สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1520 ฟ้ากำหนดอายุขัย
ตอนที่ 1520 ฟ้ากำหนดอายุขัย
“สหายเก่าพบหน้ากัน ซีไหวอ๋องไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก
“วันนี้มีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงยังไม่ได้ทานอาหาร เสียมารยาทแล้ว”
“ฝ่าบาททรงมีงานต้องจัดการมากมายจนไม่มีเวลาเสวยอาหาร ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงสละเวลาพบกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ซีไหวอ๋องกล่าวพอเป็นพิธีกับไป๋ชิงเหยียนจบจึงนั่งลง เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“ฝ่าบาท ในเมื่อทรงตรัสว่าพวกเราคือสหายเก่า เช่นนั้นกระหม่อมไม่เกรงใจแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอบังอาจเรียกฝ่าบาทว่าน้องสะใภ้ น้องสะใภ้…ความจริงข้ามาที่นี่เพราะหลานชายของข้า”
ต่อให้ซีไหวอ๋องไม่กล่าวไป๋ชิงเหยียนก็พอเดาได้
“ก่อนหน้านี้ข้าไปตามหาเขาที่เมืองหลวงของต้าโจว ข้ารู้ว่าเขากลายเป็นองครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วอ๋อง เหมือนว่า…”
ซีไหวอ๋องเม้มปากแน่น ไม่นานจึงกล่าวขึ้น
“เหมือนว่าเขาต้องการหาโอกาสเข้าใกล้ผู้สำเร็จราชการและไทเฮาของต้าเยี่ยนเพื่อสังหารพวกเขา หลานชายของข้าเคยเป็นจักรพรรดิของแคว้นเว่ยมาก่อน ต่อมาแคว้นเว่ยถูกต้าเยี่ยนทำลายจนดับสูญหลานชายข้าจึงโกรธแค้นมาก หวังว่าน้องสะใภ้จะเข้าใจ ที่ข้ามาบอกความจริงน้องสะใภ้เรื่องนี้เพราะต้องการพาเขากลับไปก่อนที่เขาจะสร้างปัญหาใหญ่ให้ต้าโจว”
ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดบอกซีไหวอ๋องเรื่องที่ท่าป๋าเย่าอยู่ที่ตงอี๋ หญิงสาวจึงแสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างไม่รู
“จักรพรรดิเว่ยอยู่ที่จวนไป๋อย่างนั้นหรือ”
ซีไหวอ๋องไม่ปิดบังไป๋ชิงเหยียน
“เขาแฝงตัวเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วอ๋อง ข้าเคยพบเขาครั้งหนึ่ง ต่อมาเด็กนั่นกลับหายตัวไปที่ใดก็ไม่รู้ ข้ารู้ว่าเด็กนั่นคอนติดตามรับใช้อิงฮุ่ยจวิน ต่อมาเมื่อรู้ว่าอิงฮุ่ยจวินตามมาหาน้องสะใภ้ที่ชายฝั่งทะเลข้าจึงเดินทางตามมายังแคว้นเก่าของต้าเหลียง จากนั้นข้าได้ยินว่าอิงฮุ่ยจวินคุ้มกันร่างของหานเฉิงอ๋องเดินทางกลับเมืองหลวงไปแล้ว ทว่า น้องสะใภ้จะเดินทางไปยังแคว้นต้าเยี่ยน ข้าคิดว่าเด็กนั่นต้องตามขบวนของน้องสะใภ้มาแน่จึงรีบขี่ม้าตามมา น้องสะใภ้ได้โปรดเห็นแก่ที่ข้าเป็นสหายของหรงเหยี่ยนอนุญาตให้ข้าพาตัวเขากลับไปด้วยเถิด มิเช่นนั้นเขาอาจสร้างปัญหาใหญ่ให้น้องสะใภ้เมื่อเดินทางไปถึงต้าเยี่ยนได้!”
“จักรพรรดิเว่ยอายุยังน้อย…”
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบพลางขมวดคิ้วแน่น นางหันไปถามเว่ยจง
“ข้างกายน้องหญิงเจ็ดมีองครักษ์ที่อายุน้อยขนาดนั้นบ้างหรือไม่”
เว่ยจงเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
“ทูลฝ่าบาท เดิมทีอิงฮุ่ยจวินมีองครักษ์ที่อายุเท่านั้นอยู่คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ตอนที่ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้อิงฮุ่ยจวินคุ้มกันร่างของหานเฉิงอ๋องกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับแม่ทัพเฉิงและกองทัพไป๋ได้ยินว่าองครักษ์ผู้นั้นอยากตามมาคุ้มกันฝ่าบาท ดูเหมือนว่าเขาจะทะเลาะกับอิงฮุ่ยจวินอย่างรุนแรง จากนั้นจากไปโดยไม่ร่ำลาพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้อิงฮุ่ยจวินขอให้จงกั๋วอ๋องช่วยตามหาเขา หากพบเขาระหว่างทางไปต้าเยี่ยนให้ช่วยดูแลเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงหันไปก้มศีรษะให้ซีไหวอ๋องที่กำลังมองมาทางเขาน้อยๆ
“ทว่า จงกั๋วอ๋องยังหาตัวเขาไม่พบเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันไปทางซีไหวอ๋อง
“ตอนนี้ต้าเยี่ยนปิดแคว้นไม่ให้กองทัพต้าโจวเข้าไปในต้าเยี่ยน พวกเขาคงไม่อนุญาตให้จักรพรรดิเว่ยเข้าไปเช่นเดียวกัน ระหว่างทางข้าจะให้คนคอยตามหาเขาไปด้วย หากพบตัวเขาข้าจะให้คนพาเขาไปส่งให้ซีไหวอ๋องแน่นอน”
ซีไหวอ๋องได้เช่นยินเช่นนี้จึงถอนหายใจออกมา เขาเอนกายพิงที่พิงด้านหลังพลางขมวดคิ้วแน่น
“อาเย่าคือสายเลือดเพียงคนเดียวของพี่ชายข้า ข้าทำผิดต่อพี่ชาย ข้ายังมีชีวิตอยู่แท้ๆ ทว่า กลับดูแลอาเย่าไม่ได้”
เว่ยจงเหลือบมองไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นจิบยิ้มๆ ไม่ได้เอ่ยปลอบเขาจึงยืนนิ่งอยู่ด้านข้างเช่นเดียวกัน
“ตั้งแต่ที่แคว้นเว่ยดับสูญลง ข้าใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เมื่อก่อนข้ามีสหายมากมาย ทว่า เมื่อข้าเกิดเรื่องขึ้นถึงได้รู้ว่าหรงเหยี่ยนคือสหายที่แท้จริง หากเขายังอยู่…คงพอช่วยคลายความกังวลให้ข้าได้บ้าง” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ซีไหวอ๋องจึงนึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนคือภรรยาของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวคือคนที่เสียใจที่สุดกับการจากไปของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า เขากลับกล่าวเรื่องที่ทำให้หญิงสาวเสียใจเพียงเพราะตัวเองอารมณ์ไม่ดีออกมาเช่นนี้ เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“ได้ยินว่าน้องสะใภ้ได้ลูกแฝดชายหญิง หากหรงเหยี่ยนรู้เขาต้องดีใจมากแน่นอน!”
ซีไหวอ๋องกล่าวพลางล้วงป้ายหยกสองชิ้นออกมาจากอก จากนั้นส่งให้เว่ยจง
“นี่คือป้ายหยกที่ข้าใช้หยกที่หรงเหยี่ยนเคยมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ให้คนนำไปแกะสลักตอนที่รู้ว่าเจ้าคลอดลูกฝาแฝดออกมา หวังว่าหลานสาวและหลานชายของข้าจะมีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัย ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะสงคราม ได้อยู่กับน้องสะใภ้ไปตอลดชีวิต”
นี่คือคำอวยพรจากใจจริงของซีไหวอ๋อง เมื่อแคว้นของเขาดับสูญลงเขาจึงรู้ว่าการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวเป็นเรื่องยากลำบากเพียงใด
ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ความหวังดีของซีไหวอ๋อง นางรับหยกจากเว่ยจงมาพิจารณา ไม่เพียงเป็นหยกชั้นดีเท่านั้น การแกะสลักยังประณีตมากอีกด้วย หยกที่แกะสลักเป็นมังกรและหงส์สมจริงราวกับมันมีชีวิตอยู่จริงๆ
“ซีไหวอ๋องมีน้ำใจแล้ว ข้าขอบคุณท่านแทนลูกๆ ของข้าด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนรับหยกไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะให้คนช่วยออกตามหาจักรพรรดิเว่ยอีกแรง”
“ขอบใจน้องสะใภ้มาก”
ซีไหวอ๋องยกเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมดจอก
“หากหรงเหยี่ยนยังอยู่…คงดี”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นดวงตาของซีไหวอ๋องแดงก่ำเพราะเสียใจกับการจากไปของเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ นางก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะปลอบเขาเช่นไรดี
“น้องสะใภ้ ตอนนี้เจ้าคือจักรพรรดินีของต้าโจว ทว่า เจ้ากลับไม่แต่งตั้งภัสดาคนใหม่ขึ้นแทนที่หรงเหยี่ยนเสียทีแสดงว่าเจ้ายังลืมหรงเหยี่ยนไม่ได้เหมือนกันใช่หรือไม่! หากหรงเหยี่ยนรับรู้เรื่องนี้เขาคงรู้ว่าเขารักคนไม่ผิดจริงๆ”
ซีไหวอ๋องหัวเราะออกมาน้อยๆ
“ข้าอิจฉาความรักของพวกเจ้าจริงๆ”
ไม่เหมือนเขา ปกติภรรยาและอนุต่างบอกว่ารักเขามากกว่าชีวิตของตัวเอง ทว่า เมื่อเขาเกิดเรื่อง…คนเหล่านั้นต่างหนีหายไปหมดสิ้น
สวรรค์เป็นคนกำหนดชะตาและอายุขัยของมนุษย์ หากเขาได้มีความรักเหมือนที่ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนมี ต่อให้ตายไปเขาก็ไม่เสียดายสิ่งใดแล้ว!
“ซีไหวอ๋องยังหนุ่ม หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล…”
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคย
“วันหน้าท่านต้องพบสตรีที่เป็นเนื้อคู่ของท่านแน่ ท่านไม่ต้องรีบร้อนไป”
ซีไหวอ๋องได้ยินจึงรีบโบกมือ
“ช่างเถิด คนไร้บ้านอย่างข้าจะไปคิดเรื่องความรักได้อย่างใดกัน เป็นการทำลายอนาคตของสตรีเสียเปล่าๆ ข้าแค่อยากดูแลอาเย่าแทนพี่ชายของข้า ได้เห็นเขาแต่งงานมีครอบครัวก็พอใจแล้ว”
ซีไหวอ๋องกล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“น้องสะใภ้ เจ้าให้โอกาสอาเย่าได้สอบขุนนางได้หรือไม่ หากเขามีความสามารถ ให้เขากลายเป็นขุนนางรับใช้ต้าโจวได้หรือไม่”