สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1533 หวาดระแวง
ตอนที่ 1533 หวาดระแวง
หลู่ไท่เว่ยรู้ว่าบุตรชายของเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถรับตำแหน่งไท่เว่ยต่อจากเขาได้ อีกทั้งสนับสนุนที่เขาจะยกตำแหน่งนี้ให้แก่หลู่จิ้นต่อ ทว่า หลู่จิ่นเสียนยังอยากให้ตระกูลหลู่ที่มีรากฐานที่มั่นคงในเมืองหลวงและราชสำนักดังนั้นเขาจึงกล่าวว่าหากหลู่หยวนเผิงและเกาอี้อ๋องมีใจให้กันก็ควรทำให้พวกเขาสมหวัง
หลู่ไท่เว่ยคิดว่าบุตรชายของเขาคิดผิด หากเขาไม่รีบเปลี่ยนความคิดของบุตรชาย บุตรชายของเขาอาจทำสิ่งที่ยากจะแก้ไขตามมาได้
หลู่ไท่เว่ยพยายามตั้งสติท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างร้อนใจของหลู่หยวนเผิง จากนั้นเอ่ยถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง “น้องชายสองคนของเจ้ากับหยวนชิ่งอยู่หรือไม่”
“น้องทั้งสองอยู่ ทว่า หยวนชิ่งทำงานยังไม่กลับขอรับ…” หลู่จิ่นเสียนตอบ
หลู่ไท่เว่ยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เขาวางแส้ในมือลง จากนั้นมองไปทางหลู่หยวนเผิงซึ่งหลบอยู่ด้านหลังหลู่จิ่นเสียนพลางกล่าวขึ้น “หากเจ้าหลงรักสตรีจากตระกูลธรรมดา ขอเพียงตระกูลของนางใสสะอาด แม้นางจะเป็นเพียงบุตรสาวของชาวนา หากเจ้าอยากแต่งงานกับนางปู่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้า ทว่า เกาอี้อ๋องไม่ได้เด็ดขาด!”
“ท่านปู่กังวลว่าหากข้าแต่งงานกับเสี่ยวซื่อ…เกาอี้อ๋องข้าจะกลายเป็นหนึ่งในสามีของอ๋อง ทำลายเกียรติยศของตระกูลหลู่หรือขอรับ” หลู่หยวนเผิงเริ่มร้อนใจ เขาเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาคิดว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับไป๋จิ่นจื้อคือการที่นางคือเกาอี้อ๋อง
แม้แต่ซือหม่าผิงยังเคยกล่าวว่าหากเขาแต่งงานกับไป๋จิ่นจื้อเขาจะถูกมองว่าเป็นสามีของเกาอี้อ๋อง เหมือนกับที่สตรีแต่งงานออกเรือนออกไปแล้วถูกมองว่าเป็นภรรยาของตระกูลใดเช่นนั้น ตระกูลหลู่คือตระกูลของไท่เว่ย หากหลานชายของไท่เว่ยกลายเป็นสามีของอ๋องก็คงแปลกพิลึก
ทว่า หากแต่งงานกับองค์หญิงของแคว้นก็จะถูกเรียกขานว่าราชบุตรเขยอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นไป๋จิ่นจื้อคือเกาอี้อ๋อง เมื่อนางแต่งงานนางต้องมีจวนอ๋องเป็นของตัวเองแน่นอน สามีของอ๋องต้องสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องเช่นเดียวกัน นี่ไม่แตกต่างกับการแต่งเขยเข้าตระกูลสักนิด
เมื่อเห็นท่านปู่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาหลู่หยวนเผิงจึงยิ่งมั่นใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ เขารีบกล่าวขึ้น “ท่านปู่ ข้ารักเกาอี้อ๋องขอรับ พวกข้ามักหยอกล้อกันเล่นในกองทัพอยู่บ่อยครั้ง ชาตินี้ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ใดอีกนอกจากเกาอี้อ๋อง ท่านปู่ได้โปรดช่วยให้ข้าได้สมหวังด้วยเถิอขอรับ”
หลู่หยวนเผิงกล่าวจบจึงคุกเข่าก้มศีรษะแนบพื้นอีกครั้ง
หลู่ไท่เว่ยเห็นหลานชายตัวเองทำเช่นนี้ก็สงสาร ทว่า เขาต้องใจแข็ง เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นประคองหลู่หยวนเผิงขึ้นจากพื้น “ตระกูลหลู่ไม่เคยขอให้เจ้าทำสิ่งใดเพื่อตระกูลดังนั้นปู่จึงไม่ได้คาดหวังกับเจ้ามากนัก ปู่ดีใจมากที่เจ้ามีที่ยืนในกองทัพไป๋ได้ด้วยความสามารถของตัวเจ้าเอง ทว่า มีเพียงเรื่องของเกาอี้อ๋องเท่านั้นที่ปู่ไม่สามารถทำตามที่เจ้าขอได้!”
“ท่านปู่!” ใบหน้าของหลู่หยวนเผิงซีดเผือด “เหตุใดขอรับ”
หลู่ไท่เว่ยตบมือของหลานชายเบาๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “ทว่า เจ้าอยู่ในวัยที่ควรแต่งงานแล้วจริงๆ ข้าไม่ควรปล่อยเจ้าเช่นนี้ต่อไป ปู่เลือกคู่ครองที่ดีไว้ให้เจ้าแล้ว ขอเพียงฝ่ายหญิงตอบตกลง พวกเราสองตระกูลจะได้หมั้นหมายกัน เจ้าจะได้สบายใจ”
หลู่ไท่เว่ยไม่ได้บอกว่าสตรีที่เขาเลือกให้หลู่หยวนเผิงคือบุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้งเพราะฝ่ายหญิงยังไม่ได้ตอบตกลง หากเขาบอกออกไปแล้วสุดท้ายฝ่ายหญิงไม่ตอบตกลง ผู้ที่เสียชื่อเสียงก็มีแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้น
สีหน้าของหลู่หยวนเผิงยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม มิน่าซือหม่าผิงถึงให้เขารีบมาขอร้องท่านปู่ ซือหม่าผิงไม่ใช่คนที่ชอบกล่าวสิ่งใดโดยไร้มูล เขาต้องได้ยินข่าวใดมาแน่ๆ
หลู่หยวนเผิงรีบคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง “ท่านปู่ ข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดนอกจากไป๋จิ่นจื้อขอรับ!”
หลู่จิ่นเสียนเห็นเหตุการณ์จึงรีบกล่าวโน้มน้าว “ท่านพ่อ ลองถามความเห็นของฮูหยินสามตระกูลไป๋ดูดีหรือไม่ขอรับ หากหยวนเผิงและเกาอี้อ๋องมีใจให้กัน…”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” นี่เป็นครั้งแรกที่หลู่ไท่เว่ยโมโหถึงเพียงนี้
หลู่จิ่นเสียนเห็นบิดาของตัวเองโกรธขึ้นมาจริงๆ จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นเช่นเดียวกัน “ท่านพ่ออย่าโมโหไปเลยขอรับ”
หลู่ไท่เว่ยไม่สามารถสั่งสอนบุตรชายต่อหน้าหลานชายได้ เขาหันไปทางหลู่หยวนเผิง จากนั้นตะโกนขึ้น “ผู้ใดก็ได้มาพาตัวคุณชายหกไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชนเดี๋ยวนี้ หากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามปล่อยเขาออกมาเด็ดขาด ห้ามส่งน้ำส่งอาหารให้เขาแม้แต่หยดเดียว!”
หลู่ไท่เว่ยทำถูกแล้วที่จับหลู่หยวนเผิงขังไว้ในตอนนี้ หลู่หยวนเผิงเป็นคนอารมณ์ร้อน หากหลู่หยวนเผิงคิดว่าขอร้องเขาไม่มีประโยชน์และไปสู่ขอไป๋จิ่นจื้อที่ตระกูลไป๋ด้วยตัวเองขึ้นมา ถึงเวลานั้นคงแก้ไขอันใดไม่ได้แล้ว
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของหลู่ไท่เว่ยคือยอดฝีมือของตระกูลหลู่ ฝีมือของหลู่หยวนเผิงในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย ไม่นานหลู่หยวนเผิงจึงถูกลากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านปู่! ท่านปู่! ข้าขอร้องขอรับ ข้ารักเกาอี้อ๋องจริงๆ นะขอรับ”
หลู่ไท่เว่ยไม่มองหลู่หยวนเผิงแม้แต่น้อย ไม่นานเสียงของหลู่หยวนเผิงก็หายไปจากห้องตำรา
หลู่ไท่เว่ยมองไปทางหลู่จิ่นเสียนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “จิ่นเสียน พ่อรู้ดีว่าเจ้าไม่เคยโกรธที่พ่อจะส่งต่อตำแหน่งไท่เว่ยให้หลู่จิ้น อีกทั้งยังช่วยพ่อสนับสนุนเขา เจ้าเชื่อฟังที่พ่อบอกว่าห้ามทายาทตระกูลหลู่แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์กว่า! แม้เจ้าจะทำตามคำสั่งของพ่อ ทว่า ใจของเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”
ความจริงสองพ่อลูกรู้เรื่องนี้ดี ทว่า ไม่มีผู้ใดกล่าวมันออกมาตรงๆ เท่านั้น ภายนอกยังดูเหมือนพ่อลูกกตัญญู ลูกเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ
สีหน้าของหลู่จิ่นเสียนไม่ได้ดีสักเท่าใดนัก เขาเงยหน้ามองบิดาของตัวเองอย่างตัดสินใจได้ “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำเพื่ออำนาจของตัวเอง ข้าแค่คิดเพื่ออนาคตของตระกูลหลู่ในภายภาคหน้าขอรับ ที่ตอนนี้ตระกูลเรารุ่งเรืองมีหน้ามีตาในราชสำนักเป็นเพราะท่านพ่อยังอยู่ ท่านกล่าวว่าขอเพียงตระกูลหลู่ของพวกเรามีเด็กที่โดดเด่นอย่างหยวนชิ่งอยู่ตระกูลหลู่ไม่มีทางเสื่อมอำนาจ ทว่า พวกเราไม่ต้องห่วงทายาทคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เก่งเท่าหยวนชิ่งแล้วหรือขอรับ ผู้ใหญ่อย่างพวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองหรือขอรับ พวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อลูกหลาน เพื่อสืบทอดความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลขอรับ!”
หลู่ไท่เว่ยมองบุตรชายของตัวเองนิ่ง เขาไม่ได้คัดค้านคำของบุตรชาย ได้แต่มองเขานิ่ง…
“ข้าขอกล่าวอย่างบุตรอกตัญญู ตอนนี้ท่านพ่อคือไท่เว่ยของราชสำนัก ทั้งๆ ที่ท่านสามารถใช้ตำแหน่งของท่านปูทางที่ดีให้ทายาทของตัวเองได้ ทว่า ท่านกลับตัดอนาคตของทายาทตัวเอง ทำตัวเป็นขุนนางผู้จงรักภักดีเช่นเดียวกับที่เจิ้นกั๋วอ๋องเคยทำ ข้าคิดว่าท่านเห็นแก่ตัวเกินไปขอรับ ขนาดเจิ้นกั๋วอ๋องเองยังไม่เคยบีบทายาทของตัวเองถึงขนาดไม่ให้พวกเขาแต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์กว่าเลยขอรับ”
“ที่สำคัญไปกว่านั้นฝ่าบาทของพวกเราในตอนนี้ไม่ได้โหดร้ายและขี้หวาดระแวงเหมือนกับจักรพรรดิต้าจิ้น ฝ่าบาทไม่มีทางหวาดระแวงตระกูลหลู่เพียงเพราะตระกูลของเราแต่งงานกับตระกูลสูงศักดิ์อื่นหรอกขอรับ! เสี่ยวลิ่ว…หลานชายแท้ๆ ของหลู่ไท่เว่ยคู่ควรและเหมาะสมกับเกาอี้อ๋องมาก เหตุใดท่านพ่อจึงไม่ให้พวกเขาได้สมหวังกันขอรับ”