สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1535 พื้นเพ
ตอนที่ 1535 พื้นเพ
หลู่ไท่เว่ยเป็นคนชอบมองไกลถึงอันตรายในช่วงเวลาที่กำลังสงบสุข ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลหลู่จะดูรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ ฝ่าบาทของพวกเขาให้ความไว้วางพระทัยตระกูลหลู่มาก พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรมอย่างที่สุด ทว่า ในอดีตมีตัวอย่างให้เห็นมากมายว่าจักรพรรดิที่เคยทรงคุณธรรมกลับกลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้คุณธรรมในวันข้างหน้าได้
หากตระกูลหลู่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมในตอนนี้ ด้วยความปรีชาชาญของฝ่าบาท พระองค์ต้องเดาได้แน่ว่าตระกูลหลู่ไม่คิดเป็นขุนนางที่มีอำนาจ ไม่คิดแบ่งฝ่ายในราชสำนัก
เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องลงจากตำแหน่งเขายังสามารถทูลขอป้ายสำนักศึกษาจากฝ่าบาท กลับไปเปิดสำนักศึกษาเพื่อหาคนเข้ามารับใช้ราชสำนักได้อีกด้วย เช่นนี้บัณฑิตเหล่านั้นก็จะสำนึกในบุญคุณของตระกูลหลู่ ทว่า เขาสามารถอ้างได้ว่าเขาเปิดสำนักศึกษาแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อบัณฑิตในใต้หล้าทุกคน
ถึงเวลานั้นอนาคตของตระกูลหลู่จึงจะรุ่งเรืองอย่างแท้จริง
หากตระกูลหลู่เริ่มแย่งชิงอำนาจตั้งแต่ตอนนี้อาจทำให้ฝ่าบาทคิดว่าตระกูลหลู่โลภมากได้ หากหลู่ไท่เว่ยยังอยู่ฝ่าบาทอาจเห็นแก่หน้าของหลู่ไท่เว่ยไม่ทำอันใดตระกูลหลู่ ทว่า เมื่อใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง หลู่ไท่เว่ยเสียชีวิตลง คนปรีชาชาญอย่างฝ่าบาทจะปล่อยให้ขุนนางตระกูลใดฝักรากลึกในราชสำนักได้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทางแน่นอน! จักรพรรดิฉลาดมากเท่าใดก็ยิ่งชอบขุนนางที่ซื่อสัตย์มากเท่านั้น พวกเขาไม่ชอบขุนนางที่มีอำนาจแน่นอน
มีเพียงจักรพรรดิที่อ่อนแอไร้ความสามารถเท่านั้นถึงจะชอบขุนนางที่มีอำนาจ
คิดจะฝักรากลึกในราชสำนักของต้าโจวอย่างนั้นหรือ เกรงว่ายังไม่ทันได้เริ่มต้น…ฝ่าบาทก็คงถอนรากถอนโคนตระกูลหลู่จนเกลี้ยงแล้ว
ฝ่าบาทไม่ใช่คนไร้ความสามารถและไร้แผนการ ฝ่าบาทเกิดมาในตระกูลนักรบ พระองค์มีอำนาจทางทหารอยู่ในมืออย่างแท้จริง แคว้นต้าโจวเพิ่งถูกสถาปนาขึ้นไม่นาน เหล่าทหารไม่ได้เป็นสิ่งอันตรายสำหรับฝ่าบาท การกำจัดขุนนางมีอำนาจเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับฝ่าบาทมาก ขนาดเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ต้าจิ้นเหล่านั้น…ยังถูกฝ่าบาทจัดการจนอยู่หมัดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนใดกล้าออกมาก่อความวุ่นวายทั้งสิ้น
ตอนนี้ตระกูลหลู่ของพวกเขามีสิ่งใดกัน มีอำนาจทางทหารอย่างนั้นหรือ…เปล่าเลย พวกเขามีเพียงความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทเท่านั้น!
เมื่อเห็นบุตรชายไม่กล่าวสิ่งใดราวกับยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดหลู่ไท่เว่ยจึงกล่าวต่อ “แม้ตอนนี้ฝ่าบาทจะทรงไว้วางพระทัยตระกูลหลู่เช่นเดียวกับฮู่กั๋วอ๋อง เจิ้นกั๋วอ๋อง ฝู่กั๋วอ๋องและน้องคนอื่นๆ ของพระองค์ ทว่า ลูกข้า…เจ้าจงอย่าลืมว่าต้าโจวกำลังเดิมพันแคว้นกับต้าเยี่ยนอยู่ เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่ง ระบบในราชสำนักต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยนิสัยของฝ่าบาทพระองค์ต้องแบ่งความสำคัญให้ต้าโจวและต้าเยี่ยนอย่างเท่าเทียมกันแน่นอน ถึงเวลานั้นพ่อจะลงจากตำแหน่ง อีกสามปีข้างหน้าขุนนางใหญ่ที่เจ้าเลือกไว้เป็นพวกจะยังได้อยู่ในตำแหน่งนี้อีกหรือ ทว่า หากเจ้าเลือกบัณฑิตที่อนาคตไกล วันหน้าพวกเขาต้องทำประโยชน์ให้เจ้าได้มากอย่างแน่นอน”
แม้อายุของหลู่จิ่นเสียนจะถึงวัยกลางคนแล้ว ทว่า เขาหลงระเริงเกินไปสักนิด การคิดจะฝักรากลึกให้ตระกูลหลู่ในตอนนี้ยังเร็วไปมาก!
สองแคว้นยังไม่ได้รวมเป็นหนึ่ง เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนี่งแล้วตำแหน่งขุนนางในราชสำนักก็มีอยู่เท่าเดิมอยู่ดี ฝ่าบาทจะไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งขุนนางทั้งหมดใหม่อย่างนั้นหรือ
ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจัดการทดสอบครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งก็ได้
นับตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์พระองค์แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ผู้ที่ทำความดีความชอบเท่านั้น แม้ตอนนี้ฝ่าบาททรงยังไม่แตะต้องพวกที่มีบรรดาศักดิ์มาตั้งแต่ราชวงศ์ต้าจิ้น ทว่า เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งพระองค์ต้องหันมาเปลี่ยนพวกที่มียศเหล่านี้แน่นอน
เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งก็เท่ากับเกิดแคว้นใหม่ขึ้น แน่นอนว่าควรแต่งตั้งขุนนางและบรรดาศักดิ์ใหม่ตามความสามารถ หลู่ไท่เว่ยรู้จักจักรพรรดินีองค์นี้ดี นางเป็นจักรพรรดินีที่ทรงคุณธรรมที่ตัดสินคนจากความสามารถ ดังนั้นฝ่าบาทจึงไม่ให้บรรดาศักดิ์หรือตำแหน่งในราชสำนักแม้แต่กับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ของตัวเอง
ฝ่าบาทของพวกเขาเสียดายบรรดาศักดิ์อย่างนั้นหรือ เปล่าเลย ฝ่าบาทของพวกเขาเป็นคนมีพระทัยกว้างขวางและเมตตามาก ที่นางยังไม่มอบบรรดาศักดิ์เป็นเพราะนางคงอยากรอให้สองแคว้นรวมเป็นหนึ่งเสียก่อน
ฝ่าบาทเป็นคนที่เดินหนึ่งก้าวมองการณ์ไกลไปสิบก้าว นางคงวางแผนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว…
เมื่อได้ยินแผนการของบิดาหลู่จิ่นเสียนจึงไม่เถียงสิ่งใดอีก ที่แท้บิดาของเขาก็หวังสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าถึงขนาดที่ลูกชายแท้ๆ อย่างเขายังมองไม่ออกว่าบิดากำลังวางแผนสิ่งใดอยู่นี่เอง
บิดาของเขาจะค่อยๆ ฝังรากลึกในราชสำนักต้าโจวให้ตระกูลหลู่โดยที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกต
แน่นอนว่าต้องค่อยๆ ทำอย่างไม่ให้มีผู้ใดล่วงรู้จริงๆ…
เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้หลู่จิ่นเสียนจึงกล่าวขอโทษบิดา “ท่านพ่อ…ข้าผิดไปแล้วขอรับ!”
“ช่วงนี้หยวนเผิงได้หยุดพัก ข้าจะขังเขาไว้ที่หอบรรพชน ข้าให้หลู่จิ้นไปลองถามความเห็นของเว่ยปู้จิ้งแล้ว หากตระกูลของเว่ยปู้จิ้งเห็นด้วย เราจะหมั้นหมายเด็กทั้งสองคนทันที ถึงเวลานั้นเมื่อเรื่องทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว หยวนเผิงจะทำตามอำเภอใจตัวเองไม่ได้อีก!” หลู่ไท่เว่ยกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาดด้วยมาดของไท่เว่ยแห่งแคว้นต้าโจว
ขนาดให้หลู่หยวนเผิงแต่งงานกับบุตรสาวของเว่ยปู้จิ้งเขายังรู้สึกว่าแต่งกับตระกูลสูงเกินไปเลย หากเว่ยปู้จิ้งไม่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท อีกทั้งไม่มีรากฐานในราชสำนักและพื้นเพของตระกูล หลู่ไท่เว่ยก็คงไม่พิจารณาตระกูลเว่ยเช่นเดียวกัน
ที่หลู่ไท่เว่ยตัดสินใจทำเช่นนี้เป็นเพราะเขารักหลู่หยวนเผิง ตอนนี้หลู่หยวนเผิงอยู่ในกองทัพไป๋ซึ่งเป็นกองทัพหลักของฝ่าบาท ทว่า หลู่หยวนเผิงไม่ค่อยมีสมองเท่าใดนัก หลานชายของเขาต้องการพ่อตาที่มีความสามารถคอยช่วยสนับสนุน ต้องการภรรยาที่เก่งคอยควบคุม
ดังนั้นหลู่ไท่เว่ยจึงตัดสินใจขอให้หลู่จิ้นไปลองถามความเห็นของเว่ยปู้จิ้งให้
“ขอรับ ข้าจะจำไว้ขอรับ!”
หลู่ไท่เว่ยจับขอบโต๊ะพลางค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลู่หยวนเผิงจะหลงรักเกาอี้อ๋อง ก่อนหน้านี้เขายังเคยบอกอยู่เลยว่าไม่รู้ตระกูลใดจะโชคร้ายได้เกาอี้อ๋องไปเป็นสะใภ้
หลู่ไท่เว่ยส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมายิ้มๆ เขาอดรู้สึกเศร้าไม่ได้…
ความจริงหากเขาไม่ใช่ไท่เว่ยของต้าโจว หากเขาไม่ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทมากถึงเพียงนี้ เขาอาจยอมแบกหน้าไปสู่ขอเกาอี้อ๋องให้หลู่หยวนเผิงได้ ต่อให้วันหน้าสองคนนั่นอาจจะทะเลาะกันจนเขาปวดหัว ทว่า อย่างน้อยหลานชายของเขาจะได้สมหวัง
ทว่า ตอนนี้เขาคงต้องให้หลานชายคนเล็กของเขาเสียสละเพื่ออนาคตของตระกูลแล้ว
ไม่นานเว่ยปู้จิ้งก็ให้คำตอบกับภรรยาของหลู่จิ้น พวกเขากล่าวว่าตระกูลเว่ยอาจเอื้อมตระกูลหลู่ ทว่า หากตระกูลหลู่ไม่รังเกียจ ตระกูลเว่ยยินดีเป็นดองกับตระกูลหลู่
ความจริงตอนแรกภรรยาของเว่ยปู้จิ้งค่อนข้างเป็นกังวลเพราะชื่อเสียงของหลู่หยวนเผิงในเมืองหลวงไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ทว่า บุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จริงบอกว่านางรับได้…
บุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้งกล่าวว่าแม้หลู่หยวนเผิงจะขึ้นชื่อว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญของเมืองหลวง ทว่า เขาไม่เคยรังแกสตรีมาก่อน แม้เขาจะเคยเข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย ทว่า ต่อมาเขาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้แล้ว ตอนนี้ยังยืนหยัดในกองทัพไป๋ได้ด้วยความสามารถของตัวเองอีกด้วย
ที่สำคัญหลู่หยวนเผิงไม่ใช่บุตรชายคนโตของตระกูลหลู่ เขาคือทายาทลำดับที่หก วันหน้าไม่ต้องรับผิดชอบตระกูล หลู่หยวนชิ่งพี่ชายของเขามีอนาคตที่กว้างไกล หากนางได้แต่งงานเข้าตระกูลหลู่ก็คงมีชีวิตที่ดีแน่นอน ที่สำคัญผู้ใหญ่ในตระกูลมักจะลำเอียงรักทายาทคนเล็กมากกว่า บุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้งคิดว่าที่ฮูหยินสามของตระกูลหลู่ถูกใจนางเป็นเพราะอยากให้นางแต่งไปช่วยควบคุมหลู่หยวนเผิง