สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1436 ไม่เหมาะสม
ตอนที่ 1436 ไม่เหมาะสม
คืนนั้นไป๋ชิงเหยียนฝันเห็นหานเฉิงอ๋องกลับมาหานางตอนที่นางกำลังถกเถียงอยู่กับขุนนางในราชสำนักอยู่ หานเฉิงอ๋องที่สวมชุดเกราะยืนยิ้มให้นางอยู่หน้าประตูตำหนักโดยไม่ได้เดินเข้ามาด้านใน เขาคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นก้มศีรษะคำนับนาง
ไป๋ชิงเหยียนบอกให้หานเฉิงอ๋องเดินเข้ามาด้านใน ทว่า เขากลับส่งยิ้มให้นางพลางหายลับไปท่ามกลางแสงอรุณ
เมื่อไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นจึงหันไปมองลูกน้อยทั้งสองที่กำลังหลับสนิทอยู่ นางห่มผ้าให้ลูกทั้งสอง จากนั้นเก็บมุ้งให้เรียบร้อยแล้วให้ชุนเถาพาคนเข้ามาปรนนิบัตินางล้างหน้าแปรงฟัน
เมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าที่ชุนเถายื่นให้ซับน้ำบริเวณมุมปากของตัวเอง จากนั้นเอ่ยถามเว่ยจง
“หานเฉิงอ๋องส่งฎีกามารายงานสถานการณ์แถบชายฝั่งบ้างหรือไม่”
“ส่งมาถึงเมื่อคืน ทว่า บ่าวไม่ได้ปลุกฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
เว่ยจงซึ่งยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
“นำมาให้ข้าดูที”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มข้างหน้าต่าง หญิงสาวยกชาขึ้นจิบ นางตั้งจะอ่านฎีกาให้จบก่อนไปออกว่าราชการตอนเช้า
เว่ยจงส่งฎีกาให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนอ่านเนื้อหาในฎีกา…หานเฉิงอ๋องบอกว่าช่วงสี่ห้าวันนี้เขาจะคุ้มกันชาวประมงออกไปหาปลากลางทะเล ช่วงนี้แคว้นตงอี๋ไม่ได้ก่อความวุ่นวายอันใด
หลิ่วหรูซื่อกล่าวในจดหมายลับที่ส่งมาจากตงอี๋ว่าพวกเขาเริ่มตีสนิทกับฮองเฮาของตงอี๋แล้ว หลู่เฟิ่งหลางบอกกับหลิ่วหรูซื่อว่าฮองเฮาดูเหมือนอยากให้องค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์เช่นเดียวกัน หลิ่วหรูซื่อจึงส่งจดหมายมาสอบถามความเห็นของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนเห็นวันที่หลิ่วหรูซื่อเขียนจดหมายลับฉบับนี้มาให้นาง เมื่อคำนวณดูจากเวลาแล้วหลิ่วหรูซื่อคงยังไม่ได้รับจดหมายที่นางส่งไปบอกว่าไม่ต้องดึงผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพิ่ม หลิ่วหรูซื่อจึงส่งจดหมายมาถามนางว่าควรสนับสนุนองค์ชายเจ็ดขึ้นครองบัลลังก์หรือไม่เช่นนี้
ตอนนี้หลิ่วหรูซื่อคงได้รับจดหมายจากนางและรู้แล้วว่านางไม่อยากดึงองค์ชายเจ็ดเข้ามาเกี่ยวข้องจนทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ซับซ้อนกว่าเดิม ดังนั้นหลิ่วหรูซื่อคงไม่เข้าไปข้องแวะกับฮองเฮาของตงอี๋อีกแน่นอน
ไม่รู้เพราะเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางฝันเหตุภาพที่หานเฉิงอ๋องคุกเข่าก้มศีรษะคำนับนางอยู่หน้าตำหนักตอนฟ้าใกล้สว่างนางยิ่งรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ที่ชายทะเล
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วไป๋ชิงเหยียนจึงวางฎีกาในมือลงเพื่อเตรียมไปว่าราชการตอนเช้า ทว่า นางยังไม่ลืมหันไปกำชับถงหมัวมัว
“พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงในครอบครัว วันนี้ท่านแม่คงยุ่งมาก เมื่อข้าว่าราชการตอนเข้าเสร็จถงหมัวมัวพาเด็กๆ ไปหาข้าที่ตำหนักนะ วันนี้ไม่ต้องพาเด็กๆ ไปหาท่านแม่แล้ว”
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
ถงหมัวมัวรับคำ นางเดินออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนที่หน้าตำหนัก จากนั้นเดินกลับเข้าไปดูแลเด็กทั้งสองต่อ
ระหว่างที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังเดินไปยังตำหนักใหญ่ด้านหน้านางก็นึกถึงภรรยาของหานเฉิงอ๋องขึ้นมาได้ พรุ่งนี้ควรเป็นวันที่ทุกคนได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว พระชายาเอกของหานเฉิงอ๋องไม่มีทายาท นางอาจรู้สึกโดดเดี่ยวได้
บัดนี้หานเฉิงอ๋องกำลังทำเพื่อต้าโจวอยู่ที่ชายฝั่ง พระชายาเอกของหานเฉิงอ๋องไม่ควรอยู่อย่างเป็นกังวล
ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับเว่ยจง
“เจ้าส่งคนเชิญพระชายาเอกหานมาร่วมงานเลี้ยงในครอบครัววันพรุ่งนี้ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ
วันรุ่งขึ้นพระชายาหานไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับไป๋ชิงเหยียน
พระชายาเอกหานรับความหวังดีของไป๋ชิงเหยียน ทว่า นางรู้ว่าวันนี้คืองานเลี้ยงในครอบครัวของตระกูลไป๋ คนนอกอย่างนางไม่ควรไปรบกวนเวลาส่วนตัวในครอบครัวของผู้อื่น
พระชายาเอกหานรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเชิญนางไปร่วมงานเลี้ยงเพราะต้องการแสดงให้คนที่ดูถูกสามีของนางและนางรู้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวให้ความสำคัญกับหานเฉิงอ๋อง นางรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของไป๋ชิงเหยียนมาก
คนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวในวังหลวงด้วยจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก สตรีตระกูลบรรพบุรุษไป๋บางคนที่แต่งงานออกจากตระกูลไป๋แล้วพาครอบครัวของตัวเองกลับมาเยี่ยมตระกูลเพื่อหวังเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังด้วย พวกนางอยากให้ไทเฮาและฮูหยินตระกูลไป๋คนอื่นๆ ได้ยลโฉมบุตรสาวของพวกนางเพราะตอนนี้คุณชายของตระกูลไป๋ยังไม่ได้หมั้นหมายสักคน!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือตำแหน่งพระภัสดายังว่างอยู่ บุตรชายของพวกนางอยู่ในวัยที่เหมาะสม พวกนางควรหาโอกาสให้ไป๋ชิงเหยียนได้เห็นหน้าบุตรชายของพวกนาง หากไป๋ชิงเหยียนถูกใจบุตรชายของพวกนาง ตระกูลของพวกนางคงมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองแน่นอน
ครอบครัวของประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอต้องมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นเดียวกัน ทว่า ไป๋ฉีเหอถูกวางยาพิษ อีกทั้งเสียใจกับการกระทำของบุตรสาว เขาจึงดูแก่ลงกว่าเดิมหลายปี สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าใดนัก
ไป๋ชิงผิงสืบอย่างรวดเร็วว่าผูหลิ่วมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไป๋ฉีเหอถูกวางยาพิษด้วยหรือไม่ ผลปรากฏว่าผูหลิ่วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ผูหลิ่วเป็นคนฉลาดและเจียมตัว นางรู้ดีว่าฐานะของตัวเองต่ำต้อยจึงไม่เคยคาดหวังตำแหน่งฮูหยินของตระกูล นางแค่อยากให้ไป๋ฉีเหอแต่งภรรยาที่มีเมตาต่อพวกนางสองแม่ลูกเข้ามาในตระกูลเท่านั้น
ไป๋ฉีเหอเคยมีประสบการณ์มาแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้เขาจึงอยากแต่งงานกับภรรยาที่รู้ขอบเขต สงบเสงี่ยมและมีเมตตาเท่านั้น เขารับปากผูหลิ่วว่าเมื่อเขาแต่งงานกับภรรยาใหม่ครบสามปีเขาจะยกฐานะผูหลิ่วเป็นอนุชั้นสูง
สำหรับบ่าวรับใช้อย่างผูหลิ่วอนุชั้นสูงคือตำแหน่งสูงสุดที่นางจะปีนขึ้นไปได้แล้ว
เดิมทีไป๋ชิงผิงอยากเดินทางไปหามารดาฟางซื่อ ทว่า ไป๋ฉีเหอรั้งเขาไว้เสียก่อน เหตุผลแรกเป็นเพราะเขาเป็นห่วงชื่อเสียงของบุตรสาว อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ว่ามารดาของไป๋ชิงผิงเป็นคนเช่นนี้
ตอนนี้น้องสาวของไป๋ชิงผิงถูกขังอยู่แต่ในเรือน หากไม่ถึงวันแต่งงานน้องสาวของเขาไม่มีทางได้ออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว ไป๋ชิงผิงไม่อนุญาตให้นางพบน้องสาวคนเล็กของตระกูลเพราะกลัวนางจะทำให้น้องสาวคนเล็กนิสัยเสียไปด้วย
บ่าวรับใช้ของไป๋ฉีเหอนำจดหมายฉบับหนึ่งไปให้ฟางซื่อ…
ไป๋ฉีเหอบอกในจดหมายว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางซื่อจบลงอย่างเด็ดขาดเพียงเท่านี้เพราะฟางซื่อยุยงให้บุตรสาวของเขาวางยาบิดาของตัวเอง นับจากนี้เขาจะไม่คอยลอบช่วยเหลือฟางซื่ออีกแล้ว
เมื่อฟางซื่อได้รับจดหมายฉบับนี้ พี่สะใภ้ของฟางซื่อที่เดิมีหวาดกลัวอำนาจของไป๋ฉีเหอจึงส่งฟางซื่อไปอยู่ที่วัดโดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของนางอีกต่อไป
แม้วันนี้จะเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว ทว่า งานเลี้ยงจัดขึ้นในวังหลวงทุกคนจึงต้องรักษากฎระเบียบมากกว่าตอนอยู่ที่จวนไป๋
ทว่า ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนบอกไว้ว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการจัดงานเลี้ยงเพื่อส่งเงินไปสนับสนุนกองทัพที่ชายฝั่งแทน ครั้งนี้ต่งซื่อจึงไม่ได้จัดงานอย่างหรูหรามากนัก นางใส่ใจแค่รายละเอียดของอาหารในงานเลี้ยงเป็นสำคัญ
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนใดของตระกูลบรรพบุรุษไป๋เริ่มกล่าวขึ้นว่าฝีมือบรรเลงพิณของหลานสาวตัวเองเป็นเลิศ อยากบรรเลงให้ไป๋ชิงเหยียนฟังสักเพลง
เมื่อมีคนเริ่มประเด็นคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋คนอื่นๆ จึงต่างแย่งกันให้บุตรสาวและบุตรชายของตัวเองได้แสดงความสามารถที่ถนัดบ้าง
เมื่องานเลี้ยงที่ครึกครื้นจบลงตระกูลบรรพบุรุษไป๋จึงแยกย้ายกันกลับ บรรดาฮูหยินตระกูลไป๋พาเด็กๆ ไปที่ตำหนักของต่งซื่อ ไป๋ชิงเหยียนนั่งจิบชาอยู่กับบรรดาน้องๆ ของตัวเอง
“ในที่สุดก็สงบเสียที!”
ไป๋จิ่นจื้อแสดงสีหน้าซังกะตายออกมา
“นายคนนั้นรำดาบอันใดกัน เป็นบุรุษแท้ๆ กลับส่งสายตาหวานเยิ้มให้พี่หญิงใหญ่ถึงเพียงนั้น ช่าง…”
“คืนนี้เป็นงานเลี้ยงกันเองในครอบครัวของพวกเราแล้ว พวกเราจะได้ทานอาหารอย่างมีความสุขเสียที”
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ
“ตอนนี้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ล้วนอยู่ในเมืองหลวง หากพวกเราไม่เชิญพวกเขาเกรงว่าจะไม่เหมาะสมสักเท่าใดนัก”