สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1417 ตัวอย่าง
ตอนที่ 1417 ตัวอย่าง
ซือหม่าผิงเอ่ยถามไป๋จิ่นจื้อที่กำลังหอบหายใจอย่างเหนื่อยหอบว่านางมาเพื่อช่วยเสริมทัพหรือมาเพื่อเอาชีวิตพวกเขาไปเร็วกว่าเดิมกันแน่
หลังจากนั้นทุกครั้งที่ซือหม่าผิงเห็นหน้าไป๋จิ่นจื้อเขาจะตะโกนว่า ‘นางมาแล้ว นางมาแล้ว นางพากองทัพศัตรูมาเอาชีวิตของพวกเราแล้ว’
สรุปง่ายๆ ก็คือคนผู้นี้ปากร้ายมาก
ตอนนั้นไป๋จิ่นจื้อแทบอยากฆ่าซือหม่าผิงให้ตาย!
ไป๋จิ่นจื้อส่ายศีรษะน้อยๆ เหตุใดนางต้องนึกถึงสองคนนั่นด้วย! นางจะยอมแต่งงานกับหลู่หยวนเผิงหรือซือหม่าผิงจริงๆ หรืออย่างไรกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ไป๋จิ่นจื้อจึงสลัดความคิดว้าวุ่นในสมองออกไปจนหมด จากนั้นเดินไปเล่นกับสี่เล่อและคังเล่ออย่างมีความสุข…
ฮูหยินสองหลิวซื่อจึงสั่งให้คนไปสืบเรื่องการย้อนเวลาทันทีที่กลับถึงจวนไป๋ในวันนั้น ในที่สุดนางก็ไปพบไป๋ชิงเหยียนในวังหลวงอย่างทนต่อไปไม่ไหว
ตอนที่ฮูหยินสองไปถึงวังหลวงไป๋ชิงเหยียนกำลังประชุมราชการตอนเช้าอยู่ ทุกคนในวังหลวงรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเคารพฮูหยินตระกูลไป๋ทุกคนมาก ดังนั้นตอนที่หลิวซื่อชะโงกหน้ามองเข้าไปในตำหนักใหญ่จึงไม่มีผู้ใดห้ามปรามนาง
ชุนเถายืนอยู่ข้างหลิวซื่อ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะพลางกล่าวกับหลิวซื่อ “ไม่ได้เจอกันหลายวันฮูหยินสองคิดถึงคุณหนูใหญ่จนนั่งรอไม่ไหวและต้องมายืนรออยู่ที่นี่เลยหรือเจ้าคะ”
หลิวซื่อไม่ได้เข้าวังมาเพราะคิดถึงไป๋ชิงเหยียน หลายวันมานี้นางว้าวุ่นใจเรื่องหยกจักจั่นจนแทบทำสิ่งใดไม่ได้ คนของนางสืบเรื่องนี้ได้ไม่เร็วเท่าคนของไป๋ชิงเหยียน
นางได้ยินว่าตอนนี้จักรพรรดิของเทียนเฟิ่งอยู่ที่แคว้นตงอี๋ ไป๋ชิงเหยียนกำลังส่งทูตเดินทางไปยังแคว้นตงอี๋พอดี หากไป๋ชิงเหยียนเขียนจดหมายให้หลิ่วหรูซื่อขอหยกจักจั่นมาจากจักรพรรดิเทียนเฟิ่ง จากนั้นพวกนางค่อยตามหาหยกจักจั่นที่หายไปของเซียวหรงเหยี่ยนจนพบ ไม่แน่…พวกนางอาจสามารถย้อนเวลากลับไปได้!
หลิวซื่อคิดว่าเรื่องที่สตรีสองคนคุยกันที่ร้านเครื่องประดับว่าไป๋ชิงเหยียนไม่อยากย้อนเวลากลับไปเพราะไม่อยากสูญเสียลูกน้อยทั้งสองของตัวเองไปเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี
หลิวซื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เกิด นางรู้จักนิสัยของไป๋ชิงเหยียนดี แม้ไป๋ชิงเหยียนจะกบฏราชวงศ์ต้าจิ้นและขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เองเพื่อชาวบ้าน ทว่า แท้จริงแล้วหลานสาวของนางทำไปเพื่อปกป้องตระกูลไป๋ น้องสาว มารดาและอาสะใภ้ไร้ประโยชน์อย่างพวกนางแทนท่านปู่ บิดาและบรรดาท่านอาของนาง!
หากไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องการย้อนเวลาหลิวซื่อเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนต้องร้อนใจยิ่งกว่านางแน่นอน
หลิวซื่อมาพบไป๋ชิงเหยียนด้วยความมั่นใจว่าหากไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องการย้อนเวลานางต้องส่งคนออกตามหาหยกจักจั่นที่หายไปของเซียวหรงเหยี่ยนแน่นอน หลิวซื่อนึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนจับตัวจอมเวทย์ของเทียนเฟิ่งเอาไว้ นางอยากมาถามไป๋ชิงเหยียนว่าสืบได้เรื่องอันใดจากปากของจอมเวทย์ผู้นั้นบ้างหรือไม่ หากนางรู้เรื่องราวบ้างนางจะได้สบายใจเสียที
ตอนนี้หลิวซื่อไม่รู้ว่าในตำหนักใหญ่เกิดเรื่องอันใดขึ้น นางเห็นขุนนางเข้าแถวเป็นสองฝั่ง บางคนถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา
ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดประจำตำแหน่งจักรพรรดินีเดินลงมาจากแท่นสูงช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา เหล่าขุนนางรีบโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนพลางหันหน้าไปตามทิศทางที่หญิงสาวเดินไปด้วยท่าทีนอบน้อม
“เรารู้ดีว่าคนบางกลุ่มไม่พอใจเสิ่นเทียนจือมาก ก่อนหน้านี้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาบดีเพราะมีส่วนช่วยให้เราได้ขึ้นครองราชย์ ต่อมาเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงซือคงอย่างรวดเร็วพวกเจ้าจึงรู้สึกไม่พอใจ! บางคนคิดว่าเสิ่นเทียนจือเป็นคนแย่งตำแหน่งซือคงไปจากเสิ่นจิ้งจง ทว่า เราอยากให้ทุกคนจำไว้ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะสร้างปัญหาและความลำบากใจให้เขาเช่นนี้ เราขอให้เรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้ เราจะไม่สืบว่าผู้ใดเป็นคนอยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้อีก! ทว่า เราหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป!” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองขุนนางในราชสำนัก “ตอนนี้การเดิมพันด้วยแคว้นคือสิ่งสำคัญที่สุดของต้าโจว ผู้ใดกล้าขัดขวาง วิพากษ์วิจารณ์หรือก่อปัญหาใดๆ เราจะตัดศีรษะของคนผู้นั้นทิ้งเสีย!”
เหล่าขุนนางต่างรับคำด้วยความหวาดกลัว
หลิวซื่อยืนมองแสงแดดสีทองที่ลอดผ่านประตูที่เปิดอ้าออกส่องกระทบลงบนร่างของไป๋ชิงเหยียนอยู่ทางด้านหลัง น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนหนักแน่นราวกับดาบคมที่หล่นลงบนพื้นกระเบื้องจนพื้นแตกร้าว แสงแดดยามรุ่งอรุณที่กระทบอยู่บนร่างของหญิงสาวยิ่งทำให้นางเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีสมกับเป็นจักรพรรดินีของแคว้นต้าโจวจริงๆ
“นับจากนี้เป็นต้นไปเจิ้นกั๋วอ๋องและฮู่กั๋วอ๋องจะเป็นคนดูแลเรื่องการผลักดันระบอบการปกครองต้าโจวในเมืองตัวแทนของต้าเยี่ยน คำสั่งของเจิ้นกั๋วอ๋องและฮู่กั๋วอ๋องคือคำสั่งของเรา พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาถามเราอีก…ทำตามคำสั่งของพวกเขาได้เลย หากผู้ใดกล้าขัดขืนจะต้องโทษประหารทันที!”
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกโมโหมากจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยวางมาดจักรพรรดิตอนอยู่ต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก บรรยากาศในราชสำนักไม่เคยตึงเครียด ทว่า อาจเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนไม่เคยวางมาดให้พวกเขาได้เห็น ขุนนางที่เคยเป็นลูกน้องของเสิ่นจิ้งจงจึงกล้าสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจือเช่นนี้!
ในสายตาของพวกเขาพวกเขาคงคิดว่าผู้ที่เดินทางไปผลักดันระบอบการปกครองของต้าโจวที่ต้าเยี่ยนคือเสิ่นเทียนจือ ต่อให้เสิ่นเทียนจือพ่ายแพ้พวกเขาก็ไม่เดือดร้อนอันใด พวกเขาคิดกระทั่งว่าหากไป๋ชิงเหยียนชนะต้าโจวจะได้ต้าเยี่ยนมาครอบครอง ทว่า หากแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด พวกเขาสามารถส่งกองทัพไป๋ผู้กล้าหาญไปทำสงครามแย่งชิงแคว้นกลับมาได้
ขุนนางที่กล้าผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่น ขุนนางที่กล้าบอกว่าต่อให้แพ้ก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับยังคู่ควรกับการเป็นขุนนางอีกหรือ!
“ขุนนางทุกคนของต้าโจวจงฟังให้ดี คนที่ผิดสัญญาต่อใต้หล้าจะไม่ได้ครอบครองใต้หล้า! ไทเฮาของต้าเยี่ยนเคยแทงข้างหลังต้าโจวมาก่อน นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด!” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองดูขุนนางที่คุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น “ถอดตำแหน่งคนเหล่านี้ออกจากราชสำนัก ไม่ใช้งานอีกตลอดไป!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็จากไปทันที เว่ยจงรีบตะโกนบอกว่าจบการประชุม
“น้อมส่งฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางรีบก้มศีรษะคำนับ
เมื่อเดินออกมาจากตำหนักไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปสั่งเว่ยจง “ให้ฝู่กั๋วอ๋องสั่งให้สำนักตรวจสอบสืบทีว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะบอกกับทุกคนว่าจะไม่สืบเรื่องนี้อีกต่อไป ทว่า ขนาดจักรพรรดินีอย่างนางยังไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ผู้ที่กล้าก่อเรื่องขึ้นในตอนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
สำนักตรวจสอบถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสืบเรื่องของแคว้นอื่น ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องนำมาใช้กับขุนนางของแคว้นตัวเองเช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น
ราชวงศ์ต้าจิ้นเพิ่งถูกโค่นล้มไปได้ไม่เท่าใดขุนนางเก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นบางคนกลับทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว คิดนำนิสัยเก่าๆ ที่เคยใช้กับราชวงศ์ต้าจิ้นมาใช้กับต้าโจวอย่างนั้นหรือ
“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินสองเข้าวังมาเยี่ยมคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ…” ชุนจือก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปพลางกล่าวขึ้นเสียงเบา “ตอนฮูหยินสองมาถึงคุณหนูใหญ่ยังว่าราชการตอนเช้าอยู่ ฮูหยินสองทนรอไม่ไหวจึงมารอคุณหนูใหญ่ที่หน้าตำหนักเจ้าค่ะ”
อาสะใภ้สองรีบร้อนมาเจอนางเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงกังวลว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางรีบปรับอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นหันไปกล่าวกับเว่ยจง “เดี๋ยวให้เจิ้นกั๋วอ๋อง ฮู่กั๋วอ๋อง ฝู่กั๋วอ๋อง จงกั๋วอ๋องและเกาอี้อ๋องมาพบข้าที่ห้องตำราที”