชสำนัก ทว่า ตอนนี้หลี่หมิงรุ่ยตามเสิ่นเทียนจือไปผลักดันระบอบการปกครองของต้าโจวที่ต้าเยี่ยนแล้ว”
ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางฉินหล่างยิ้มๆ จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
“ฉินหล่างเพิ่งกลับมา พี่หญิงใหญ่ลองให้ฉินหล่างรับผิดชอบเรื่องนี้กับต่งฉวงหยวนดูดีหรือไม่เจ้าคะ”
ฉินหล่างมองไปทางไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน เขามีความคิดที่จะเสนอเกี่ยวกับการปกครองระบอบใหม่เหล่านี้ค่อนข้างมากทีเดียว…
“หากฉินหล่างยินดีทำย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว พี่คิดว่าฉินหล่างเพิ่งกลับมา ควรให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาสักพัก ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักระยะหนึ่ง ทว่า พวกเจ้ากลับไม่คิดถึงวั่งเกอของพวกเจ้าสักนิด”
เมื่อเห็นใจของสองสามีภรรยาคู่นี้อยู่ที่ราชสำนักไป๋ชิงเหยียนจึงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“ตอนนี้ต้าโจวกำลังแข่งขันกับต้าเยี่ยน ต้าโจวกำลังต้องการกำลังคน จิ่นซิ่วและกระหม่อมควรทำเพื่อต้าโจวให้ได้มากที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินหล่างรีบกล่าว
“ใช่เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่ ตอนนี้ต้าโจวกำลังต้องการกำลังคน พวกเราครอบครัวเดียวกันยิ่งต้องช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเกรงใจพวกเราสองคนนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของไป๋จิ่นซิ่วเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ไม่มีไอสังหารเหมือนตอนอยู่ในสนามรบแม้แต่น้อย
“อย่างน้อยครอบครัวของพวกเราก็ควรร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ที่สุดเจ้าค่ะ”
“ได้…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
“เช่นนี้เมื่อการแข่งขันจบลงพี่จะให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาได้พักผ่อนอยู่เป็นเพื่อนวั่งเกอกันอย่างเต็มที่ ตอนนี้ป้าอย่างพี่คงต้องติดค้างวั่งเกอก่อนแล้ว”
เมื่อกล่าวเรื่องระบอบการปกครองใหม่เสร็จ ฉินหล่างจึงคุยกับไป๋ชิงเหยียนเรื่องที่หานเฉิงอ๋องเดินทางไปยังต้าเหลียง
“หลังจากหานเฉิงอ๋องกลับไปมีคนมากมายอยากก่อความวุ่นวายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ทหารต้าเหลียงเก่าที่ไปหาหานเฉิงอ๋องถูกหานเฉิงอ๋องส่งไปยังค่ายทหารทุกคน ถือเป็นการแสดงความจงรักภักดีของหานเฉิงอ๋องที่แสดงให้คนภายนอกรับรู้พ่ะย่ะค่ะ เขาต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่าเขากลับมาต้าเหลียงในครั้งนี้เพื่อนำทัพทหารเรือต่อต้านแคว้นตงอี๋ ไม่ได้กลับมาเพื่อกอบกู้แคว้นต้าเหลียงคืนพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินหล่างขมวดคิ้วยุ่ง เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน
“ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทก็ควรส่งคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของหานเฉิงอ๋องไว้เพื่อความไม่ประมาทพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินหล่างยังคงกลัวว่าหานเฉิงอ๋องจะก่อกบฏจนทำลายสถานการณ์ที่สงบสุขซึ่งได้มาอย่างยากลำบากในตอนนี้
“ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ในเมื่อพี่หญิงใหญ่กล้าใช้งานหานเฉิงอ๋องก็แสดงว่านางมั่นใจว่าสามารถคุมหานเฉิงอ๋องได้…”
รอยยิ้มของไป๋จิ่นซิ่วกว้างกว่าเดิม สายตาที่มองไปทางพี่หญิงใหญ่ของตัวเองเต็มไปด้วยความเชื่อใจ
“ไม่ใช่ว่าควบคุมได้ พี่แค่คิดว่าตอนนี้พวกเจ้าล้วนอยู่ข้างกายของพี่ พี่ไม่ได้เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่อันตรายอีกต่อไปแล้ว คิดว่าหากทำผิดพลาดไปก็มิเป็นอันใด”
ไป๋ชิงเหยียนมองน้องสาวของตัวเองด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเงยหน้ามองไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่าง
“ฉินหล่างเพิ่งกลับมา เจ้ารีบพาฉินหล่างไปที่จวนไป๋เถิด ท่านอาสะใภ้สองและวั่งเกอคงรอทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับพวกเจ้าแล้ว”