สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1459 องค์ชายเจ็ด
ตอนที่ 1459 องค์ชายเจ็ด
“เจ้ารีบเข้าไปเถิด พี่สาวไป๋รอเจ้าอยู่ด้านใน” หลู่หยวนเผิงกล่าวกับฟ่านอวี้กาน “พวกข้ามีธุระต้องทำต่อ ขอตัวก่อน”
ฟ่านอวี้กานพยักหน้า เดิมทีเขาอยากขอโทษหลู่หยวนเผิงอีกครั้งที่ไม่สามารถปกป้องหลู่เฟิ่งหลางไว้ได้ตามสัญญาที่รับปากไว้ ทว่า หลู่หยวนเผิงวิ่งตามเกาอี้อ๋องไปไกลแล้ว เขาจึงหันไปกล่าวกับซือหม่าผิง “ไว้ค่อยสนทนากัน”
ซือหม่าผิงเอื้อมมือตบบ่าของฟ่านอวี้กานเบาๆ “ไปก่อนนะ…”
ฟ่านอวี้กานเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำพลางบอกว่าตัวเองทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง “ตอนนี้ใต้เท้าหลิ่วอยู่ที่แคว้นตงอี๋ หลู่เฟิ่งหลางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงกระหม่อมเท่านั้นที่รอดกลับมาได้อย่างหน้าไม่อาย เดิมทีกระหม่อมไม่มีหน้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทอีก ทว่า กระหม่อมยังไม่ได้มารับผิดกับฝ่าบาท กระหม่อมจึงยังไม่กล้าตายพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถิด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปพยักหน้าให้เว่ยจงประคองร่างของฟ่านอวี้กานที่ยังไม่หายดีขึ้นจากพื้น “แม้พวกเจ้าจะรายงานสถานการณ์ของตงอี๋ให้เรารับรู้ในฎีกาแล้ว ทว่า พวกเจ้าต้องเขียนอย่างสรุป ตอนนี้เจ้าจงนั่งลงเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังที”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ฟ่านอวี้กานเล่ารายละเอียดตั้งแต่ตอนที่หลู่เฟิ่งหลางนำของล้ำค่าไปมอบให้ฮองเฮาของตงอี๋ในวังหลวง เสนอแผนการให้ฮองเฮาปลอมแปลงราชโองการของจักรพรรดิและซ่อนไว้ใต้หมอนของจักรพรรดิตงอี๋เพื่อความสมจริง รวมถึงเรื่องที่หลู่เฟิ่งหลางแนะนำให้ฮองเฮาระบุในราชโองการว่าหากจักรพรรดิองค์น้อยกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวให้ฮองเฮาปลิดชีพตามจักรพรรดิองค์ก่อนของตงอี๋ไปทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนเกิดเหตุการณ์กบฏในวังหลวงขึ้นฮองเฮาส่งคนไปสังหารสายลับของต้าโจวที่อยู่ในตงอี๋หรือสายลับของต้าโจวทรยศตงอี๋กันแน่จึงได้ส่งคนมาแจ้งหลิ่วหรูซื่อว่าวังหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลง ให้พวกเขาหนีไปโดยเร็วที่สุดเช่นนี้
ต่อมาพวกเขาหนีออกจากตงอี๋ ทหารเรือของตงอี๋ไล่ตามพวกเขาทันในวันที่สี่ หลู่เฟิ่งหลางจึงได้สติว่าพวกเขาติดกับของฮองเฮาของตงอี๋แล้ว ฮองเฮาเตรียมทางรอดให้องค์ชายน้อยไว้นานแล้ว หากองค์ชายสองก่อกบฏและพบว่าทูตของต้าโจวหนีไปจากตงอี๋เขาต้องคิดว่าต้าโจวพาองค์ชายน้อยหนีไปด้วยเพื่อยกทัพกลับมาแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเขาโดยชอบธรรมแน่นอน
ทว่า องค์ชายน้อยน่าจะถูกพาหนีไปนานแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนฟังเรื่องราวทั้งหมดจบก็นิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าได้รับบาดเจ็บเพราะย้อนกลับไปช่วยหลู่เฟิ่งหลางอย่างนั้นหรือ”
ฟ่านอวี้กานเม้มปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “กระหม่อมทำชาวประมงต้องเสียชีวิตไปอีกสี่ห้าคน ต่อมากระหม่อมได้รับบาดเจ็บจนสลบไป กระหม่อมไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ต่อมาศพของหานเฉิงอ๋องถูกนำกลับไปยังแคว้นตงอี๋ แม่ทัพเรือคนใหม่ยังประกาศกร้าวว่าหากจักรพรรดินีต้าโจวไม่มารับศพของหานเฉิงอ๋องกลับไปด้วยตัวเองพวกเขาจะชำแหละร่างของหานเฉิงอ๋องออกเป็นชิ้นๆ และโยนให้สุนัขกิน!
อย่างน้อยหลู่เฟิ่งหลางก็เป็นหลานสาวของไท่เว่ยของแคว้นต้าโจว หากตงอี๋พาตัวนางกลับไปจริงคงต้องส่งข่าวใดกลับมาบ้าง ทว่า พวกเขาไม่ได้รับข่าวของหลู่เฟิ่งหลางจากตงอี๋เลย ฟ่านอวี้กานคิดว่าหลู่เฟิ่งหลางอาจเสียชีวิตอยู่กลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้นแล้วจึงยิ่งรู้สึกผิด เขาไม่มีหน้าไปพบสหายหลู่หยวนเผิงแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนนั่งถือถ้วยน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ในโถงรับรองท่ามกลางแสงไฟ
แสงไฟส่องกระทบใบหน้างดงามที่เรียบเฉยจนคนคาดเดาความรู้สึกไม่ออกของหญิงสาว
“พี่หญิงใหญ่ ฮองเฮาของตงอี๋ต้องส่งองค์ชายน้อยมายังแคว้นต้าโจวแน่นอนขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา “ฮองเฮาของตงอี๋วางแผนได้ดีมาก หากต้าโจวเปิดศึกกับตงอี๋คงมีคนพาตัวองค์ชายน้อยของตงอี๋มาพบพวกเราเพื่อหวังให้เขากลายเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของต้าโจวแน่ขอรับ”
แววตาของไป๋ชิงเหยียนยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม “เขาคงอยากยืมกำลังของต้าโจวขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิของตงอี๋มากกว่า”
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นหญิงสาวหันไปมองคำสารภาพของสายลับที่วางอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเจวี๋ย ไม่รู้นางคิดสิ่งใดอยู่จึงหยิบคำสารภาพของสายลับคนหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนบอกให้พวกเขาเขียนพฤติกรรมน่าสงสัยของเถ้าแก่โรงสุราและสิ่งที่เขาทำก่อนและหลังเกิดสงครามประมาณหนึ่งเดือนลงไปในคำสารภาพอย่างละเอียด ดังนั้นคำสารภาพจึงค่อนข้างหนา ไป๋ชิงเจวี๋ยพยายามคัดเลือกคำสารภาพที่ไม่ซ้ำกันมาให้พี่หญิงใหญ่อ่านแล้ว
คำสารภาพที่ไป๋ชิงเหยียนถืออยู่ในมือคือคำสารภาพของเด็กรับใช้คนหนึ่งในโรงสุรา เด็กรับใช้คนนี้ไม่ใช่สายลับ ทว่า ไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวหรือต้องการโยนความผิดทั้งหมดให้เถ้าแก้โรงสุรารับไว้ฝ่ายเดียวกันแน่ เขาจึงกล่าวว่าเถ้าแก่จะทำขนมท้องถิ่นไว้มากมายล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนก่อนถึงวันสิ้นปี จากนั้นพาคนสนิทของตัวเองออกทะเลไปพร้อมกับเสบียงอาหารแห้งมากมาย ประมาณแปดวันถึงจะกลับเข้าฝั่ง พวกเขาได้ชิมขนมท้องถิ่นที่เถ้าแก่ทำไว้ให้เช่นเดียวกัน ทว่า เมื่อกลับมาเขากลับพบว่าขนมที่เหลือและกล่องที่ใส่ขนมเหล่านั้นหายไปจนหมด หากคนอื่นๆ เป็นคนทานขนมหมดก็น่าจะเหลือกล่องไว้ แต่นี่หายไปทั้งขนมทั้งกล่องเขาจึงรู้สึกแปลกใจมาก
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง ไม่รู้ว่าเถ้าแก่โรงสุราหายไปที่ใดนานถึงแปดวัน
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด เขาน่าจะนำอาหารไปส่งให้ผู้ใดสักคน
ผู้ใดทำให้เถ้าแก่ต้องแอบไปส่งอาหารให้อย่างลับๆ เช่นนี้ด้วย ต้องเป็นคนที่เถ้าแก่สนิทสนมและเป็นห่วงมาก
ไป๋ชิงเหยียนพลิกอ่านคำสารภาพหน้าถัดไป ก่อนหานเฉิงอ๋องจะออกทะเลหนึ่งวันมีคนไปพบเถ้าแก่โรงสุรา หลังจากนนั้นเถ้าแก่จึงส่งคนไปทำความสะอาดจวนทางตะวันออกของเมืองที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นานจนสะอาดใหม่เอี่ยม
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันเรื่องทุกอย่างจึงเริ่มชัดเจนขึ้นในสมองของไป๋ชิงเหยียนทันที
“เซี่ยอวี่จั่ง จงรีบพาคนไปเชิญองค์ชายเจ็ดของตงอี๋ที่จวนฝั่งตะวันออกของเมืองมาพบข้าเดี๋ยวนี้” ไป๋ชิงเหยียนวางคำสารภาพลงบนโต๊ะ จากนั้นเงยหน้ามองเซี่ยอวี่จั่งด้วยแววตานิ่งขรึม “จงเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ ข้างกายขององค์ชายเจ็ดต้องมีองครักษ์ลับอยู่ด้วยแน่นอน ต้องจับพวกเขาให้ได้ทั้งหมด ห้ามปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” แม้เซี่ยอวี่จั่งจะไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนรู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายเจ็ดของตงอี๋อยู่ที่จวนทางตะวันออกของเมือง ทว่า เขายังคงรับคำด้วยความหนักแน่นเช่นเคย จากนั้นรีบพาคนตรงไปยังจวนทางฝั่งตะวันออกของเมืองทันที ฝ่าบาทของเขาไม่เคยคาดการณ์ผิดพลาดมาก่อน
ฟ่านอวี้กานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อทันที “ฝ่าบาท นี่มัน…”
“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ใต้เท้าคนใดเป็นคนส่งคนไปบอกหลิ่วหรูซื่อว่าองค์ชายสองบุกวังหลวงและคิดสังหารขุนนางต้าโจว…”
ฟ่านอวี้กานจ้องไปที่ดวงตานิ่งขรึมราบเรียบของไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวออกมาเสียงเบาราวกับแววตาของหญิงสาวมีมนต์สะกดให้คนเชื่อใจ “ซื่อหลางของกรมการคลังพ่ะย่ะค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า บอกให้ฟ่านอวี้กานนั่งลง จากนั้นบอกเรื่องหลู่เฟิ่งหลางกับเขา “หลู่เฟิ่งหลางได้รับการช่วยชีวิตกลับมาแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“นาง…นางอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านอวี้กานมีสีหน้าไม่อยากเชื่อระคนยินดี เมื่อนึกถึงหลู่หยวนเผิงที่รีบร้อนจากไปเมื่อครู่จึงรีบเอ่ยถามขึ้น “หลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงตามเกาอี้อ๋องไปพบหลู่เฟิ่งหลางใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “หากเจ้าไม่วางใจ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเยี่ยมนาง”
ฟ่านอวี้กานได้ยินเช่นนี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ได้แต่ก่นด่าหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงอยู่ในใจ เจ้าสองคนนั่นไม่บอกให้เขารู้สักคำ ปล่อยให้เขารู้สึกผิดอยู่ได้