สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1545 ทำร้าย
ตอนที่ 1545 ทำร้าย
ไทเฮาได้ยินประโยคนี้จึงเงยหน้ามองเชื้อพระวงศ์ที่ต่างมีสีหน้าร้อนใจทันที นางกำเสื้อบริเวณหน้าอกของตัวเองแน่น “ทว่า…ทั้งๆ ที่ฝ่าบาททรงทราบว่าผู้สำเร็จราชการคือเซียวหรงเหยี่ยนแต่ก็ยังเชื่อพระทัยเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาทอดทิ้งได้แม้กระทั่งแม่แท้ๆ อย่างข้า เขาจะขับไล่ข้าออกจากวังหลวง ออกจากเมืองหลวงของต้าเยี่ยน!”
ไทเฮาร้องไห้ออกมาอีกรอบ จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ตอนนี้ฝ่าบาทไม่เชื่อคำของข้าแล้ว ข้าจะทำอันใดได้อีก”
“ฝ่าบาททรงพระเยาว์จึงถูกผู้สำเร็จราชการหลอกได้ง่ายๆ พวกเราจะปล่อยให้ฝ่าบาทเดินไปในทางที่ผิดต่อไปเช่นนี้จนทำลายแผ่นดินของตระกูลมู่หรงของเราจนสิ้นซากไม่ได้เด็ดขาด!” ผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลมู่หรงกำจดหมายหนังแกะลายมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ในมือแน่น จากนั้นกล่าวขึ้น “เรื่องนี้ไทเฮาไม่ต้องเป็นห่วง พวกกระหม่อมจะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง พวกกระหม่อมจะพาคนทั้งตระกูลมู่หรงไปคุกเข่าขอร้องฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ!”
ผู้อาวุโสกล่าวจบจึงโค้งกายคำนับไทเฮา “ไทเฮาเสด็จไปยังตำหนักพักผ่อนให้สบายพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมจะเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทรีบรับไทเฮากลับมาโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะกล่าวออกมาเช่นนี้ ทว่า ผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลมู่หรงมีแผนการบางอย่างในใจแล้ว
ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ผู้สำเร็จราชการจัดการกับตระกูลมู่หรงบางส่วนอย่างเด็ดขาด เขาประหารผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งและขับไล่เชื้อพระวงศ์บางส่วนไปยังเมืองลี่อี้
ทว่า หลังจากกำจัดเชื้อพระวงศ์บางส่วนไปแล้วมู่หรงลี่ก็ยังให้ความสำคัญตระกูลมู่หรงอยู่ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ล้วนมีสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นคนตระกูลมู่หรงส่วนใหญ่จึงมีตำแหน่งสำคัญในราชสำนักอยู่
ตอนนี้พวกเขาจะไปขอร้องให้ฝ่าบาทส่งทหารไปสังหารผู้สำเร็จราชการทิ้งเสีย หากฝ่าบาทยังเอาแต่เชื่อใจเซียวหรงเหยี่ยนผู้นั้นพวกเขาก็จะไม่ยอมให้ตระกูลมู่หรงและแผ่นดินต้าเยี่ยนต้องล่มสลายในมือของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งแน่นอน!
พวกเขาจะกักบริเวณจักรพรรดิต้าเยี่ยนและเชิญไทเฮากลับมาควบคุมราชสำนัก ที่สำคัญพวกเขาต้องหาทางจัดการเรื่องเดิมพันระหว่างสองแคว้นด้วย
ไทเฮาได้ยินคำกล่าวนี้จึงมองไปทางวังหลวงทั้งน้ำตา…
“ทว่า ข้าเป็นห่วงอาลี่มากจริงๆ ข้าไม่อยากแยกจากอาลี่ องค์ชายใหญ่ถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจวคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้าเหลือเพียงอาลี่คนเดียวเท่านั้น!” ไทเฮามองไปทางวังหลวงที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นหันไปขอร้องเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ทั้งน้ำตา “ท่านลุง ข้าไม่อยากไปจากที่นี่!”
ไทเฮาอยากให้ผู้อาวุโสของตระกูลมู่หรงออกหน้าขอร้องให้นางได้อยู่ในเมืองหลวงต่อ
“ไทเฮา ตอนนี้ตระกูลมู่หรงมีคนทรยศอย่างมู่หรงเหยี่ยนโผล่ขึ้นมา ฝ่าบาททรงถูกเขาปั่นหัวจนไม่ฟังคำผู้ใดแล้ว หากไทเฮายืนกรานไม่ไปก็เท่ากับขัดราชโองการนะพ่ะย่ะค่ะ ทรงยอมเสด็จไปยังตำหนักพักผ่อนก่อน เมื่อพวกเราเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทสำเร็จพวกเราจะไปรับเสด็จไทเฮากลับมาพ่ะย่ะค่ะ” คนตระกูลมู่หรงคนหนึ่งโน้มน้าวไทเฮาเสียงเบา “ไทเฮาได้โปรดเชื่อพระทัยพวกกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมคือคนของตระกูลมู่หรง พวกกระหม่อมไม่มีทางปล่อยให้แผ่นดินของตระกูลมู่หรงล่มสลายเพราะทายาทอกตัญญูแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
กล่าวถึงขนาดนี้แล้วไทเฮาจึงจำต้องเดินทางไปยังตำหนักพักผ่อน เมื่อครู่ความโกรธครอบงำจนนางใช้แรงทั้งหมดที่มีไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแรงจนไม่อยากยื้อต่อไปแล้ว
ไทเฮาพยักหน้า จากนั้นกำชับอย่างไม่วางใจ “ฝ่าบาทยังเล็ก ทุกท่านค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
“ไทเฮาทรงเป็นห่วงลูกในฐานะมารดา พวกกระหม่อมเข้าใจและจะทำตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิของแคว้น พวกกระหม่อมไม่กล้าบังอาจกับพระองค์อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียงของผู้อาวุโสตระกูลมู่หรงพวกเขาก็เห็นทหารรักษาพระองค์อีกกองทัพหนึ่งขี่ม้าออกมาจากวังหลวง ไทเฮาและเชื้อพระวงศ์คนอื่นคิดว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนใจอ่อนเปลี่ยนใจให้ไทเฮาอยู่ในวังหลวงต่อ ทว่า ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นกลับชักดาบใส่เหล่าเชื้อพระวงศ์ บีบให้พวกเขาถอยห่างจากรถม้าของไทเฮา
ไทเฮาตกใจจนถอยหลังหนีไปยังรถม้าสองสามก้าวเช่นเดียวกัน
รองหัวหน้าทหารรักษาพระองค์จางกวนกล่าวขึ้นเสียงดังลั่น “ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการ มู่หรงไห่คุ้มกันไทเฮาไม่ดี ทำให้ไทเฮาตกพระทัย ทรงมีรับสั่งให้จับตัวไปขังคุกหลวง ให้จางกวนทำหน้าที่คุ้มกันไทเฮาไปส่งยังตำหนักพักผ่อนแทน นับจากวันนี้เป็นต้นไปจางกวนรับช่วงต่อทหารรักษาพระองค์แทน!”
เมื่อไทเฮาได้ยินคำของรองหัวหน้าทหารรักษาพระองค์จางกวนก็แทบเป็นลมหมดสติไปทันที อาลี่อยากขับไล่นางไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
“ท่านรองหัวหน้า ข้าไม่มีทางเลือกเช่นกันขอรับ ท่านดูสิขอรับ…” มู่หรงไห่ที่หมวกทหารบิดเบี้ยวรีบถลาไปด้านหน้า “ท่านปู่กับท่านพ่อของข้ามาที่นี่ จากนั้นจับข้ามัดไว้ทันที ข้าจะทำเช่นไรได้ขอรับ! ฝ่าบาทไม่ควรเอาผิดข้านะขอรับ หากจะโทษก็ต้องโทษคนที่ปล่อยข่าวว่าไทเฮาจะเสด็จไปยังตำหนักพักผ่อนในคืนนี้นะขอรับ”
ตอนแรกเหล่าเชื้อพระวงศ์คนอื่นยังไม่ปรากฏตัว เมื่อเขาคุ้มกันรถม้าของไทเฮาออกมาจากวังหลวงก็เห็นท่านปู่และบิดาของเขายืนอยู่หน้าวังหลวง เขาจึงลงจากม้าเพื่อทำความเคารพคนทั้งสอง
ผู้ใดจะคิดว่าท่านปู่กับท่านพ่อจะไล่ตีเขาและสั่งให้บ่าวรับใช้จับเขามัดไว้เช่นนี้ ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ไม่ทันได้สติรถม้าของไทเฮาก็ถูกเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ล้อมไว้หมดแล้ว พวกเขากล่าวว่าหากจะส่งตัวไทเฮาไปยังตำหนักพักผ่อนก็ต้องข้ามศพพวกเขาไปก่อน
ต่อมาท่านปู่ของมู่หรงไห่กล่าวว่าจะไม่ทำให้มู่หรงไห่ลำบากใจ เขาจะพาเชื้อพระวงศ์ครึ่งหนึ่งไปรับผิดกับฝ่าบาทและขอร้องให้ฝ่าบาทอนุญาตให้ไทเฮาอยู่ในวังหลวงต่อ มู่หรงไห่ถูกบิดาของตัวเองจับตัวไว้จึงไม่กล้าคัดค้าน
มู่หรงไห่ได้รับการสนับสนุนจากผู้สำเร็จราชการเขาจึงจงรักภักดีต่อผู้สำเร็จราชการ ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการไม่อยู่ เขาคิดว่าฝ่าบาทเป็นคนหัวอ่อนจึงแอบอู้เล็กน้อย ผู้ใดจะคิดว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น เขาล่วงรู้ความลับที่ว่าผู้สำเร็จกราชการต้าเยี่ยนคือเซียวหรงเหยี่ยน!
ข่าวนี้ทำให้มู่หรงไห่ตกตะลึงมาก
นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ผู้อื่นไม่รู้ ทว่า มู่หรงไห่รู้ดีว่าผู้สำเร็จราชการเสียสละเพื่อต้าเยี่ยนมากเพียงใด
เมื่อมู่หรงไห่แก้ตัวเสร็จก็คิดได้ว่าต้องลอบส่งข่าวให้ผู้สำเร็จราชการรู้เรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แม้ตอนนี้ฝ่าบาทจะเชื่อใจผู้สำเร็จราชการ ทว่า หากเขาเชื่อคำของไทเฮาที่คิดแต่จะกำจัดผู้สำเร็จราชการ ผู้สำเร็จราชการต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!
ไทเฮาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็รู้ดีว่าไม่มีทางแก้ไขแล้ว นางจับมือนางกำนัลขึ้นไปบนรถทั้งน้ำตา
นางไม่เข้าใจจริงๆ นางคือแม่แท้ๆ ของอาลี่นะ บนโลกนี้ยังมีผู้ใดรักอาลี่มากกว่าแม่อย่างนางอีกอย่างนั้นหรือ!
เหตุใดอาลี่ถึงได้ให้ความสำคัญกับเซียวหรงเหยี่ยนถึงขนาดทอดทิ้งมารดาอย่างนางกัน
ก่อนหน้านี้เซียวหรงเหยี่ยนยังไม่มีลูกเป็นของตัวเองยังไม่เท่าใด ทว่า ตอนนี้เขามีลูกของตัวเองแล้ว เขาจะไม่ทำเพื่อลูกของเขา แต่ทำเพื่อหลานอย่างอาลี่อย่างนั้นหรือ เหตุใดอาลี่จึงไม่เข้าใจเสียทีว่าบนโลกนี้มีเพียงแม่แท้ๆ ของเขาเท่านั้นที่ไม่มีทางทำร้ายเขา!
“ไทเฮา…” นางกำนัลส่งผ้าเช็ดหน้าให้ไทเฮา “ทรงอย่ากรรแสงอีกเลยเพคะ ถนอมดวงเนตรเถิดเพคะ”
“ลูกของข้าเข้าข้างผู้อื่นจนไม่ต้องการแม่อย่างข้าแล้ว ข้าจะถนอมตาของตัวเองไว้เพื่ออันใดกัน!” น้ำเสียงของไทเฮาสะอื้นยิ่งกว่าเดิม