สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1461 ขอบเขต
ตอนที่ 1461 ขอบเขต
“เจ้าคิดเหมือนพี่!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเจวี๋ยอีกนิดพลางกล่าวขึ้น “คืนนี้ลอบส่งคนเดินทางไปพบซื่อหลางของกรมการคลังที่ตงอี๋โดยอ้างว่าเป็นคนของเถ้าแก่โรงสุรา บอกกับซื่อหลางกรมการคลังให้เขาไปบอกฮองเฮาของตงอี๋ว่าครั้งนี้ต้าโจวจะยกทัพบุกไปตงอี๋และดึงองค์ชายสองลงมาจากบัลลังก์ให้ได้ ต้าโจวสามารถสนับสนุนองค์ชายเจ็ดขึ้นครองบัลลังก์ ทว่า ฮองเฮาจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ นางต้องหาทางช่วยเปิดประตูเมืองหลวงของตงอี๋ให้ต้าโจวเมื่อกองทัพของต้าโจวบุกไปถึงแคว้นตงอี๋ มิเช่นนั้นต้าโจวจะทำลายล้างตงอี๋ให้ดับสูญ จะไม่สนับสนุนจักรพรรดิหุ่นเชิดขึ้นครองบัลลังก์”
สายลับของฮองเฮาเป็นคนบอกเรื่องนี้กับฮองเฮา พวกเขาเป็นคนซ่อนตัวองค์ชายเจ็ดเอาไว้ ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยพบหน้าองค์ชายเจ็ดมาก่อน ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้เป็นคนสั่งให้คนนำเรื่องนี้ไปบอกให้ฮองเฮาของตงอี๋รู้
“องค์ชายเจ็ดมีของแทนกายหรือไม่ หากมีจงนำไปให้ฮองเฮาด้วย…” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยไอสังหาร “ในเมื่อนางกล้าหลอกใช้ต้าโจว นางก็ต้องรับผลลัพธ์ที่ตามมาให้ได้!”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยรับคำเสร็จจึงกล่าวต่อด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงใหญ่เหนื่อยมานานแล้ว พักผ่อนก่อนเถิดขอรับ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของน้องชายไป๋ชิงเหยียนจึงวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะพลางเอ่ยถาม “คนอยู่ด้านนอกแล้วใช่หรือไม่”
ไป๋ชิงเจวี๋ยพยักหน้า “อยู่ด้านนอกแล้วขอรับ”
“ให้ความสำคัญกับพวกเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “พี่จะพบพวกเขาสักครั้งเพื่อเห็นแก่หน้าน้องชายเจ็ดของพี่”
“พี่หญิงใหญ่เชื่อข้าเถิดขอรับ สี่คนนี้ต้องสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้ในวันข้างหน้าแน่นอนขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยลุกขึ้นพร้อมไป๋ชิงเหยียน จากนั้นประคองพี่สาวก้าวข้ามธรณีประตูออกไปด้านนอก
ทหารรักษาพระองค์สั่งให้บัณฑิตทั้งสี่ให้คุกเข่ารออยู่ตรงระเบียงทางเดินที่ไม่ไกลออกไป เมื่อบัณฑิตทั้งสี่เห็นไป๋ชิงเจวี๋ยเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนออกมาจากโถงรับรองด้านในพวกเขาจึงมองหน้ากันไปมา ทว่า ยังไม่ทันได้สติก็ถูกตีเข่าจนต้องคุกเข่าลงตามเดิมอีกครั้ง
แม้บัณฑิตทั้งสี่คนจะเป็นคนหยิ่งทะนง ทว่า พวกเขาไม่ได้ยโสถึงขนาดไม่ยอมคุกเข่าทำความเคารพจักรพรรดิของแคว้น พวกเขาแค่ไม่คิดว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะมีรูปโฉมที่งดงามเช่นนี้จึงเผลอมองจนลืมทำความเคารพ
แม้มองจากที่ไกลๆ ทว่า บัณฑิตทั้งสี่ต่างสัมผัสได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมีสิริโฉมงดงามเพียงใด
ไม่นานบัณฑิตทั้งสี่คนก็เห็นรองเท้าหนังกวางของไป๋ชิงเหยียนขยับเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก้มหน้าต่ำด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองรองเท้าหนังกวางของหญิงสาว
“พวกเจ้าสี่คนเป็นคนเสนอความคิดให้ภรรยาของคนขายเนื้อใช้ความโกรธของชาวบ้านทวงความยุติธรรมให้คนขายเนื้อ บังคับให้ทางการไปรับศพของหานเฉิงอ๋องกลับมาอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไพล่หลังมองบัณฑิตทั้งสี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นนิ่ง จากนั้นกล่าวด้วยเสียงไม่รีบร้อน “พวกเจ้าคิดว่าจักรพรรดินีอย่างข้าและราชสำนักต้าโจวจะทอดทิ้งหานเฉิงอ๋องและชาวบ้านแถบชายทะเลอย่างนั้นหรือ”
ทั้งสี่คนยังคงก้มหน้านิ่ง
“ผู้ใดเป็นคนเขียนคำร้องทุกข์” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
“ฝ่าบาท…” บัณฑิตสวมชุดสีเขียวกล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเทาเล็กน้อย เขารีบก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ตอนที่กระหม่อมเขียนหนังสือร้องทุกข์ให้สตรีกลางคนผู้นั้นกระหม่อมไม่คิดจริงๆ ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่โดยไม่สนใจการเดิมพันกับต้าเยี่ยนเช่นนี้ ยิ่งไม่คิดมาก่อนว่าฝ่าบาทจะทรงยกทัพไปทำลายล้างแคว้นตงอี๋เพื่อกำจัดภัยให้ชาวบ้านแถบชายทะเลดั่งที่ใต้เท้าผู้นี้กล่าวไว้ กระหม่อม…หากคำนวณจากเวลาแล้วฝ่าบาทน่าจะเสด็จมายังที่นี่โดยไม่หยุดพักทันทีที่ได้รับรายงานสถานการณ์รบ กระหม่อมเป็นบัณฑิตที่ใจแคบเกินไป กระหม่อมสร้างปัญหาให้ฝ่าบาทและต้าโจว กระหม่อมยอมรับผิดพ่ะย่ะค่ะ”
บัณฑิตชุดเขียวไม่ได้กล่าวผิด ตอนที่ใต้เท้าผู้นั้นกล่าวว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาทำสงครามกับตงอี๋ด้วยตัวเองพวกเขายังไม่อยากเชื่อสักเท่าใดนัก ทว่า เมื่อครู่ทหารพาตัวพวกเขามารอพบจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอยู่ที่นี่ พวกเขาลองคำนวณเวลาดูแล้ว ไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงเร็วกว่าการเดินทางมายังตงอี๋แบบปกติเสียอีกแสดงว่าหญิงสาวไม่ได้ออกเดินทางหลังจากรับรู้ว่าชาวบ้านแถบชายทะเลไม่พอใจ ทว่า หญิงสาวตัดสินใจออกเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่ได้รับรายงานสถานการณ์รบเพื่อทำลายล้างแคว้นตงอี๋ให้ดับสูญ เพื่อรับร่างของหานเฉิงอ๋องกลับแคว้น
แม้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเป็นเพียงสตรี ทว่า ความกล้าหาญของหญิงสาวทำให้พวกเขานับถือยิ่งนัก นางเห็นชาวบ้านของต้าเหลียงเป็นชาวบ้านของนาง ไม่อยากให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนเพราะสงครามจริงๆ
“เจ้าเขียนคำร้องได้ดีมาก พวกเจ้ารู้ว่าควรใช้ความโกรธของชาวบ้านเป็นเครื่องมือถือว่าเป็นคนมีความสามารถ ทว่า คราวหน้าอย่าได้ถูกผู้อื่นหลอกใช้อีก หากพวกเจ้าทำมันลงไปเพราะความคิดของตัวเองเราจะมองพวกเจ้าสูงกว่านี้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปมองไป๋ชิงเจวี๋ย “จงกั๋วอ๋องเห็นความสามารถของพวกเจ้า เราเห็นแก่ที่พวกเจ้าทำลงไปเพราะหานเฉิงอ๋อง คนขายเนื้อที่เสียชีวิตและชาวบ้านแถบชายทะเลจึงจะไม่เอาความพวกเจ้าในเรื่องนี้อีก ในเมื่อมีความสามารถเหตุใดจึงไม่สอบรับราชการ สวรรค์มอบความสามารถให้พวกเจ้าและส่งพวกเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกนี้ จงอย่าใช้ชีวิตให้เสียชาติเกิด!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปสื่อให้ไป๋ชิงเจวี๋ยพาคนจากไป นางเดินกลับไปพักผ่อนที่เรือนพร้อมกับเว่ยจง
ไป๋ชิงเจวี๋ยโค้งกายคำนับพี่สาวของตัวเองอยู่ที่เดิม “พี่หญิงใหญ่เดินระวังด้วยขอรับ…”
บัณฑิตชุดเขียวได้ยินจึงเงยหน้ามองบุรุษรูปงามที่กำลังโค้งกายทำความเคารพจักรพรรดินีของต้าโจวทันที
พวกเขาเพิ่งรู้ว่าใต้เท้าที่เดิมพันกับพวกเขาคือจงกั๋วอ๋องของแคว้นต้าโจว มิน่าคนผู้นั้นถึงได้มั่นใจนักว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะต้องเสด็จมาที่นี่ ที่แท้เขาก็รู้นานแล้ว กระทั่งเดินทางมาพร้อมจักรพรรดินีแห่งต้าโจวด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้เหล่าบัณฑิตคิดว่าไป๋ชิงเจวี๋ยเป็นเพียงคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ที่ใช้อำนาจของตระกูลเข้ามารับตำแหน่งในราชสำนักเท่านั้น
ทายาทตระกูลไป๋ออกรบฝึกฝนประสบการณ์ตั้งแต่อายุเพียงสิบขวบ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้น้องๆ ของตัวเองทันทีที่ขึ้นครองราชย์ ทว่า พระราชทานบรรดาศักดิ์อ๋องให้พวกเขาหลังจากที่พวกเขาทำลายล้างซีเหลียงได้สำเร็จ
บัณฑิตอย่างพวกเขารับรู้เรื่องนี้ดี
เมื่อส่งไป๋ชิงเหยียนจากไปเสร็จไป๋ชิงเจวี๋ยจึงหยัดกายขึ้น ชายหนุ่มมองไปทางบัณฑิตทั้งสี่ที่มีสีหน้าประหลาดใจด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
เมื่อเผชิญหน้ากับไป๋ชิงเจวี๋ยอีกครั้งบัณฑิตทั้งสี่นอบน้อมต่อชายหนุ่มมากกว่าเดิม
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดเซี่ยอวี่จั่งก็จับตัวองค์ชายเจ็ดของแคว้นตงอี๋และองครักษ์ลับของเขาได้ทั้งหมดที่จวนฝั่งตะวันออกของเมืองจินกว่าน
เซี่ยอวี่จั่งได้รับบาดเจ็บกลับมา องครักษ์ลับที่ฮองเฮาส่งมาคุ้มกันองค์ชายเจ็ดล้วนเป็นคนมีฝีมือ ไป๋ชิงเหยียนสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดหนีรอดไปได้เซี่ยอวี่จั่งจึงพาคนไปดักล้อมพวกเขาเอาไว้ เขาจึงได้รับบาดเจ็บกลับมาเล็กน้อย
เว่ยจงสั่งให้คนพาเซี่ยอวี่จั่งไปทำแผล เขายังไม่ได้เข้าไปรบกวนไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งพักผ่อนได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ช่วงนี้หญิงสาวเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อมาถึงยังต้องจัดการเรื่องราวมากมาย ตอนนี้หญิงสาวเหนื่อยล้ามากแล้ว เว่ยจงไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของหญิงสาวในตอนนี้
องค์ชายเจ็ดเป็นแค่องค์ชายของแคว้นที่กำลังจะดับสูญ ตอนนี้เขาอยู่ในมือของต้าโจวแล้ว เว่ยจงรู้ขอบเขตดีจึงไม่ได้ปลุกไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้ เขาแค่บอกให้เซี่ยอวี่จั่งปลดของแทนตัวขององค์ชายเจ็ดและให้คนนำไปมอบให้ไป๋ชิงเจวี๋ยเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนนอนหลับไปสองชั่วยาม เว่ยจงรายงานเรื่องที่องค์ชายเจ็ดถูก “เชิญ” มายังจวนแล้วให้ไป๋ชิงเหยียนฟังตอนหญิงสาวล้างหน้าแปรงฟัน “ฝ่าบาทจะพบองค์ชายเจ็ดของแคว้นตงอี๋เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”