สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1540 ยุให้รำตำให้รั่ว
ตอนที่ 1540 ยุให้รำตำให้รั่ว
นี่คือสิ่งที่ทำให้เซียวหรงเหยี่ยนมีทุนไปทำการค้าที่แคว้นเว่ย ทำให้เขามีเงินมากพอที่จะรวบรวมเสบียงและอาวุธให้ต้าเยี่ยน ให้ต้าเยี่ยนค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
ดังนั้นเชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนมีความดีความชอบมาก เซียวหรงเหยี่ยนจดจำชาวบ้านที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับราชวงศ์ได้ เขาย่อมจำตระกูลมู่หรงของตัวเองได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นตอนที่เข้าจัดการกับเชื้อพระวงศ์บางส่วนอย่างเข้มงวด เขาก็ตามใจเชื้อพระวงศ์บางส่วนด้วยเช่นเดียววัน ไม่ว่าอย่างใดพวกเขาก็คือคนตระกูลเดียวกัน พวกเขาเคยร่วมทุกข์มาด้วยกันตอนนี้ต้าเยี่ยนเผชิญกับความยากลำบาก เมื่อต้าเยี่ยนเริ่มดีขึ้นเขาก็ควรชดเชยให้เชื้อพระวงศ์เหล่านั้น มอบอนาคตที่ดีให้พวกเขาเช่นเดียวกัน
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ให้มู่หรงลี่จัดการกับเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นด้วยตัวเอง เขาเป็นคนออกหน้าและซ่อนมู่หรงลี่ไว้ทางด้านหลัง
ทว่า การที่เซียวหรงเหยี่ยนออกหน้าจัดการกับเชื้อพระวงศ์ด้วยตัวเองและซ่อนมู่หรงลี่เอาไว้ก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังเช่นเดียวกัน
สิ่งนี้ทำให้เชื้อพระวงศ์คิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนโหดเหี้ยม อำมหิต คิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนที่มีอำนาจแล้วไม่สนคนในตระกูลเดียวกัน คิดว่ามู่หรงลี่เป็นคนหัวอ่อนและควบคุมได้ง่าย…
ตอนนี้เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินทางไปสำรวจเมืองที่มีเชื้อโรคระบาดดังนั้นเชื้อพระวงศ์เหล่านี้จึงไม่ทนอีกต่อไป พวกเขาใช้ข้ออ้างเรื่องที่ไทเฮาถูกส่งตัวไปยังตำหนักพักร้อนเข้าไปพบมู่หรงลี่ในวังหลวง
แสงไฟภายในตำหนักใหญ่ส่องสว่าง ลมหนาวพัดกรรโชกอย่างรุนแรงจนประตูตำหนักกระทบกันเสียงดังสนั่น ใบหน้าอ่อนเยาว์ของมู่หรงลี่เคร่งขรึม เชื้อพระวงศ์คุกเข่ามองไปทางมู่หรงลี่อยู่กลางตำหนัก ทุกคนพยายามกล่าวโน้มน้าวมู่หรงลี่อย่างเต็มที่
“แม้ครั้งนี้ไทเฮาจะทำเกินไปสักหน่อย ทว่า คนทั่วใต้หล้ากำลังจับจ้องมาที่ตระกูลมู่หรงของพวกเรา เมื่อผู้สำเร็จราชการกลับมาก็จัดการกับตระกูลเมิ่งอย่างเด็ดขาด ตอนนี้มีข่าวลือหนาหูแล้ว หากฝ่าบาทส่งตัวไทเฮาไปยังตำหนักพักผ่อนตอนนี้จะทำให้ผู้คนรับรู้ว่าไทเฮาทรงกักบริเวณฝ่าบาทจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเรื่องน่าอายของตระกูลมู่หรงนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! ไม่ว่าอย่างใดไทเฮาก็คือมารดาของพระองค์ พระองค์ไม่ควรปฏิบัติต่อนางอย่างอกตัญญูอย่างนี้นะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หิมะกำลังตกหนัก เหตุใดจึงไม่รอให้หิมะหยุดตกก่อนแล้วค่อยส่งไทเฮาไปพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ไทเฮามีความผิด ทว่า อย่างน้อยก็ควรรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิก่อนค่อยส่งตัวนางไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ไทเฮาและจักรพรรดิองค์ก่อนทรงรักกันมาก ก่อนจักรพรรดิองค์ก่อนจะสวรรคตทรงเป็นห่วงนางและพระองค์มากที่สุด การที่ฝ่าบาทปฏิบัติต่อไทเฮาเช่นนี้จะทำให้เสด็จพ่อของพระองค์ผิดหวังได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงลี่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะสีดำ เขาวางฎีกาที่ถืออยู่ในมือตลอดเวลาไว้ด้านข้าง แสงไฟส่งกระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มจนเห็นรอยคล้ำใต้ตาของเขาได้อย่างชัดเจน
เรื่องโรคระบาดในต้าเยี่ยนทำให้มู่หรงลี่ไม่ได้พักผ่อนนานแล้ว
“ขุนนางในราชสำนักไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่า พวกกระหม่อมคือคนของตระกูลมู่หรง คือญาติผู้ใหญ่ของฝ่าบาทและผู้สำเร็จราชการ พวกระหม่อมจึงกล้าบากหน้ามากล่าวเช่นนี้กับฝ่าบาท พวกเราจะปล่อยให้ตระกูลมู่หรงตกเป็นขี้ปากของคนทั่วใต้หล้าไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบว่าการส่งไทเฮาไปยังตำหนักพักผ่อนมิใช่พระประสงค์ของฝ่าบาท ทว่า คือความคิดของผู้สำเร็จราชการ ฝ่าบาททรงเคยคิดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะว่าหากไทเฮาจากไปแล้ว ฝ่าบาทที่ทรงพระเยาว์และไม่มีไทเฮาคอยปกป้องจะถูกผู้สำเร็จราชการควบคุม ขุนนางในราชสำนักรวมถึงฝ่าบาทอาจต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้สำเร็จราชการแต่เพียงผู้เดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้มู่หรงลี่จึงเงยหน้ามองไปทางเชื้อพระวงศ์คนนั้นด้วยแววตาเย็นชา เชื้อพระวงศ์ผู้นั้นคือญาติผู้ใหญ่ซึ่งอาวุโสระดับเดียวกับเสด็จพ่อของมู่หรงลี่ ตอนนี้ผมของเขาขาวโพลนเกือบหมดแล้ว เขาเอ่ยเตือนมู่หรงลี่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตาและหวังดี ทว่า มู่หรงลี่ฟังออกว่าเขาต้องการยุให้ตนแตกหักกับท่านอาเก้า มู่หรงลี่เม้มปากแน่น จากนั้นเอนกายพิงบัลลังก์ทางด้านหลังพลางมองไปทางเชื้อพระวงศ์นิ่งโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เชื้อพระวงศ์คนอื่นเห็นเหตุการณ์จึงรีบกล่าวขึ้นเช่นเดียวกัน
“ผู้สำเร็จราชการมีอำนาจในราชสำนักมากจนไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธคำสั่งของเขาแล้ว ตอนนี้เขายังกล้าส่งไทเฮาไปยังตำหนักพักผ่อนอีก ต่อไป…เขาจะไม่จัดการฝ่าบาทหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อผู้สำเร็จราชการได้ควบคุมราชสำนักทั้งหมด เขาต้องกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางเขาทิ้งไปแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะทรงหลงกลเขาไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ จะทรงส่งไทเฮาไปยังตำหนักพักผ่อนไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เชื้อพระวงศ์คนอื่นต่างพากันสนับสนุน จากนั้นมองไปทางมู่หรงลี่อย่างหวังว่ามู่หรงลี่จะเชื่อคำยุแยงของงพวกเขา
“เราเป็นคนตัดสินใจเรื่องส่งไทเฮาไปพักผ่อนที่ตำหนักพักผ่อนเอง ไม่เกี่ยวกับผู้สำเร็จราชการแม้แต่น้อย…”
มู่หรงลี่กวาดสายตามองเชื้อพระวงศ์แต่ละที่มีสีหน้าตกตะลึง
“ผู้สำเร็จราชการเสี่ยงอันตรายเดินทางไปยังเมืองที่เกิดโรคระบาดร้ายแรง ต้าเยี่ยนจึงไม่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น หากผู้สำเร็จราชการแค่ต้องการยึดอำนาจไว้ในมือเหตุใดเขาต้องเดินทางไปยังเมืองเหล่านั้นด้วย เขาอยู่ในเมืองหลวงแล้วส่งเชื้อพระวงศ์อย่างพวกเจ้าไปไม่ดีกว่าหรือ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์อย่างพวกเข้าไม่เคยคิดแบ่งเบาภาระเราในเรื่องนี้เลย ทว่า กลับคิดแทงข้างหลังผู้สำเร็จราชการตอนที่เขาออกไปช่วยแบ่งเบาภาระให้เรา พวกเจ้ายังคู่ควรกับการเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราอีกหรือ!”
เชื้อพระวงศ์ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนที่แต่ใดมาเป็นคนสุขุมอ่อนโยนจะกล่าวถ้วยคำที่รุนแรงออกมาเช่นนี้
ทว่า ทุกคนต้องยอมรับกว่ามู่หรงลี่กว่าจี้แทงดำพวกเขาจริงๆ
ใบหน้าของเชื้อพระวงศ์แต่ละคนในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายแตกต่างกันออกไป
“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องของเรา ตอนนี้ต้าเยี่ยนกำลังเกิดโรคระบาดรุนแรง แม้จะควบคุมได้ชั่วคราว ทว่า พวกเราจะบรรเทาทุกข์ชาวบ้านเช่นใดหลังเหตุการณ์นี้ผ่านไป หากพวกเจ้ามีวิธีช่วยเหลือก็ถือว่าได้แสดงความจงรักภักดีต่อแคว้นต้าเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องกล่าวเรื่องไร้สาระเหล่านั้นอีก ไปได้”
มู่หรงลี่กล่าวจบจึงหมุนตัวจากไปทันที ทิ้งให้เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นมองหน้ากันเองไปมา
หวังจิ่วโจวเดินตามหลังมู่หรงลี่ออกไปจากตำหนักใหญ่ จากนั้นก้าวเข้าไปใกล้มู่หรงลี่และกล่าวเสียงเบา “ฝ่าบาททรงตรัสกับเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นรุนแรงเกินไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ผู้สำเร็จราชการเคยบอกว่าเขาจะรับหน้าที่เป็นคนเลวเอง ฝ่าบาทต้องซื้อใจเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นให้ได้ ต้องใช้งานจากพวกเขาอีกพ่ะย่ะค่ะ”
หวังจิ่วโจวกลัวว่าเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นจะไม่พอใจในตัวมู่หรงลี่ ผู้สำเร็จราชการเคยจัดการกับเชื้อพระวงศ์ไปแล้วส่วนหนึ่งตอนที่ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ต่อมาเขาเห็นแก่ที่เชื้อพระวงศ์เคยร่วมทุกข์กับต้าเยี่ยนตอนที่ต้าเยี่ยนลำบากที่สุด ไม่ทอดทิ้งต้าเยี่ยนไปที่หนานเยี่ยนจึงไม่ได้เข้มงวดกับเชื้อพระวงศ์เหล่านี้มากนัก
หากฝ่าบาทปฏิบัติต่อเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นเหมือนผู้สำเร็จราชการอาจทำให้พวกเขาหวาดกลัวและไม่สามารถทำงานรับใช้ฝ่าบาทได้อย่างเต็มที่
มู่หรงลี่ยืนมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่มืดมิดอยู่ข้างเสาสีแดงต้นใหญ่ใต้หลังคาตำหนักใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ
“เราจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างใดกัน ทว่า เมื่อเราคิดได้ว่าท่านอาเก้าเสี่ยงชีวิตไปยังเมืองที่เกิดโรคระบาดรุนแรงเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน มิให้ชาวบ้านก่อความวุ่นวายให้ต้าเยี่ยน แต่คนเหล่านี้กลับเอาแต่ใส่ร้ายท่านอาเก้าไม่หยุดหย่อนเราก็แทบอยากจะโบยพวกเขาสักยก”
วันนี้เป็นวันที่มู่หรงลี่ต้องส่งมารดาของตัวเองจากไป จิตใจของเขาย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือมารดาที่รักและทะนุถนอมเขามาตั้งแต่เล็ก มู่หรงลี่เป็นคนกตัญญูมาก!