สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1537 ติดตาม
ตอนที่ 1537 ติดตาม
ทว่า หลังจากรับรู้ความรู้สึกของคนทั้งสองไป๋จิ่นจื้อก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่าคนทั้งคู่มีใจให้นาง นางคิดกระทั่งว่าหากวันใดสองคนนั้นไม่คอยหาเรื่องนางพวกเขาต้องผิดปกติอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นคนซื่อ ทว่า ไม่ใช่คนโง่ เจ้าลองคิดดูสิว่าข้าหมายความเช่นไร…” น้ำเสียงของซือหม่าผิงอ่อนโยน ชายหนุ่มจ้องไป๋จิ่นจื้อนิ่งอย่างรอคำตอบจากนาง
เมื่อไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเสร็จจึงนั่งปล่อยผมที่ยังไม่แห้งสนิทอ่านจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงอยู่ใต้แสงไฟพลางฟังหลิ่วผิงเการายงานเรื่องของไป๋ชิงเจวี๋ย
ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนแยกเดินทางกับไป๋ชิงเจวี๋ย หญิงสาวให้ไป๋ชิงเจวี๋ยพาหลิ่วผิงเกาไปด้วย เมื่อไป๋ชิงเจวี๋ยรู้ว่าพี่สาวของตัวเองกำลังจะออกเดินทางไปเยี่ยมเมืองต่างๆ จึงสั่งให้หลิ่วผิงเกานำทหารจำนวนหนึ่งกลับมาคุ้มครองความปลอดภัยของไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ หวังจินคอยติดตามข้างกายจงกั๋วอ๋อง จงกั๋วอ๋องไม่ได้รับอันตรายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วผิงเกากล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ทหารที่ไปที่นั่นเป็นเช่นไรบ้าง ท่านหมอหงกล่าวว่าโรคระบาดชนิดนี้แพร่กระจายง่ายกว่าโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในต้าโจว ทหารติดโรคระบาดกันบ้างหรือไม่”
“พวกทหารล้วนทำตามคำสั่ง นอกจากทหารกลุ่มที่ไปช่วยดูแลชาวบ้านติดโรคระบาดก็ไม่มีผู้ใดติดเชื้ออีกพ่ะย่ะค่ะ ทหารที่ติดเชื้อได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ประกอบกับใช้ยาที่ท่านหมอหงส่งไปให้พวกเขาจึงไม่ได้เป็นอันใดร้ายแรง ฝ่าบาทไม่ต้องทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท…” เว่ยจงเปลี่ยนกาน้ำชาให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกระซิบข้างหูของหญิงสาวเบาๆ “เจ้าเมืองหลวนเกากล่าวว่าหัวหน้าสมาคมพ่อค้าของเมืองหลวนเกาอยากบริจาคเงินให้เมืองในการปกครองของต้าโจวที่ติดโรคระบาดพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ต้าเยี่ยนแบ่งเมืองในการเดิมพันพวกเขาคิดว่าเมืองที่พวกเขาแบ่งจะตกอยู่ในการปกครองของต้าเยี่ยนดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งเมืองที่มั่งคั่งมาเป็นเมืองตัวแทนในการเดิมพันมากมาย หนึ่งในนั้นคือเมืองหลวนเกา…
ปกติเมื่อเกิดภัยพิบัติยิ่งใหญ่ขึ้นราชสำนักมักให้พ่อค้าที่ร่ำรวยบริจาคเงินของตัวเองเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรก
ตอนที่เสิ่นเทียนจือประกาศใช้ระบบตราสารหนี้ในเมืองต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของต้าโจวสมาคมการค้าเกือบทุกแห่งถูกบีบแกมบังคับให้ซื้อตราสารหนี้ ตอนนั้นพวกเขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าถือเป็นการบริจาคเงินเข้าราชสำนัก ชาวบ้านจะไม่ต่อกรกับทางการเพื่อความปลอดภัยของตัวพวกเขาเอง! ต่อมาเมื่อราชสำนักแบ่งผลกำไรให้พวกเขาพวกเขาจึงรู้สึกเหนือความคาดหมายมาก
ตอนนี้ราชสำนักกำลังลำบาก แทนที่พวกเขาจะรอให้ราชสำนักบีบให้พวกเขาบริจาคเงินให้เหมือนเมื่อก่อนไม่สู้เสนอตัวบริจาคเองก่อนดีกว่า ไม่แน่สมาคมการค้าของเขาอาจได้ผลประโยชน์อันใดบ้าง นี่ล้วนส่งผลดีต่อสมาชิกในสมาคมทั้งสิ้น
ที่สำคัญตอนนี้จักรพรรดินีต้าโจวเสด็จมาที่นี่ด้วยตัวเอง หากวันหน้าต้าโจวได้ครอบครองใต้หล้า จักรพรรดินีต้าโจวจะกลายเป็นผู้ปกครองใต้หล้าแห่งนี้ จักรพรรดินีต้าโจวจะได้จดจำชื่อสมาคมการค้าของพวกเขาได้ นี่ถือเป็นเรื่องดีเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนจะไม่รู้จุดประสงค์ของหัวหน้าสมาคมการค้าได้อย่างไร พ่อค้าช่างฉลาดสมกับเป็นพ่อค้าจริงๆ พวกเขารู้ว่าการเสนอตัวบริจาคแตกต่างจากการถูกบีบให้บริจาคเป็นไหนๆ ในเมื่อพวกเขาต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเลือกวิธีที่ส่งผลดีต่อพวกเขามากที่สุด
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ให้เจ้าเมืองจัดการเรื่องนี้ได้เลย ให้เจ้าเมืองจดไว้ด้วยว่าในสมาคมนั้นมีกิจการของพ่อค้าคนใดบ้าง เราอยากเห็นรายชื่อ…”
จักรพรรดินีจะดูก็แสดงว่ากิจการของผู้ใดบริจาคมากที่สุดก็จะได้มีชื่ออยู่ในลำดับแรกและเป็นที่จดจำได้ง่ายที่สุด ในเมื่อจะบริจาคอยู่แล้ว อีกทั้งจักรพรรดินีต้าโจวจะดูรายชื่อด้วยตัวเอง พวกเขาก็ต้องอยากมีรายชื่ออยู่ในลำดับแรกอยู่แล้ว อันดับที่หนึ่งจึงจะเป็นที่จดจำได้มากที่สุด ผู้ใดจะจดจำที่สองได้กัน
เจ้าของกิจการคนใดไม่อยากเป็นที่จดจำของจักรพรรดินีของแคว้นบ้าง พวกเขาต้องแย่งกันบริจาคเพื่อเป็นที่หนึ่งแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ถามว่าบริจาคเท่าใด นางแค่บอกว่าจะดูรายชื่อกิจการเท่านั้น นางกำลังหลอกใช้ความฉลาดของพ่อค้าเหล่านี้อยู่
“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเว่ยจงรับคำเสร็จก็ไม่ได้รีบร้อนไปถ่ายทอดคำสั่ง ทว่า ขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกนิดแล้วกล่าวเสียงเบาข้างหูหญิงสาว “ฝ่าบาท เจ้าเมืองพาสาวใช้และบ่าวรับใช้มาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เขากล่าวว่าจะถวายคนเหล่านั้นให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ความจริงเจ้าเมืองตั้งใจคัดเลือกบ่าวรับใช้ชายหนุ่มที่หน้าตาดี สะอาดสะอ้านและฟันขาวเป็นระเบียบมารับใช้ไป๋ชิงเหยียน
เว่ยจงไม่ได้กล่าวออกไปตรงๆ ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวขึ้น “ให้เจ้าเมืองพากลับไปเถิด บอกเขาว่าไม่ใช่ผู้ใดก็สามารถอยู่รับใช้ข้างกายเราได้ ขอเพียงเขาทำได้ดีในสิ่งที่ควรทำเราก็จะจำเขาได้แล้ว เรื่องที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งก็อย่ายุ่ง!”
“พ่ะย่ะค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะไปบอกเจ้าเมืองตามนี้พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงเดินออกไปจากห้องของไป๋ชิงเหยียน
“ลำบากเจ้าแล้วเช่นกัน” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองหลิ่วผิงเกา “เจ้าไปพักผ่อนเถิดพรุ่งนี้เมื่อเยี่ยมเมืองสุดท้ายเสร็จ พวกเรา…จะเดินทางกลับทันที!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หลิ่วผิงเกาโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน เขาเงยหน้ามองขอบตาที่ดำคล้ำของหญิงสาวจากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทควรพักผ่อนเช่นกันนะพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้ต้าโจวรักษาโรคระบาดในเมืองของต้าเยี่ยนด้วยวิธีที่เคยใช้กับต้าโจว ถือว่าควบคุมโรคระบาดได้แล้ว ชาวบ้านเร่ร่อนได้รับการดูแลหมดแล้ว เมื่อโรคระบาดสิ้นสุดลงไป๋ชิงเหยียนจะงดเก็บภาษีเมืองที่เกิดโรคระบาดรุนแรงที่สุดของต้าเยี่ยนสักสามปี ถึงเวลานั้นพวกเขาคงฟื้นตัวได้แล้ว
ผู้ที่มีความดีความชอบที่สุดในครั้งนี้คือท่านหมอหงและบรรดาหมอที่เดินทางมากับท่านหมอหง หมอเหล่านั้นคิดค้นสูตรยาจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนในที่สุดก็หายารักษาโรคระบาดที่เหมาะกับโรคในตอนนี้ได้สำเร็จ
ขณะที่ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเจวี๋ยและเสิ่นเทียนจือไปเยี่ยมชาวบ้านตามเมืองต่างๆ พวกเขาสอนวิธีป้องกันโรคระบาดที่เคยใช้ที่เมืองซั่วหยางกับเมืองเหล่านั้นด้วย ถือว่าได้ผลค่อนข้างดีทีเดียว
เมื่อหลิ่วผิงเกาจากไปไป๋ชิงเหยียนจึงเริ่มอ่านจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงอย่างตั้งใจอีกครั้ง
ตั้งแต่ที่เซี่ยสวินและองค์ชายสองมู่หรงผิงของแคว้นต้าเยี่ยนเดินทางไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจวพวกเขาไม่เคยออกจากจวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่า เมื่อครั้งนี้เกิดโรคระบาดขึ้นที่ต้าเยี่ยนพวกเขากลับไปขอพบอาอวี๋เพื่อเสนอตัวช่วยเหลือ เมื่ออาอวี๋ไม่อนุญาตพวกเขาจึงคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน
ตอนนี้เมืองของต้าโจวที่อยู่ในการปกครองของต้าเยี่ยนยังไม่ติดเชื้อโรคระบาด เซี่ยสวินต้องการเดินทางไปช่วยเหลือต้าเยี่ยนในเมืองเหล่านั้นอย่างเต็มที่ที่สุด
มู่หรงผิงกล่าวว่าตัวเองจะอยู่เป็นตัวประกันที่เมืองหลวงต่อ ให้เซี่ยสวินหาวิธีส่งยาสมุนไพรและเสบียงอาหารกลับไปช่วยเหลือชาวบ้านต้าเยี่ยนที่ประสบภัยเหล่านั้น
เมื่ออาอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนยืนกรานเช่นนั้นจึงแสร้งทำเป็นยอมลงให้ เขากล่าวว่าจะสอบถามความเห็นจากจักรพรรดินีก่อน จากนั้นจึงเขียนจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียนต่อหน้าคนทั้งสองและให้คนนำจดหมายไปส่งให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาถึงฉบับแรก นางรู้ดีว่าอาอวี๋กำลังถ่วงเวลาอยู่
อาอวี๋จะปล่อยให้เซี่ยสวินและมู่หรงผิงเดินทางไปยังเมืองต้าโจวที่อยู่ในการปกครองของต้าเยี่ยนได้อย่างไรกัน ที่นั่นมีแต่กองทัพต้าเยี่ยนทั้งนั้น
หากปล่อยพวกเขาไปก็เท่ากับว่าต้าโจวเสียตัวประกันทั้งสองไปทันที
อีกเรื่องหนึ่งที่อาอวี๋เขียนมาในจดหมายก็คือเรื่องการหมั้นหมายของหลู่หยวนเผิงและบุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้ง
ครั้งนี้ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนนำเสบียงและยาสมุนไพรมาส่งที่เมืองต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในการปกครองของต้าโจวด้วยตัวเอง ทว่า หลู่หยวนเผิงอาสาขอติดตามมาด้วย