สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1528 สะใจ
“ต่อมากระหม่อมจึงบอกพวกเขาว่าหากต้องการไปจากที่นี่มีเวลาเพียงแค่วันนี้เท่านั้น หากพ้นจากวันนี้ไปแล้วจะไม่สามารถไปจากเมืองได้อีก ถึงเวลานั้นหากมีคนเปลี่ยนใจจะถูกสังหารทิ้งทันที ชาวบ้านได้ยินจึงมีชาวบ้านอีกกลุ่มตัดสินใจไปจากเมืองพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นสั่งให้เว่ยจงเก็บอาหารออกไป นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก
“มีชาวบ้านจากไปจำนวนเท่าใด”
“สามร้อยหกสิบสี่คนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉียนหย่งจงจำเลขได้ขึ้นใจ
“ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนแก่ในครอบครัวอยากจากไปพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านั้นเคยร่วมทุกข์กับต้าเยี่ยนมากก่อน พวกเขาไม่เชื่อว่าราชสำนักจะปฏิเสธไม่รับพวกเขากลับเข้าเมือง ความจริงคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่อยากจากไป ทว่า คำว่ากตัญญูค้ำคอ อีกทั้งต้าโจวบอกว่าหากไปต้องไปทั้งครอบครัว พวกเขาจึงจำต้องไปจากเมืองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ทว่า ตอนนี้ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว ชาวบ้านที่กลัวว่าฝ่าบาทจะทอดทิ้งพวกเขาไปคงสบายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
รองแม่ทัพของเฉียนหย่งจงต้องการกล่าวปลอบไป๋ชิงเหยียน
“อีกไม่เกินสามวันคนเหล่านั้นคงย้อนกลับมาขอให้พวกเรารับกลับเข้ามาในเมือง บางทีอาจพาชาวบ้านเร่ร่อนมาเพิ่มด้วย จำไว้ว่าห้ามปล่อยเข้ามาแม้แต่คนเดียว!”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเว่ยจงถือชาเดินเข้ามาจึงส่งสัญญาณให้เขาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นมองไปทางเฉียนหย่งจงและรองแม่ทัพของเขา
“เราจะอยู่ที่นี่อีกแค่สองวันเท่านั้น จากนั้นจะเดินทางไปปลอบขวัญชาวบ้านที่เมืองอื่น เราอาจใช้เวลาหลายวัน ระหว่างนี้หากท่านหมอหงได้ยารักษาโรคที่ใช้ได้ผลกับชาวบ้านแล้วเราคงไม่กลับมาอีก พวกเจ้าให้คนพาหมอที่ท่านหมอหงเลือกให้อยู่รักษาชาวบ้านที่นี่ไปรวมตัวกับขบวนของเราด้วย”
หากชาวบ้านที่จากไปรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางรอดพวกเขาต้องย้อนกลับมาแน่นอน หากเวลานั้นไป๋ชิงเหยียนยังอยู่ในเมืองพวกเขาต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องนางแน่ หากไป๋ชิงเหยียนไม่ปล่อยให้ชาวบ้านเหล่านั้นเข้ามานางจะกลายเป็นคนใจร้ายทันที มีเพียงไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปยังเมืองอื่นแล้ว ชาวบ้านจึงจะไม่สามารถโทษนางได้
ไป๋ชิงเหยียนรู้เส้นทางการเดินทางของไป๋ชิงเจวี๋ย นางจะไปอีกเส้นทางจะได้ปลอบขวัญชาวบ้านได้มากขึ้น
“ทว่า เมื่อเราจากไปแล้ว พวกเจ้าคงต้องรับหน้าที่คนเลวแทนเรา ชาวบ้านเหล่านั้นคงต้องคุกเข่าอ้อนวอนพวกเจ้าแน่ ถึงเวลานั้นพวกเจ้าจงอ้างว่าเป็นคำสั่งของเรา พวกเจ้าไม่สามารถขัดราชโองการได้ นอกจากนี้จงส่งคนไปคุ้มกันโรงพักรักษาตัวให้ดีด้วย!”
แววตาของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลง
“หากพวกเขาคิดบุกเข้าไปในเมืองเพราะมีกำลังคนมากกว่า พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องออมมือ”
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้เฉียนหย่งจงและรองแม่ทัพรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเห็นพวกเขาเป็นคนของนางอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นคงไม่กล่าวออกมาว่าให้พวกเขาทำตัวเป็นคนเลวเช่นนี้
“ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบขอบเขตดี ในเมื่อชาวบ้านต้าเยี่ยนเหล่านั้นไม่อยากเป็นชาวบ้านของต้าโจวก็ไม่ควรย้อนกลับมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราอีก! ชาวบ้านต้าเยี่ยนที่อยู่ในเมืองจะได้รู้ว่าต้าโจวไม่ใช่ที่ๆ ผู้ใดคิดอยากเข้ามาก็จะเข้ามาได้พ่ะย่ะค่ะ”
เฉียนหย่งจงคิดว่าชาวบ้านที่จากไปแล้วเหล่านั้นจะกลับมาขอร้องพวกเขาขอกลายเป็นชาวบ้านต้าโจว ทั้งยังพาชาวบ้านเร่ร่อนเหล่านั้นมาด้วย เฉียนหย่งจงก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
ผู้ใดให้พวกนั้นไม่เชื่อคำของจักรพรรดินีของพวกเขากัน พวกเขากล้าคิดกระทั่งว่าฝ่าบาทของเขาโกหกเพราะไม่อยากให้คนของต้าเยี่ยนไปจากเมืองของต้าโจว ช่างโอหังเสียจริง!
ที่ใดจะมีจักรพรรดิที่ดีอย่างจักรพรรดินีของพวกเขาอีก มีโชคอยู่กับตัวแล้วยังไม่รู้จักรักษาไว้อีก
“เช่นนั้นก็ฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย เมื่อการเดิมพันระหว่างสองแคว้นจบลง เรา…จะตบรางวัลพวกเจ้าอย่างงาม!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับคนทั้งสอง
เฉียนหย่งจงและรองแม่ทัพรีบคุกเข่าคำนับขอบคุณ พวกเขาบอกให้ไป๋ชิงเหยียนพักผ่อนด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเดินออกไปจากห้องทันที
“ฝ่าบาท ฎีกาจากเมืองหลวงเพิ่งส่งมาถึงพ่ะย่ะค่ะ มีจดหมายลายพระหัตถ์ของไทเฮาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงสงสารที่หลายวันมานี้ไป๋ชิงเหยียนแทบไม่ได้พักผ่อนเลย หญิงสาวพบหน้าเฉียนหย่งจงและรองแม่ทัพระหว่างรับประทานอาหาร เขาอยากให้หญิงสาวมีเวลาพักผ่อนบ้าง ทว่า หากไม่ใช่เรื่องใหญ่ไป๋ชิงฉีไม่มีทางให้คนขี่ม้าเร็วนำฎีกามาให้ไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้ ดังนั้นเว่ยจงจึงไม่กล้าปิดบังหญิงสาว
“นำเข้ามาได้”
เว่ยจงรีบยื่นฎีกาให้ไป๋ชิงเหยียน
นี่คือฎีกาที่ฉินซ่างจื้อส่งมา เขากล่าวว่าหลานชายของซือหม่าเซิ่งอยากขยายเขื่อนให้กว้างกว่าเดิม เช่นนี้จึงจะลดปัญหาอุทกภัยเวลาฝนตกหนักได้
ฉินซ่างจื้ออธิบายปัญหาให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างละเอียดพร้อมแนบแผนที่มาด้วย…
เขากล่าวว่าหากคลังของแคว้นไม่เพียงพอสามารถทำตามแผนเดิมไปก่อนได้ เมื่อแคว้นได้รับชัยชนะค่อยขยายเขื่อนตามข้อเสนอของหลานชายซือหม่าเซิ่ง
ไป๋ชิงเหยียนอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด จากนั้นอ่านความเห็นของขุนนางในราชสำนักที่ไป๋ชิงฉีส่งมา
ตอนนี้ต้าโจวมีตราสารหนี้แล้ว นางไม่กลัวว่าเงินในคลังสมบัติไม่เพียงพอ ความจริงต่อให้ฉินซ่างจื้อไม่กล่าวออกมาตรงๆ ไป๋ชิงเหยียนก็มองออกว่าฉินซ่างจื้อกลัวว่าต้าโจวจะเสียแรงทำเขื่อนให้ต้าเยี่ยนโดยเปล่าประโยชน์หากสุดท้ายต้าเยี่ยนเป็นฝ่ายชนะการเดิมพันในครั้งนี้
ไป๋ชิงเหยียนครุ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบพู่กันเขียนอนุญาตให้ขยายเขื่อนได้
เหตุผลแรกเป็นเพราะหากขยายเขื่อนในภายหลังจะยุ่งยากกว่าการทำในตอนนี้
ประการที่สองหากเขื่อนป้องกันน้ำท่วมไม่ได้ เกิดปัญหาขึ้นมาผู้สูญเสียและเดือดร้อนคือชาวบ้าน มันไม่คุ้มสักนิด!
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงเขียนจดหมายขึ้นสองฉบับ ฉบับหนึ่งเขียนให้เว่ยปู้จิ้งส่งเงินไปปสนับสนุนการขยายเขื่อนของฉินซ่างจื้อ อีกฉบับส่งให้ฉินซ่างจื้อ
“มีจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งกลับไปยังเมืองหลวง อีกฉบับส่งให้ถึงมือฉินซ่างจื้อ!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงนำจดหมายสองฉบับเดินออกไปจากห้องทันที
เนื้อหาในจดหมายที่เขียนให้ฉินซ่างจื้อมีเพียงคำว่าอนุญาตให้สร้างเขื่อนเท่านั้น
เมื่อฉินซ่างจื้อเห็นจดหมายย่อมเข้าใจดีว่าควรซ่อมแซมเขื่อนเช่นไรต่อไป
เมื่อเว่ยจงเดินออกไปแล้วไป๋ชิงเหยียนจึงแกะจดหมายของมารดาออกอ่าน นางเดาได้ว่ามารดาของนางต้องดุนางแน่นอน เมื่อแกะจดหมายออก…เป็นอย่างที่นางคิดจริงๆ เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ท่านแม่ของนางโมโหมากจริงๆ
ทว่า ช่วงท้ายของจดหมายความเป็นห่วงบุตรสาวมีมากกว่าความโกรธทั้งหมด ต่งซื่อกำชับให้ไป๋ชิงเหยียนระวังตัวให้มาก ให้เชื่อฟังคำสั่งของหมอหง ต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อสี่เล่อและคังเล่อ หากนางกล้าป่วย กลับไปท่านแม่ของนางจะลงโทษให้นางคุกเข่าในหอบรรพชน ไม่ให้พบหน้าลูกๆ ของตัวเอง
เมื่อเว่ยจงเดินกลับเข้ามาด้านในหลังจากสั่งให้คนนำจดหมายไปส่งแล้วเขาก็เห็นไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงเก้าอี้หลับไปทั้งๆ ที่ยังถือจดหมายของต่งซื่ออยู่ในมือ
“ฝ่าบาท…”
เว่ยจงเอ่ยเรียกเสียงเบา ทว่า ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากไป๋ชิงเหยียน เว่ยจงไม่กล้าปลุกหญิงสาวจึงได้แต่ไปหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างให้นางอย่างเบามือ เขาสั่งให้คนยกเตาผิงเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย จากนั้นดับไฟและอยู่เฝ้าไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง
เว่ยปู้จิ้งถูกหลู่ไท่เว่ย ต่งซือถูและฮู่กั๋วอ๋องเรียกเข้าไปในวัง จากนั้นถ่ายทอดคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนที่สั่งให้เขาเตรียมเสบียง ยาสมุนไพรและเงินส่งไปยังต้าเยี่ยนให้เว่ยปู้จิ้รับรู้
นอกจากนี้ยังต้องส่งยาสมุนไพรและของจำเป็นไปยังชายแดนต้าโจวที่ติดกับต้าเยี่ยนเพื่อป้องกันโรคระบาดแพร่ไปที่นั่นด้วย
หลู่ไท่เว่ยเห็นเว่ยปู้จิ้งก้มหน้าอย่างใช้ความคิดจึงเอ่ยถามขึ้น
“ใต้เท้าเว่ยมีเรื่องลำบากใจหรือไม่”