สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1453 ทำตามทุกอย่าง
ตอนที่ 1453 ทำตามทุกอย่าง
เจียงไหวเซิงกล่าวจบก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้าเร็วมาทางค่ายทหารแต่ไกล ผู้นำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนคือสตรีสาวสวมชุดนักรบท่าทีองอาจ นางขี่ม้าเร็วมาถึงหน้าค่ายทหารแล้วกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลง เมื่อเห็นหน้าค่ายทหารมีทหารเรือเก่ากลับมาร่วมกองทัพมากมายสตรีผู้นั้นจึงลงจากหลังม้า นางกำแส้ม้าในมือแน่นเดินตรงมาทางพวกเขาพร้อมองครักษ์ จากนั้นชูป้ายคำสั่งในมือขึ้น “ไปตามแม่ทัพหลิวซูเฉิงมาพบข้า!”
หลิวซูเฉิงได้ยินจึงมองไปทางเจียงไหวเซิงแวบหนึ่ง จากนั้นรีบวิ่งไปหน้าค่ายทหาร เขาคาดเดาอายุของสตรีสาวท่าทีองอาจตรงหน้า เขาคิดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นเกาอี้อ๋องที่บุกเข้าไปในเมืองหานในตอนนั้น
“ข้าแม่ทัพหลิวซูเฉิง…” หลิวซูเฉิงโค้งกายทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ “คารวะใต้เท้า…”
ไป๋จิ่นจื้อมีป้ายคำสั่งอยู่ในมือ ทว่า นางไม่ได้บอกฐานะของตัวเองดังนั้นเรียกนางว่าใต้เท้าน่าจะเหมาะสมที่สุด
ไป๋จิ่นจื้อเก็บป้ายคำสั่งลง จากนั้นทำความเคารพหลิวซูเฉิง “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เรียกรวมตัวทหารเรือเก่ากลับมายังค่ายทหารเรือภายในวันที่ยี่สิบหก เดือนเก้า เพื่อบุกไปทำลายล้างแคว้นตงอี๋ ทรงมีรับสั่งให้แม่ทัพหลิวซูเฉิงเป็นคนดูแลเรื่องในค่ายทหารเรือทั้งหมด จงคัดเลือกอย่างเข้มงวด ห้ามปล่อยทหารใหม่เข้ามาในค่ายทหารเด็ดขาด!”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อเห็นหลิวซูเฉิงคุกเข่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้นจึงรีบประคองหลิวซูเฉิงให้ลุกขึ้น “แม่ทัพหลิวโปรดลุกขึ้นเถิด พี่หญิงใหญ่บอกว่าชาวประมงรู้จักทะเลดีที่สุด ตอนนี้นางจึงไปพูดคุยกับชาวประมง ให้แม่ทัพหลิวเป็นคนรับผิดชอบค่ายทหาร คืนนี้พี่หญิงใหญ่จะมาพบแม่ทัพหลิว พี่หญิงใหญ่บอกว่าแคว้นตงอี๋กล้าทำร้ายต้าโจว กล้าสังหารหานเฉิงอ๋องและทหารเรือยอดฝีมือของต้าโจว พวกเราก็จะทำลายล้างตงอี๋ แม่ทัพหลิวเตรียมตัวให้พร้อมด้วย!”
หลิวซูเฉิงมองสาวน้อยตรงหน้า เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋จิ่นจื้อเขาจึงรู้ว่าจักรพรรดินีเสด็จมาที่นี่จริงๆ…นางจะนำทัพบุกไปทำลายล้างตงอี๋ ไปรับร่างของหานเฉิงอ๋องกลับมาด้วยตัวเองจริงๆ นางมาเพื่อแก้แค้นให้หานเฉิงอ๋องและเหล่าทหารเรือจริงๆ !
จักรพรรดินีไม่ได้ปล่อยให้ทหารเรืออย่างพวกเขาต้องอดกลั้นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป ไม่ได้ไม่สนใจร่างของหานเฉิงอ๋อง
หลิวซูเฉิงขบกรามแน่น เขาโค้งกายคำนับไป๋จิ่นจื้ออีกครั้ง จากนั้นกล่าวขึ้นเสียงดังอย่างพยายามกลั้นสะอื้น “ฝ่าบาทและเกาอี้อ๋องไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ทหารเรืออย่างพวกกระหม่อมพร้อมจะทำตามบัญชาทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”
บัดนี้หลิวซูเฉิงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหานเฉิงอ๋องถึงได้จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีแห่งต้าโจวซึ่งเป็นเพียงสตรีถึงเพียงนี้
จักรพรรดินีต้าโจวไม่ได้ทำให้ทหารเรืออย่างพวกเขาต้องผิดหวัง ไม่ได้ทำผิดต่อความจงรักภักดีของหานเฉิงอ๋อง
ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น นางพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด จากนั้นยกมือคารวะหลิวซูเฉิง “ฝากแม่ทัพหลิวด้วย!”
“เกาอี้อ๋องไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ!” หลิวซูเฉิงทำความเคารพอีกครั้ง
ไป๋จิ่นจื้อก้าวขึ้นหลังม้า จากนั้นควบม้าทะยานไปทางค่ายทหารของกองทัพไป๋ทันที
ต่อมาทหารเรือเก่ามากมายที่อยู่ในเมืองจินกว่างต่างเดินทางมารายงานตัวที่ค่ายทหารเรือ พวกเขากล่าวว่าการปรากฏตัวของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่หน้าจวนที่ว่าการทำให้พวกเขายินดีรับใช้จักรพรรดินีองค์นี้ด้วยความจงรักภักดี ยินดีทำสงครามร่วมกับจักรพรรดินีที่ทำเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริงและกล้าหาญผู้นี้อย่างไม่เสียดายชีวิต
เมื่อไป๋จิ่นจื้อเดินทางไปถึงค่ายทหารกองทัพไป๋นางบอกกับทหารกองทัพไป๋ทุกคนว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงแล้ว ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจนำทัพบุกไปทำลายล้างแคว้นตงอี๋ ทหารกองทัพไป๋ทุกคนเลือดร้อนขึ้นมาทันที
เสี่ยวไป๋ไซว่คือสัญลักษณ์ความไม่เคยพ่ายแพ้ของกองทัพไป๋ เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึง…ทหารทุกคนของกองทัพไป๋เห็นลางการดับสูญของแคว้นตงอี๋มาแต่ไกลแล้ว
เฉิงหย่วนจื้อดีใจกว่าผู้ใดทั้งหมด เขาอยากไปแย่งศพของหานเฉิงอ๋องกลับมาจากตงอี๋นานแล้ว เมื่อได้ยินไป๋จิ่นจื้อกล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงแล้ว ขอบตาของเฉิงหย่วนจื้อร้อนผ่าวขึ้นทันที
“เสี่ยวไป๋ไซว่มาถึงแล้ว วาสนาของสุนัขตงอี๋ใกล้ดับสูญแล้ว!” เฉิงหย่วนจื้อขบกรามแน่น ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ค่ายทหารเรือในตอนนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก ทหารเรือดีใจกับการกลับมาของสหายร่วมรบ เลือดร้อนที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะนำทัพพาพวกเขาบุกไปทำลายล้างแคว้นตงอี๋ด้วยตัวเองจนอยากออกรบเสียตั้งแต่ตอนนี้
เมื่อมีทหารดีใจและตื่นเต้น ย่อมมีทหารเริ่มกังวลขึ้นมา
“ฝ่าบาทไม่เคยทำสงครามทางทะเลมาก่อน การนำทัพด้วยองค์เองสร้างกำลังใจให้พวกเราก็จริง ทว่า หากฝ่าบาทเป็นคนสั่งการรบ…เกรงว่าคงไม่เหมาะสักเท่าใดนัก พวกเราควรเตือนพระองค์หรือไม่ พวกเราต้องทำตามพระบัญชาของจักรพรรดิ ทว่า หากพ่ายแพ้ขึ้นมากองทัพอาจเสียขวัญได้”
แม่ทัพทหารเรือเปลี่ยนคำเรียกไป๋ชิงเหยียนจากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเป็นฝ่าบาทแล้ว
หลิวซูเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาททรงไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามมาก่อน ต่อให้แพ้ก็เป็นการแสร้งแพ้เพื่อล่อให้ศัตรูมาติดกับเท่านั้น”
“ทว่า สงครามทางทะเลไม่เหมือนกับสงครามบนบกนะ!” แม่ทัพทหารเรือคนหนึ่งขมวดคิ้วแน่น “ฝ่าบาททรงถนัดการรบบนบก ที่สำคัญการรบบนบกสามารถใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ได้ แต่ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ฝ่าบาทอาจทำเช่นนั้นไม่ได้ต่อให้เป็นเทพแห่งสงครามก็ตาม”
เจียงไหวเซิงมองดูแผนที่ทะเลแผ่นใหญ่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นกล่าวขึ้น “หลังจากข้าลาออกจากค่ายทหารเรือ ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงของต้าโจวมาบ้าง ได้ยินว่าเจิ้นกั๋วอ๋องเป็นคนรับฟังความเห็นของลูกน้องมาก ฝ่าบาททรงได้รับการถ่ายทอดนิสัยและคุณธรรมมาจากเจิ้นกั๋วอ๋อง ฝ่าบาทคงไม่ใช่คนที่ชอบใช้อำนาจถึงเพียงนั้น ฝ่าบาทต้องรับฟังคำแนะนำของทหารเรืออย่างพวกเราแน่นอน”
“ได้ยินเกาอี้อ๋องบอกว่าฝ่าบาทเสด็จไปทำความเข้าใจสถานการณ์จากชาวประมงใช่หรือไม่” แม่ทัพร่างกำยำบึกบึนคนหนึ่งกล่าวขึ้น “หากอยากรู้จักทะเล คนที่เข้าใจท้องทะเลมากที่สุดคือทหารเรืออย่างพวกเรา เหตุใดต้องไปสอบถามจากชาวประมงเหล่านั้นด้วย ฝ่าบาททรงกลัวว่าพวกเราจะหลอกพวกเดียวกันอย่างนั้นหรือ!”
“เจ้ากล่าวผิดแล้ว ฝ่าบาทของพวกเรา…เก่งกาจกว่าที่พวกเราคิดหลายเท่านัก!” เจียงไหวเซิงมองดูแผนที่ทางทะเลพลางยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาใช้นิ้วชี้เคาะลงบนแผนที่
“ชาวประมงออกทะเลนานกว่าพวกเรามากนัก บางทีพวกเขาอาจรู้จักสถานที่ที่พวกเราไม่รู้จัก พวกเขามีประสบการณ์บนท้องทะเลมาก ฝ่าบาททรงทำถูกแล้วที่ไปสอบถามจากพวกเขา ไม่แน่พวกเราอาจได้สิ่งใหม่ๆ จากพวกเขาได้”
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แม่ทัพยังคงนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ รู้ว่าอีกสักครู่ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางมาที่นี่ทุกคนจึงยังนั่งรอนางอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้พบหน้าจักรพรรดินีของต้าโจว แม้จะได้ยินเรื่องราวของนางมามากมาย ทว่า แม่ทัพทหารเรือทุกคนไม่รู้จักไป๋ชิงเหยียนมาก่อน ทุกคนจึงอดประหม่าไม่ได้
“เมื่อฝ่าบาทเสด็จกลับมาจากหมู่บ้านชาวประมง พระองค์คงเสด็จไปที่ค่ายทหารกองทัพไป๋ก่อนกระมัง”
กองทัพไป๋คือกองทัพหลักของจักรพรรดินีต้าโจว
คนในคนนอกแตกต่างกัน จักรพรรดินีเสด็จไปค่ายทหารกองทัพไป๋ก่อนถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
“ท่านแม่ทัพ…” ทหารเล็กรายงาน “แม่ทัพเฉิงพาแม่ทัพของกองทัพไป๋มาขอรับ”
“ออกไปต้อนรับ!” หลิวซูเฉิงเดินออกไปเป็นคนแรก เขามองเห็นเฉิงหย่วนจื้อพาหลิ่วผิงเกาและแม่ทัพกองทัพไป๋เดินตรงมาทางนี้อย่างดุดัน
เปลวไฟในคบเพลิงบนเสาสูงทั้งสี่มุมของค่ายทหารส่องสะท้อนเกราะเงินของแม่ทัพสิบสองคนของกองทัพไป๋จนเปล่งประกาย
“แม่ทัพทุกท่าน ไช่เซียนเซิง” หลิวซูเฉิงทำความเคารแม่ทัพทุกคนและไช่จื่อหยวน