สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1531 ก้มคำนับแนบพื้น
“เสี่ยวลิ่วตระกูลหลู่ เจ้าก็อย่าโอหังให้มากนัก! ข้าคือเกาอี้อ๋องของแคว้นต้าโจว พบหน้าข้าไม่รีบทำความเคารพกลับโวยวายเสียงดัง หากข้าฟ้องเรื่องของเจ้ากับหลู่ไท่เว่ย ช่วงวันหยุดนี้เจ้าได้ไปคุกเข่าอยู่ที่หอบรรพชนแน่” ไป๋จิ่นจื้อรู้วิธีจัดการกับหลู่หยวนเผิงแล้ว ปู่ของหลู่หยวนเผิงคือคนที่เขากลัวมากที่สุด ตอนนี้อยู่ในเมืองหลวงที่มีปู่ของเขาอยู่ ไป๋จิ่นจื้อไม่เชื่อว่าหลู่หยวนเผิงจะกล้าทำตัวโอหังอีก
หลู่หยวนเผิงได้ยินจึงเบิกตาโพลงราวกับไก่ที่ถูกบีบคอ เขาได้แต่โมโห ทว่า ทำสิ่งใดไม่ได้ทั้งสิ้น
คุณชายเสเพลที่อยู่ทางด้านหลังหลู่หยวนเผิงกลับทำความเคารพไป๋จิ่นจื้ออย่างนอบน้อม
ไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าจากไปโดยทิ้งคำกล่าวไว้เพียงให้หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงไปรับโทษโบยด้วยตัวเอง
“เจ้าเสี่ยวซื่อตระกูลไป๋ผู้นี้! พอพี่สาวไป๋ไม่อยู่เมืองหลวงก็ไม่มีผู้ใดคุมนางได้จริงๆ” หลู่หยวนเผิงกล่าวเสียงรอดไรฟัน
เมื่อเห็นเกาอี้อ๋องจากไปกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญที่สนิทสนมกับหลู่หยวนเผิงจึงเริ่มปากไม่มีหูรูดขึ้นทันที
คุณชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นยิ้มๆ “แม้ฝ่าบาทของพวกเราจะไม่อยู่ ทว่า ก็มีคนที่ยังคุมเกาอี้อ๋องได้อยู่ ได้ยินว่าตอนนี้ฮูหยินสามกำลังหาคู่ครองให้เกาอี้อ๋อง!”
“พอเกาอี้อ๋องแต่งงานก็จะมีคนคุมนางได้เองนั่นแหล่ะ!”
หลู่หยวนเผิงได้ยินเช่นนี้จึงโมโหจนหูแดงก่ำ เขากล่าวเสียงร้อนรน “เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย ฮูหยินสามเลือกคนได้แล้วหรือไม่ นางหมายตาตระกูลใดกัน”
“ได้ยินท่านแม่ของข้าบอกว่ายังเลือกไม่ได้ มีคนมากมายอยากแต่งงานกับเกาอี้อ๋อง ได้ยินว่าบางคนอยากจัดฉากวีรบุรุษช่วยหญิงงาม ทว่า สุดท้ายกลับถูกเกาอี้อ๋องตวัดแส้ใส่จนหนีแทบไม่ทัน”
“ข้าได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน ท่านแม่ของข้าบอกว่าเกาอี้อ๋องโหดถึงเพียงนี้คงหาคู่ครองได้ยาก!”
“กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก นางเป็นถึงเกาอี้อ๋อง มีคนมากมายอยากเป็นดองกับราชวงศ์ พวกเขาคงอยากยัดบุตรชายให้เกาอี้อ๋องเต็มแก่”
“นั่นน่ะสิ ท่านแม่ของข้ายังบอกให้ข้าลองสู้สักตั้ง นางอยากไปถามฮูหยินสามว่าคิดว่าข้าเป็นเช่นไรบ้าง ยังกล่าวอีกว่าแม้คุณหนูสามจะมีบาดแผลที่ใบหน้าก็มิเป็นอันใด อีกสองวันนางจะลองไปคุยเรื่องนี้กับฮูหยินสามดู พวกเจ้าดูสิว่านี่มันเรื่องอันใดกัน!”
ตระกูลของคุณชายเจ้าสำราญที่เป็นสหายกับหลู่หยวนเผิงได้ล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาล้วนทำตามความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่พวกที่เอนเอียงไปตามอำนาจ
พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาคงไม่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้อย่างหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิง ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดต้องเกาะชายกระโปรงผู้หญิงเพื่อให้ได้เป็นดองกับราชวงศ์ ดังนั้นขณะที่ตระกูลของพวกเขากำลังตื่นเต้นกับเรื่องนี้พวกเขาจึงรู้สึกลำบากใจมาก
แววตาที่เริ่มเมามายของซือหม่าผิงจ้องไปยังร่างของหลู่หยวนเผิง เมื่อเห็นหน้าของหลู่หยวนเผิงซีดเผือดลงจึงเดินไปกอดคอของหลู่หยวนเผิง จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ไปเถิด พวกเราไปรับโทษโบยกัน”
“พวกเจ้าจะไปจริงหรือ!” สหายคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เกาอี้อ๋องอาจแค่หยอกพวกเจ้าเล่นเฉยๆ”
ซือหม่าผิงหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “กฎของกองทัพไป๋ไม่ได้ตั้งขึ้นเล่นๆ”
สมองของหลู่หยวนเผิงเต็มไปด้วยคำกล่าวของสหาย ฮูหยินสามเริ่มหาคู่ครองให้ไป๋จิ่นจื้อแล้ว ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างอยากเป็นดองกับตระกูลไป๋
แต่ไรมาการแต่งงานเป็นการตัดสินใจของบิดามารดา หากถึงเวลานั้นฮูหยินสามเกิดถูกใจบุตรชายของตระกูลอื่นขึ้นมาเขาจะทำเช่นไรกัน
เมื่อลงมาจากโรงสุราซือหม่าผิงจึงกล่าวข้างหูของหลู่หยวนเผิงที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ “ออกมาจากโรงสุราแล้ว รีบกลับไปบอกท่านปู่ของเจ้าว่าเจ้าชอบเกาอี้อ๋อง ขอร้องให้ท่านปู่ของเจ้าทำให้เจ้าสมหวัง หากช้ากว่านี้…เสี่ยวซื่อตระกูลไป๋อาจตกเป็นของผู้อื่นไปแล้ว”
หลู่หยวนเผิงได้ยินดวงตาจึงเป็นประกายขึ้นทันที ที่แท้ซือหม่าผิงก็ไม่ได้จะพาเขาไปรับโทษ ทว่า ลากตัวเขาออกมาเพื่อให้เขามีโอกาสกลับไปหาท่านปู่ของเขา!
ทว่า…ท่านปู่ของเขาจะอนุญาตอย่างนั้นหรือ
แม้หลู่หยวนเผิงจะไม่ใช่คนฉลาด ทว่า เขารู้ดีว่าตอนนี้ตระกูลหลู่ได้รับความไว้วางใจจากพี่สาวไป๋ หากเขาได้แต่งงานกับไป๋จิ่นจื้อ ผู้อื่นอาจคิดว่าตระกูลหลู่ได้คืบจะเอาศอก ไม่รู้จักพอก็ได้!
ขนาดพี่ชายหลู่หยวนชิ่งที่โดดเด่นผู้นั้นของเขาเลือกคู่ครอง ท่านปู่กับท่านพ่อของเขายังคำนึงเรื่องที่ตระกูลหลู่ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาท ตั้งใจจะให้พี่ชายของเขาแต่งงานกับสตรีตระกูลต่ำศักดิ์กว่าเลย พวกเขาไม่เลือกสตรีจากตระกูลขุนนางที่มีตำแหน่งสูงกว่าระดับสี่ด้วยซ้ำ
หลู่หยวนเผิงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ทว่า เขาคิดว่าพี่ชายของเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลพ่อตาอยู่แล้วจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
ขนาดพี่ชายที่โดดเด่นของเขายังต้องแต่งงานกับสตรีที่ต่ำศักดิ์กว่า หากเขาบอกว่าเขาอยากแต่งงานกับเสี่ยวซื่อตระกูลไป๋ ท่านปู่ของเขาคงโมโหจนแทบกระเลือดแน่!
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของหลู่หยวนเผิงซือหม่าผิงจึงกอดคอหลู่หยวนเผิงอย่างแรง จากนั้นกล่าวเสียงจริงจัง “หากเจ้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ใดอีกแล้วนอกจากเสี่ยวซื่อก็จงรีบกลับไปบอกท่านปู่ของเจ้าเสีย ทว่า หากเจ้าไม่ได้อยากแต่งงานกับนางเพียงผู้เดียว วันหน้าก็อย่าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้วกัน”
หลู่หยวนเผิงขบกรามแน่น จากนั้นโค้งกายคำนับซือหม่าผิงอย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน “เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดของข้า ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับข้า ชาตินี้ข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดนอกจากนาง! ข้าจะกลับไปขอร้องท่านปู่ของข้าเดี๋ยวนี้ หากท่านปู่ของข้าไม่อนุญาตข้าก็จะคุกเข่าขอร้องจนกว่าเขาจะอนุญาต หากสำเร็จข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้า!”
หลู่หยวนเผิงกล่าวจบก็วิ่งออกไปด้านนอก จากนั้นตะโกนสั่งให้บ่าวรับใช้ที่รออยู่ด้านนอกไปจูงม้าของเขามาทันที
ซือหม่าผิงยืนมองหลู่หยวนเผิงก้าวขึ้นหลังม้าและควบม้าจากไปอยู่หน้าโรงสุรา เขากำหมัดแน่น ไม่นานจึงยิ้มออกมา…
“คุณชาย!” บ่าวรับใช้ของซือหม่าผิงเห็นท่าทีเมามายของซือหม่าผิงจึงรีบเข้าไปช่วยประคอง “กลับจวนเลยหรือไม่ขอรับ”
“กลับเลย” ซือหม่าผิงกล่าวเสียงเรียบ
บ่าวรับใช้ชายรับคำ จากนั้นประคองซือหม่าผิงจากไป
หลู่หยวนเผิงขี่ม้ากลับถึงจวนอย่างรวดเร็ว เขาลงจากหลังม้าเสร็จก็โยนแส้ม้าในมือให้บ่าวและเอ่ยถามขึ้น “ท่านปู่เล่า”
“เรียนคุณชายหก ไท่เว่ยอยู่ที่ห้องตำราขอรับ”
หลู่หยวนเผิงวิ่งไปหาปู่ของตัวเองที่ห้องตำราอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นปู่ของตัวเองกำลังอ่านสิ่งใดบางอย่างอยู่ หลู่หยวนเผิงก้มศีรษะคำนับแนบพื้นทันที
หลู่ไท่เว่ยตกใจจนมือสั่น เขาไม่เห็นหลู่หยวนเผิงทำความเคารพเขาเช่นนี้มานานแล้ว จากที่แล้วมายิ่งหลู่หยวนเผิงคุกเข่าคำนับอย่างนอบน้อมมากเพียงใดก็แสดงว่าความผิดยิ่งร้ายแรงมากเท่านั้น
หลู่หยวนเผิงเพิ่งกลับมา เขาไม่รู้ว่าหลานชายไปทำสิ่งใดผิดมาถึงได้ก้มคำนับเขาถึงสามครั้งเช่นนี้ ใจของหลู่ไท่เว่ยเต้นรัว คนแก่อย่างเขารับการคำนับอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ไหวแล้ว!
“ท่านปู่!” เมื่อคำนับครบสามครั้งหลู่หยวนเผิงจึงกล่าวขึ้น “ข้ามีสตรีที่ชอบแล้ว ท่านปู่ได้โปรดไปสู่ขอนางให้ข้าทีขอรับ”