สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1472 ทำให้สงบ
ตอนที่ 1472 ทำให้สงบ
ไม่นานเรือรบของต้าโจวที่อยู่กลางทะเลก็พากันหันหัวเรือกลับราวกับเมื่อสังหารแม่ทัพใหญ่ของตงอี๋สำเร็จแล้วเท่ากับพวกเขาเหยียดหยามตงอี๋สำเร็จแล้ว
ทหารเรือตงอี๋ไล่ตามหลังเรือรบของต้าโจวไปด้วยความโมโห ความเร็วของเรือทั้งสองฝ่ายรวดเร็วมาก ดูเหมือนว่าเรือรบของตงอี๋จะเร็วกว่าเรือรบของต้าโจวด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เรือรบของสองฝ่ายอยู่ในระยะประชิดถึงขนาดที่ทหารเรือของสองฝ่ายสามารถยิงธนูใส่กันได้ เรือรบของต้าโจวก็จะเร่งความเร็วทิ้งห่างเรือรบของตงอี๋ไปได้ทุกครั้ง
รองแม่ทัพของตงอี๋ยิ่งรู้สึกเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม เขาต่อยหมัดไปที่ราวกั้นเรือด้วยความโมโห จากนั้นตวาดให้ทหารเรือของตงอี๋รีบไล่ตามเรือรบของต้าโจวให้ทันเสียงดังลั่น
กองทัพไป๋ภายใต้การนำของไป๋ชิงเหยียนเดินไปทางไปถึงเกาะกวนเรียบร้อย
ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจแบ่งกองกำลังออกเป็นสองฝ่าย ไป๋ชิงเหยียนจะนำกองทัพกลุ่มหนึ่งเดินทางจากเกาะกวนไปรวมตัวกับเฉินชิ่งเซิงที่กวาตู้ตามเส้นทางตรงที่ตกลงกันไว้ในแผนการเดิม ส่วนไป๋ชิงเจวี๋ยกับไป๋จิ่นจื้อจะนำทัพเดินทางอ้อมเกาะกวนไปขึ้นที่แผ่นดินของตงอี๋ จากนั้นแบ่งเส้นทางโจมตีเมืองหลวงของตงอี๋ออกเป็นสองเส้นทาง
การทำเช่นนี้จะทำให้ทหารที่เดิมทีมีอยู่เพียงน้อยนิดของตงอี๋ไม่สามารถแบ่งกำลังออกเป็นสองฝ่ายและไม่สามารถส่งคนไปขอทัพเสริมได้ กองทัพไป๋ที่แข็งแกร่งและถนัดการรบบนแผ่นดินจะทำสงครามครั้งนี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
“ข้อเสียที่สุดของตงอี๋คือพื้นที่เล็ก ประชากรน้อย”
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าแผนที่ของตงอี๋พลางชี้นิ้วไปยังแผนที่
“ดังนั้นหากพวกเราแบ่งกองทัพโจมตีออกเป็นสองกองทัพ ตงอี๋จะไม่สามารถแบ่งกองกำลังออกเป็นสองฝ่ายและไม่สามารถส่งทหารไปขอทัพเสริมได้…”
สำหรับต้าโจวแล้วการแบ่งกองทัพออกเป็นสองฝ่ายคือการแบ่งขย้ำตงอี๋
“พี่หญิงใหญ่กล่าวมีเหตุผลขอรับ พี่หญิงใหญ่กับเสี่ยวซื่อพาทหารครึ่งหนึ่งเดินทางไปยังกวาตู้เถิดขอรับ ที่นั่นมีเฉินชิ่งเซิงอยู่ ข้าจะพาทหารอีกครึ่งไปขึ้นแผ่นดินตงอี๋ทางด่านหลิ่วขอรับ แบบนี้จะเหมาะสมกว่าขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่หญิงใหญ่คือจักรพรรดินีของแคว้น จะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นกับพี่หญิงใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด การขึ้นบกทางด่านหลิ่วเร็วกว่าขึ้นบกทางเมืองกวาตู้ ที่นั่นต้องเกิดการปะทะกันก่อนแน่นอน หากมีทัพเสริมจากที่อื่นมาช่วยเหลือพวกเขามันจะเสี่ยงอันตรายเกินไปขอรับ”
“ใช่เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่!”
ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวมีเหตุผล ทุกคนสามารถเกิดเรื่องได้ ทว่า จะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่หญิงใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่ต้องห่วง พี่จะเปิดศึกพร้อมพวกเจ้าตามแผนการเดิมที่ตกลงกับเฉิงชิ่งเซิงไว้”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ไป๋ชิงเจวี๋ยยังอยากโน้มน้าว
“ทว่า พี่หญิงใหญ่…”
“คำสั่งของกองทัพคือคำประกาศิต!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางไป๋ชิงเจวี๋ย นางกล่าวถ้อยคำนี้ออกมาแสดงว่าไม่มีการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น
เมืองกวาตู้มีเฉินชิ่งเซิงคอยรออยู่ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้นำทหารไปถึงครึ่ง ไป๋ชิงเจวี๋ยกับไป๋จิ่นจื้อพยายามคัดค้าน ทว่า สุดท้ายก็สู้คำสั่งประกาศิตของกองทัพไม่ได้
ไป๋ชิงเจวี๋ยกับไป๋จิ่นจื้อพากองทัพไป๋จำนวนมากกว่ามุ่งหน้าไปยังเมืองกวาตู้ ส่วนไป๋ชิงเหยียนพาเฉิงหย่วนจื้อและทหารกองทัพไป๋ไปยังด่านหลิ่ว
“ให้แม่ทัพเฉิงกับแม่ทัพเสิ่นติดตามพี่หญิงใหญ่ไปทั้งคู่เถิดขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวขึ้น
“มิเช่นนั้นข้ากับเสี่ยวซื่อคงไม่วางใจขอรับ”
ก่อนออกเดินทางงเฉิงหย่วนจื้อเรียกหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงมากำชับอย่างไม่วางใจ
“ข้าค่อนข้างไว้ใจซือหม่าผิง ทว่า หลู่หยวนเผิง…เจ้าจงจำไว้ว่าความสามารถของเจ้ายังไม่เพียงพอ จงอย่าคิดว่าตัวเองเก่งเหนือผู้ใดในใต้หล้าแล้วต้องให้ซือหม่าผิงมาคอยแก้ปัญหาให้เจ้าและบาดเจ็บเพราะเจ้าอีก แม่ทัพเสิ่นยังกล่าวว่าซือหม่าผิงเหมาะสมที่จะเป็นแม่ทัพ ความสามารถของเจ้าคือความกล้าไม่กลัวตาย! ทว่า เจ้าอย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับแม่ทัพที่แม่ทัพเสิ่นให้ความสำคัญเด็ดขาด!”
หลู่หยวนเผิง “…”
ใบหน้าของซือหม่าผิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าก็อีกคน!”
เฉิงหย่วนจื้อหันไปทางซือหม่าผิง
“หลู่หยวนเผิงชอบทำสิ่งใดไม่คิดหน้าคิดหลัง ต้องสร้างปัญหาให้เจ้าทุกครั้ง เดิมทีข้าอยากแยกพวกเจ้าออกจากกัน ทว่า ฝ่าบาททรงไม่อนุญาต มิเช่นนั้นข้าต้องแยกพวกเจ้าออกจากกันแน่!”
ไป๋ชิงเหยียนมีเหตุผลของนาง ตอนนี้ไป๋จิ่นจื้อรู้แล้วว่าหลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงล้วนมีใจให้นาง ไป๋ชิงเหยียนอยากให้พวกเขามีเวลาอยู่ร่วมกันมากกว่านี้ เช่นนี้เสี่ยวซื่อจะได้รู้ใจของตัวเองเสียทีว่าชอบหลู่หยวนเผิงหรือซือหม่าผิงกันแน่ หากเสี่ยวซื่อมีคู่ครองท่านอาสะใภ้สามจะได้วางใจเสียที
“แม่ทัพเฉิง จะออกเดินทางแล้ว!”
เสิ่นเหลียงอวี้ที่อยู่บนเรือตะโกนเรียกเฉิงหย่วนจื้อ เฉิงหย่วนจื้อรับคำ จากนั้นกำชับอีกครั้ง
“ปกป้องจงกั๋วอ๋องกับเกาอี้อ๋องให้ดี”
“ท่านแม่ทัพเฉิงไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
ซือหม่าผิงรับคำ
“ข้าวางใจเจ้ามาก ทว่า เขา…”
เฉิงหย่วนจื้อชี้ไปทางหลู่หยวนเผิง จากนั้นถอนหายใจยาวออกมาพลางเดินไปที่เรือของตัวเอง
พายุฝนเพิ่งหยุดตกในเมืองหลวงของต้าเยี่ยน เมฆทึบยังไม่สลายตัว แสงสีทองของดวงอาทิตย์ส่องผ่านก้อนเมฆหนาทึบกระทบลงบนหลังคากระเบื้องของวังหลวงของต้าเยี่ยน ภาพแกะสลักสัตว์มงคลที่อยู่บนหลังคาซึ่งถูกน้ำฝนชะล้างจนใสสะอาดกำลังส่องแสงเรืองรองราวกับมีชีวิตอยู่จริงๆ
เซียวหรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่นั่งอยู่ในศาลาหลบฝน ตรงหน้าของพวกเขาคือกระดานหมากล้อม ด้านข้างคือเตาน้ำชาสีแดง ม่านไม้ไผ่ถูกปลดลงมาจากเสาสีแดงทั้งสีต้นของศาลา เยว่สือและหวังจิ่วโจวยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอกศาลานิ่ง
น้ำฝนที่เกาะอยู่บนหลังคาศาลาหยดลงบนพื้นทีละนิด กาน้ำชาที่อยู่บนเตาเผากำลังเดือดระอุ ในมือของมู่หรงลี่คือสารลับที่เซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งมอบให้เขา เขาเบิกตาโพลงมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนอย่างไม่อยากเชื่อ
“ตราสารหนี้ของต้าโจว!”
นี่คือเรื่องที่เหนือความคาดหมายของมู่หรงลี่ สองแคว้นกำลังเดิมพันกันอยู่ เขาส่งทูตไปยังตงอี๋เพื่อร่วมมือกับองค์ชายสองของตงอี๋ เขายินดีมอบเสบียงอาหารให้ตงอี๋เปิดศึกกับต้าโจวเพราะอยากชนะเดิมพันในครั้งนี้เท่านั้น
แม้วิธีการจะต่ำช้าไปบ้าง ทว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการดับสูญของแคว้นมู่หรงลี่จึงจำต้องปลอบใจตัวเองว่าต้องทำเช่นนี้ เขาคิดว่าหากต้าโจวเปิดศึกกับตงอี๋ขึ้นมา ต้าโจวต้องรวบรวมเสบียงอาหารสำหรับกองทัพ เช่นนี้ชาวบ้านต้าเยี่ยนที่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองของต้าโจวต้องไม่พอใจแน่นอน หลังจากนี้พวกเขาต้องไม่ให้ความร่วมมือกับขุนนางต้าโจวแน่
ทว่า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะทำตราสารหนี้ขึ้นมาเช่นนี้ คนของท่านอาเก้ารายงานว่ามีคนของต้าเยี่ยนซื้อตราสารหนี้แล้วเช่นเดียวกัน หากหนึ่งเดือนหลังจากนี้ต้าโจวให้ดอกเบี้ยชาวบ้านจริงๆ ขุนนางของต้าโจวจะยิ่งมีความน่าเชื่อถือในสายตาของคนต้าเยี่ยน!
ต่อมาระบอบการปกครองใหม่ที่เสิ่นเทียนจือกำลังผลักดันในต้าเยี่ยนต้องราบรื่นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน
“เดิมทีข้าคิดว่าตอนนี้ต้าโจวกำลังเดิมพันแคว้นกับพวกเราอยู่ ต่อให้ตงอี๋จะยั่วยุต้าโจวเพียงใด ต่อให้พี่สาวไป๋จะโมโหเรื่องการเสียชีวิตของหานเฉิงอ๋องเพียงใดก็คงไม่เปิดศึกกับตงอี๋อยู่ดี!”
มู่หรงลี่วางสารลับลงบนโต๊ะด้านข้าง
“อย่างมากก็คงแค่เสนอผลประโยชน์ให้ตงอี๋ ทำให้ตงอี๋สงบลงก่อน…”