สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1408 นอบน้อม
ตอนที่ 1408 นอบน้อม
มารดาของหลู่หยวนชิ่งกล่าวพลางหันไปมองหน้าบุตรชายของตัวเอง นางเอื้อมมือไปช่วยจัดเครื่องแต่งกายให้บุตรชายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังให้ความสำคัญกับตระกูลหลู่ของพวกเรา อย่างน้อยฝ่าบาทก็ต้องเห็นแก่หน้าท่านปู่ของเจ้า ทรงไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้ตระกูลเราแน่…”
“ท่านแม่ ต่อไปอย่าได้กล่าวเช่นนี้อีกนะขอรับ”
สีหน้าของหลู่หยวนชิ่งเคร่งขรึมขึ้นทันที
มารดาของหลู่หยวนชิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองกล่าวผิดไปจึงรีบยิ้มประจบบุตรชาย
“แม่แค่กล่าวกับคนในครอบครัว แค่กล่าวกับเจ้าเฉยๆ แม่จะไม่กล่าวเช่นนี้กับผู้อื่นอีกเด็ดขาด”
“ท่านแม่ต้องจำไว้ว่าปลาหมอตายเพราะปาก ตอนนี้ความรุ่งเรืองของตระกูลหลู่ได้มาเพราะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับตระกูลหลู่! ทว่า ใต้หล้านี้กว้างใหญ่นัก มีคนมากความสามารถอีกมากมาย ตระกูลหลู่ควรซาบซึ้งในบุญคุณของฝ่าบาทที่ทรงให้ความสำคัญกับพวกเราถึงจะถูก ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่จึงมีความคิดเช่นนี้ขอรับ!”
หลู่หยวนชิ่วกล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรง
มารดาของเขาไม่ใช่คนเจ้าแผนการ คิดสิ่งใดมักแสดงออกทางสีหน้าทั้งหมด หากนางแสดงสีหน้าหยิ่งผยองเช่นนี้ต่อหน้าคนภายนอกหรือกล่าวสิ่งใดที่ไม่ควรกล่าวออกไปตระกูลหลู่ถึงจะเดือดร้อนอย่างแท้จริง
“เด็กคนนี้นี่…”
มารดาของหลู่หยวนชิ่งหยิกแขนบุตรชายของตัวเองเบาๆ
“แม่แค่กล่าวเล่นๆ เท่านั้น เหตุใดเจ้าต้องเถียงแม่เช่นนี้ด้วย! เจ้าหยวนเผิงเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เป็นไปกับเขาอีกคน! เหตุใดพอข้าเอ่ยถึงฝ่าบาทพวกเจ้าถึงได้โมโหถึงเพียงนี้ด้วย พวกเจ้าไม่เคารพแม่แล้วหรืออย่างใดกัน”
“ท่านแม่…”
หลู่หยวนชิ่งคุกเข่าลงตรงหน้ามารดาพลางกุมมือของนางไว้
“ฝ่าบาทเป็นคนมอบเกียรติยศและความรุ่งเรืองให้ตระกูลหลู่ของพวกเรา หากท่านแม่กล่าวว่าฝ่าบาทต้องการใช้งานพวกเรา ผู้อื่นอาจคิดว่าฝ่าบาททรงขาดพวกเราไม่ได้ ฝ่าบาทสามารถมอบเกียรติยศและความรุ่งเรืองเหล่านี้ให้ตระกูลอื่นได้อย่างง่ายดาย นี่คืออำนาจของจักรพรรดิ ท่านแม่ควรจดจำให้ขึ้นใจและแสดงความเคารพนอบน้อมต่อฝ่าบาทตลอดเวลาขอรับ!”
มารดาของหลู่หยวนชิ่งฟังแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางกุมมือของบุตรชายแน่น
“ได้ๆ แม่รู้แล้ว ตอนที่เจ้าใกล้เดินทางกลับมาเมืองหลวงมีแต่คนมาเยินยอ ประจบแม่จนแม่เผลอลืมตัวไปบ้าง แม่และพ่อของเจ้าไม่ใช่คนมีความสามารถ ทว่า กลับคลอดลูกที่มีความสามารถอย่างเจ้าออกมา เมื่อผู้อื่นเอ่ยชมแม่เลย…”
“ท่านแม่ทราบก็ดีแล้วขอรับ คำเยินยอของผู้อื่นอาจเป็นการทำร้ายตระกูลหลู่ หลังจากนี้หากท่านแม่ได้ยินคำเยินยอจากพวกเขาต้องระวังให้มากกว่านี้นะขอรับ! คนในตระกูลอย่างพวกเรา…หากทำผิดพลาดแม้เพียงคำพูดอาจเดือดร้อนทั้งตระกูลได้ขอรับ ท่านแม่ต้องรอบคอบมากกว่านี้จะได้ปกป้องเกียรติยศและความรุ่งเรืองของตระกูลให้มีสืบไปได้ขอรับ”
“ได้ แม่จะจำไว้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง!”
มารดาของหลู่หยวนชิ่งพยักหน้าด้วยความจริงจัง
“ต่อไปแม่จะเคารพนอบน้อมฝ่าบาทตลอดเวลา!”
ในสายตาของฮูหยินสามตระกูลหลู่หลู่หยวนชิ่งแตกต่างจากหลู่หยวนเผิง หลู่หยวนเผิงคือเด็กที่ไม่เอาไหนและชอบเล่นสนุกไปวันๆ ทว่า หลู่หยวนชิ่งคือหัวใจหลักของพวกนางสองสามีภรรยา ไม่ว่าหลู่หยวนชิ่งกล่าวสิ่งใดพวกนางจะรับฟังและทำตามทุกเรื่อง
“ท่านแม่จำได้ก็ดีแล้วขอรับ ท่านปู่ให้ข้ากลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านแม่ให้คนเตรียมน้ำให้ข้าด้วยนะขอรับ ข้าจะไปดูหยวนเผิงสักครู่”
หลู่หยวนชิ่งกล่าวกับมารดา
“ได้ๆ”
มารดาของหลู่หยวนชิ่งยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง ในฐานะมารดาเมื่อนางเห็นบุตรชายทั้งสองของตัวเองรักใคร่สามัคคีกันดีนางย่อมมีความสุขอยู่แล้ว นางตบหลังมือของบุตรชายคนโตเบาๆ อย่างภูมิใจ
“ไปเถิด พี่ชายอย่างเจ้ายังดีกว่าบิดาของเจ้ามากนัก บิดาของเจ้าดีแต่สั่งสอนน้องชายของเจ้า ไม่เป็นห่วงบาดแผลของเขาเลยสักนิด”
“ข้าไปก่อนนะขอรับ”
หลู่หยวนชิ่งยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคย
เมื่อหลู่หยวนเผิงรู้ว่าพี่ชายของตัวเองกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วเขาทั้งรู้สึกดีใจทั้งหวาดกลัว เขานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนิ่งอย่างหวาดกลัว ได้แต่ให้คนไปสืบว่าพี่ชายของเขาอยู่ที่ใดแล้ว สีหน้าของพี่ชายเป็นเช่นไรบ้าง
“กลับมาแล้วขอรับ คุณชายหยวนชิ่งกลับมาถึงจวนแล้ว เขาส่งยิ้มให้ทุกคนอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากขอรับ ตอนนี้กำลังมาทีจวนของคุณชายแล้วขอรับ!”
เมื่อได้ยินคนรายงานว่าพี่ชายของตัวเองยิ้มแย้มเหมือนคนอารมณ์ดีตลอดเวลา หลู่หยวนเผิงรู้สึกเกร็งแน่นที่บาดแผลของตัวเองขึ้นมาทันที เขารีบเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้ด้วยใบหน้าซีดเผือด
“รีบปิดประตูเรือนเร็วเข้า บอก บอกว่า…ข้าได้รับบาดเจ็บหนัก ใกล้ตายแล้ว! เพิ่งนอนหลับไปหลังกินยาเสร็จ รีบไปเร็ว!”
“ว่าอย่างใดนะขอรับ”
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ชายยังคงจ้องมาที่ตนอย่างงุนงงหลู่หยวนเผิงรีบเขวี้ยงหมอนใส่บ่าวรับใช้ชายผู้โง่เขลาของตัวเองทันที
ผู้อื่นไม่รู้จักนิสัยพี่ชายของเขา ทว่า หลู่หยวนเผิงรู้จักนิสัยของพี่ชายตัวเองดี ปกติพี่ชายของเขามีสีหน้าเยือกเย็นราวกับรูปปั้นตลอดเวลา หากพี่ชายของเขายิ้มแย้มตลอดเวลาเช่นนี้แสดงว่าใจของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ไม่ได้อารมณ์ดีอย่างที่คนอื่นคิด พี่ชายเขาต้องมาบิดหูเขาด้วยความโมโหแน่นอน!
“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
บ่าวรับใช้ชายรีบลุกขึ้นจากพื้น ทว่า เมื่อหันหลังกลับเกือบชนร่างของหลู่หยวนชิ่งเข้าเต็มๆ
“ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างนั้นหรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลู่หยวนชิ่งที่ร่างยังเต็มไปด้วยฝุ่นจากการเดินทางกว้างขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“บังเอิญว่าข้าได้เรียนวิชาแพทย์กับหมอชื่อดังคนหนึ่งตอนอยู่ที่เมืองหานมาบ้าง ข้าจะตรวจชีพจรให้เจ้าเอง!”
“พี่…ท่านพี่…ท่านพี่ขอรับ!”
เมื่อหลู่หยวนเผิงที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงเห็นพี่ชายของตัวเองถลกแขนเสื้อพลางก้าวเข้ามาในห้องของเขาด้วยรอยยิ้มอย่างไม่รีบร้อนก็ตกใจจนแทบกระโดดลุกขึ้นจากเตียงโดนไม่สนใจบาดแผลที่โดนโบย หลู่หยวนเผิงใช้สองมือหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงพลางขยับถอยหลังไปชิดกำแพง เขาใช้ผ้าห่มคลุมร่างตัวเองอย่างมิดชิดพลางส่งยิ้มหวานให้หลู่หยวนชิ่ง
“ท่าน…ท่านพี่…”
หลู่หยวนชิ่งรับคำ จากนั้นหันไปสั่งบ่าวรับใช้ชายที่ยังคุกเข่าอยู่ที่นอกห้อง
“ไปเฝ้าหน้าเรือนไว้ให้ดี อย่าให้ผู้ใดเข้ามาเป็นอันขาด”
หลู่หยวนชิ่งกล่าวจบจึงเอื้อมมือปิดประตูจนสนิท
จบ…จบกัน! หลู่หยวนเผิงรู้สึกสิ้นหวังมาก วันนี้ของปีหน้าคงเป็นวันรำลึกการตายเนื่องจากการโดนบิดหูของเขาแน่นอน หญ้าที่หลุมศพของเขาในปีหน้าคงกองสุมเป็นภูเขาสูงยิ่งกว่าหลุมศพของเขาอีก วันนี้เขาหนีไม่รอดแล้ว…
หลู่หยวนเผิงรีบใช้มือปิดใบหูทั้งสองข้างของตัวเองทันที
“ข้าผิดไปแล้วขอรับท่านพี่! ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้วขอรับ ท่านพี่เบามือหน่อยนะขอรับ!”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นหลังจากไปฝึกประสบการณ์ในกองทัพไป๋หลายปี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังโง่เขลาเช่นเดิม…”
“ท่านพี่ มีสิ่งใดค่อยๆ กล่าวกันดีๆ ก็ได้ขอรับ ท่านพี่เป็นวิญญูชน วิญญูชนไม่ลงมือทำร้ายผู้อื่น! โอ้ย…ท่านพี่!”
บ่าวรับใช้ชายที่เฝ้าอยู่หน้าเรือนของหลู่หยวนเผิงได้ยินร้องอย่างเจ็บปวดและเสียงร้องของความเมตตาจากพี่ชายของหลู่หยวนเผิงดังแว่วออกมา เขารู้สึกเห็นใจคุณชายของตัวเองมาก ทว่า แค่สายตาที่คุณชายหยวนชิ่งหันมาสั่งให้เขาออกมาเฝ้าหน้าเรือนไว้ให้ดีก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติแล้ว
แค่คิดเขาก็ขนลุกชันไปทั้งร่างแล้ว
บ่าวรับใช้ชายได้แต่ยืนภาวนาขอให้สวรรค์เมตตาคุณชายหยวนเผิงของตัวเองอยู่หน้าประตูเรือน