สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1495 ภัยที่ยังไม่ก่อตัว
ตอนที่ 1495 ภัยที่ยังไม่ก่อตัว
องค์ชายเจ็ดเสียโฉมเพราะคนที่องค์ชายสองส่งไปสังหารอย่างนั้นหรือ ช่างเสียโฉมได้ประจวบเหมาะอันใดเช่นนี้
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูสายลับของต้าเยี่ยนที่มารายงานเรื่องที่ฮองเฮาของตงอี๋ออกไปต้อนรับไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเองซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่กลางกระโจมนิ่ง “ลำบากเจ้าแล้ว เยว่สือ พาเขาไปรับรางวัลที”
“ขอบพระคุณท่านผู้สำเร็จราชการมากพ่ะย่ะค่ะ หน้าที่ของข้าคือรับใช้แคว้นอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…” คนผู้นั้นรีบกล่าวขอบคุณ
เมื่อภายในกระโจมเหลือเพียงเซียวหรงเหยี่ยนคนเดียวชายหนุ่มจึงถอดหน้ากากออกจากใบหน้า จากนั้นรินชาแล้วยกขึ้นจิบ เขามองดูไอร้อนในถ้วยชา รอยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
ดูเหมือนอาเป่าตั้งใจจะสร้างปัญหาให้อาลี่จริงๆ อย่างนั้นสินะ
องค์ชายเจ็ดในตอนนี้คงเป็นองค์ชายเจ็ดตัวปลอมแน่นอน ส่วนองค์ชายเจ็ดตัวจริงคงอยู่ในกำมือของไป๋ชิงเหยียนแล้ว ฮองเฮาของตงอี๋คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้ ดังนั้นนางจึงอวดฉลาดต่อหน้าอาเป่า ทว่า นางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งเช่นไร นางหลอกใช้ทูตของต้าโจวเพื่อปกป้องคนสำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเอง บัดนี้ยังคิดให้ต้าโจวช่วยแย่งบัลลังก์มาให้บุตรชายของนาง ทว่า นางไม่รู้ว่าอาเป่าไม่ใช่คนที่จะยอมอดกลั้นและทนโดนเหยียดหยามเพียงเพื่อชัยชนะของแคว้น
ตอนนี้จุดอ่อนของฮองเฮาตงอี๋อยู่ในมือของต้าโจว ฮองเฮาของตงอี๋คงได้แต่ยอมรับบุตรชายตัวปลอมคนนี้และให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ของตงอี๋อย่างจำนน เช่นนี้ตงอี๋ก็จะอยู่ในการควบคุมของต้าโจว ตงอี๋จะสร้างปัญหาให้ต้าเยี่ยนไม่หยุดหย่อน กระทั่งทำให้ต้าเยี่ยนต้องเปิดศึกกับตงอี๋
ที่เซียวหรงเหยี่ยนนำทัพมาที่นี่ก็เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ทว่า อาเป่ากลับใช้กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1]แทน
แม้ในสายตาคนภายนอกตงอี๋จะยังเป็นแคว้นตงอี๋อยู่ ทว่า แท้จริงแล้วตงอี๋ตกอยู่ในการควบคุมของต้าโจวแล้ว
ต้าเยี่ยนยุให้ตงอี๋สร้างปัญหาให้ต้าโจวเพราะอยากชนะการเดิมพนันในครั้งนี้ ตอนนี้ต้าโจวกำลังใช้วิธีเดียวกันกับต้าเยี่ยนเพื่อชัยชนะเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ต้าโจวเป็นฝ่ายถูกกระทำ ตอนนี้ต้าเยี่ยนกำลังจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างแล้ว!
สิ่งที่ต้าเยี่ยนทำได้ในตอนนี้ก็คือพยายามดึงฮองเฮาและองค์ชายเจ็ดในตอนนี้มาเป็นพวกของต้าเยี่ยนให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องหาตัวองค์ชายเจ็ดตัวจริงให้พบและนำเขามาอยู่ในกำมือของตัวเองให้ได้
“ลุงเฝิง”
เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยเรียก เฝิงเย่าได้ยินจึงแหวกม่านเดินเข้ามาด้านในทันที “นายท่าน…”
“ลุงเฝิง ท่านช่วยคัดยอดฝีมือออกไปตามหาองค์ชายเจ็ดในต้าโจวให้พบที องค์ชายเจ็ดน่าจะหนีไปที่เมืองจินกว่านเป็นเมืองแรก…” เซียวหรงเหยี่ยนหลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นลืมตามองเฝิงเย่า “ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางไปยังเมืองหลวงของต้าโจวแล้ว ลุงเฝิงให้คนเหล่านั้นรีบมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของต้าโจว สอบถามสายลับของเราที่อยู่ในเมืองหลวงของต้าโจวว่าคนที่ถูกทางการคุ้มกันมาจากเมืองจินกว่านพักอยู่ที่ใด เมื่อแน่ใจแล้วว่าคือองค์ชายเจ็ดของตงอี๋ให้ช่วยเขาออกมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!”
“ขอรับ!” เฝิงเย่ารับคำและจากไปทันที
เฝิงเย่าจากไปได้ไม่นานเยว่สือก็กลับเข้ามา เขาทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นกล่าวขึ้น “นายท่าน แม่ทัพเฉิงมารับนายท่านเข้าเมืองด้วยตัวเองขอรับ เขาบอกว่าให้นายท่านพาองครักษ์ไปแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ห้ามกองทัพใหญ่เข้าไปในเมืองหลวง เขาบอกให้นายท่านสบายใจได้ ต้าเยี่ยนเป็นแคว้นพันธมิตรของต้าโจว ตอนนี้กำลังเดิมพันแคว้นกับต้าโจวอยู่ ต้าโจวจะคุ้มครองความปลอดภัยของนายท่านเองขอรับ”
เยว่สือไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของเซียวหรงเหยี่ยน ผู้อื่นไม่รู้แต่เขารู้ดีว่านายท่านของเขาคือสามีของคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่รักนายท่านของเขา ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางทำร้ายนายท่านของเขาแน่นอน ทว่า นายท่านพาไปได้เพียงองครักษ์จำนวนหนึ่ง การตกลงเรื่องของแคว้นคงไม่ราบรื่นแน่นอน
“ได้…” เซียวหรงเหยี่ยนวางพู่กัน เขาโยนสัญญาพันธมิตรที่เขียนขึ้นใหม่ให้เยว่สือ จากนั้นหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมบนใบหน้า นี่คือสิ่งที่เซียวหรงเหยี่ยนคาดการณ์ไว้แล้ว ชายหนุ่มร้อนใจอยากเจอหน้าไป๋ชิงเหยียนจึงลุกขึ้นยืนพลางสั่งให้เยว่สือไปจัดองครักษ์ที่จะติดตามเข้าไปในเมืองหลวงของตงอี๋
ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนคาดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะยืนรอต้อนรับเขาอยู่ที่หน้าวังหลวงของตงอี๋โดยที่ยังไม่ได้ถอดชุดเกราะออกแม้แต่น้อย
เซียวหรงเหยี่ยนซ่อนรอยยิ้มในดวงตาไว้ไม่มิด เขาลงจากหลังม้า จากนั้นสาวเท้าเข้าไปหาคนที่ตัวเองคิดถึงอยู่ทุกคืนวันด้วยความรวดเร็ว
แสงแดดสีม่วงอ่อนบนท้องฟ้าฝังตะวันตกทอแสงกระทบเมืองหลวงของตงอี๋จนเมืองทั้งเมืองดูอบอุ่นยิ่งนัก แสงสีม่วงอ่อนคล้ายดอกกุหลาบงดงามกระทบลงบนหลังคากระเบื้องสีแดงและเสาใหญ่เคลือบน้ำมันของวังหลวงจนทำให้วังหลวงดูสว่างเรืองรองยิ่งกว่าเดิม
ลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิพัดพัดโชยมาเป็นระยะ หมู่นกกาโบยบินไล่ตามแสงของดวงอาทิตย์ไปทางตะวันตกบนท้องฟ้าสีคราม เหลือเพียงความโล่งของท้องนภาเท่านั้น
สองสายตาประสานกัน เซียวหรงเหยี่ยนกำมืออย่างพยายามข่มใจไม่ให้รวบตัวไป๋ชิงเหยียนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขามองเห็นหญิงสาวส่งยิ้มกว้างมาให้เขาท่ามกลางแสงแดดที่ส่องสว่าง รอยยิ้มของหญิงสาวงดงามจนความงามรอบกายไร้สีสันไปโดยปริยาย หญิงสาวดูโดดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสงยามอัสดง
เยว่สือที่อยู่ด้านหลังเซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
เซียวหรงเหยี่ยนโยนแส้ม้าในมือให้เยว่สือ จากนั้นก้าวไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คารวะจักรพรรดินีต้าโจว”
เซียวหรงเหยี่ยนจำเป็นต้องทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนเอามือไพล่หลังเห็นท่าทีจริงจังของเซียวหรงเหยี่ยนจึงกล่าวออกมายิ้มๆ “ผู้สำเร็จราชการไม่ต้องมากพิธี ตอนแรกต้าเยี่ยนสนับสนุนองค์ชายสองของตงอี๋ขึ้นครองบัลลังก์ เหตุใดตอนนี้จึงยกทัพมาช่วยต้าโจวสนับสนุนองค์ชายเจ็ดกัน”
เซียวหรงเหยี่ยนหยัดกายตรง รอยยิ้มในดวงตาซึ่งซ่อนอยู่ใต้หน้ากากกว้างขึ้นกว่าเดิม “ต้าเยี่ยนสนับสนุนองค์ชายสองขึ้นครองบัลลังก์ก็จริง ทว่า ต้าเยี่ยนไม่สนับสนุนเรื่องที่องค์ชายสองสังหารพี่น้องของตัวเองเพื่อบัลลังก์ พันธมิตรที่สังหารได้แม้แต่พี่น้องและบิดาของตัวเองคือภัยที่ยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่างของต้าเยี่ยน”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ สื่อว่าเห็นด้วยกับความคิดของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นนางได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวต่อ “ที่สำคัญต้าเยี่ยนเป็นพันธมิตรกับต้าโจว ตอนนี้สองแคว้นกำลังเดิมพันกันอยู่ ในเมื่อต้าโจวยกทัพบุกมาโจมตีตงอี๋ ต้าเยี่ยนย่อมต้องยกทัพมาช่วยเหลืออยู่แล้ว”
“ผู้สำเร็จราชการหมายความว่าจะปล่อยให้ต้าโจวได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ต้าเยี่ยนไม่ได้สิ่งใดเลยไม่ได้ใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงผายมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมอีกครั้ง จากนั้นเดินเข้าไปในวังหลวงของตงอี๋พร้อมกับไป๋ชิงเหยียน “จักรพรรดินีต้าโจวตรัสตรงเสียจริง”
ไป๋ชิงเหยียนเดินเคียงข้างเซียวหรงเหยี่ยนเข้าไปในวังหลวงของตงอี๋ด้วยรอยยิ้ม “พิธีบรมราชาภิเษกขององค์ชายเจ็ดจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โหรหลวงหาฤกษ์มงคลได้เป็นวันพรุ่งนี้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องเป็นเดือนหน้าเลย ขุนนางตงอี๋คิดว่าแคว้นไม่ควรไร้ผู้ปกครองจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับฮองเฮาของตงอี๋และมาถามความเห็นของเรา เราคิดว่าควรจัดพิธีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้คนตงอี๋เริ่มวุ่นวายเตรียมงานกันแล้ว เราว่างจึงออกมาต้อนรับผู้สำเร็จราชการด้วยตัวเอง”
[1] กลยุทธ์ถอนฝืนใต้กระทะ หมายถึงการแก้ปัญหาที่ต้นตอ