สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1553 ไม่สบายใจ
ตอนที่ 1553 ไม่สบายใจ
ขณะที่เชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนกำลังร้องโอดครวญจากการถูกโบยอยู่ในจวนว่าราชการ จูเฉิงหรูก็ออกไปพบจักรพรรดินีแห่งต้าเยี่ยนที่นอกเมืองด้วยความหวาดกลัว เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยร่างที่สั่นเทา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบบุคคลที่สูงศักดิ์ผู้นี้
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน เมื่อเห็นจูเฉิงหรูจึงควบม้าเข้าไปใกล้อีกนิด จูเฉิงหรูไม่กล้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย เขารีบคุกเข่าลงบนพื้นตั้งแต่ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันเข้าใกล้ “กระหม่อมจูเฉิงหรู คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า นางเดินเข้าไปใกล้จูเฉิงหรูและพยุงเขาให้ลุกขึ้น
จูเฉิงหรูลุกขึ้นยืนด้วยร่างที่แข็งทื่อ เขาไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ได้แต่กล่าวถ้อยคำที่เตรียมท่องไว้ตั้งแต่รู้ว่าต้องมาพบจักรพรรดินีต้าโจวออกมา “ขอบพระทัยจักรพรรดินีต้าโจวที่เสด็จมาช่วยชาวบ้านที่ต่ำต้อยอย่างกระหม่อมถึงเมืองลี่อี้ กระหม่อมจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต บุญคุณของจักรพรรดินีต้าโจวยิ่งใหญ่ล้นฟ้า ต่อให้กระหม่อมตายก็คงไม่อาจทดแทนได้หมด ทว่า กระหม่อมคือชาวบ้านของเมืองลี่อี้ กระหม่อมไม่อยากจากบ้านเกิดของกระหม่อมไปที่อื่น จักรพรรดินีต้าโจวได้โปรดพระราชทานอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าเป็นคนดี เจ้าทำในสิ่งที่เดิมทีควรเป็นหน้าที่ของราชสำนักต้าโจวทำ เรา…รู้สึกขอบคุณเจ้ามาก! ครั้งนี้ได้ยินว่าเจ้ากำลังมีปัญหาเราจึงนำทัพมาที่นี่ เจ้าคือวีรบุรุษของทุกคนในเมืองอันซุ่น เราจะปล่อยให้วีรบุรุษถูกประหารไม่ได้!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาช้าๆ ด้วยเสียงอ่อนโยน “หากเจ้าไม่อยากไปจากเมืองลี่อี้ อยากอยู่เป็นชาวบ้านที่นี่ต่อเราก็จะไม่บังคับเจ้า เมื่อครู่เราคุยกับผู้สำเร็จราชการแล้ว หากเจ้าอยากมาเมืองอันซุ่นเมื่อใด เมืองอันซุ่นยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ”
จูเฉิงหรูเป็นเพียงหมอธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้พบคนสูงศักดิ์อย่างจักรพรรดินีต้าโจว ยิ่งไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นวีรบุรุษในสายตาของนาง อีกทั้งนางยังบอกอีกว่าเมืองอันซุ่นยินดีต้อนรับเขาเสมอ จูเฉิงหรูจะไม่ซาบซึ้งจนขอบตาร้อนผ่าวได้อย่างไรกัน
“กระหม่อมไม่กล้าปิดบังฝ่าบาท ท่านพ่อตารับดูแลน้องสาวที่โดนเชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนหมายปองอยากรับไปเป็นอนุดังนั้นกระหม่อมจึงนำยาไปมอบให้ท่านพ่อตาและครอบครัวของเขาเท่านั้น กระหม่อมไม่คู่ควรกับคำว่าวีรบุรุษพ่ะย่ะค่ะ!” จูเฉิงหรูกล่าวพลางเตรียมคุกเข่าลงอีกครั้ง ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนรั้งแขนไว้เสียก่อน
“ไม่ว่าจะทำไปเพราะเหตุใด ทว่า หมอจูก็นำยาไปมอบให้ชาวบ้านเมืองอันซุ่นหลายครั้ง หมอจูคู่ควรกับคำว่าวีรบุรุษ!”
นอกจากคำสัญญาแล้วไป๋ชิงเหยียนยังให้หลิ่วผิงเกามอบเงินจำนวนหนึ่งแก่จูเฉิงหรู จูเฉิงหรูไม่กล้ารับ ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวขึ้น “ท่านต้องใช้เงินซื้อสมุนไพร ตอนนั้นท่านมอบยาให้แก่เมืองอันซุ่น ท่านสมควรได้รับเงินจำนวนนี้”
จูเฉิงหรูเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้จึงรับเงินจำนวนนั้นไว้ จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและจากไป
ครั้งนี้เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้สนทนากับไป๋ชิงเหยียนเป็นการส่วนตัว เขาเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าครั้งนี้ฝ่าบาทจะประทับอยู่ที่เมืองอันซุ่นกี่วันพ่ะย่ะค่ะ”
“อีกสี่ห้าวันข้าจะออกเดินทางไปยังเมืองเส่อชวีต่อ จากนั้นกลับเมืองหลวงของต้าโจว…” ไป๋ชิงเหยียนไม่ปิดบังเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า เขาคำนวณการเดินทางของตัวเองอยู่ในใจ จากนั้นถอยหลังเล็กน้อยแล้วโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “จักรพรรดินีเดินทางปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่พวกเราอาจได้พบกันที่เมืองเส่อชวีอีกครั้ง”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางเตรียมจากไป ทว่า หันกลับไปถามอีกประโยค “ผู้สำเร็จราชการได้ข่าวจากตงอี๋บ้างหรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า “ได้รับข่าวตั้งแต่เมื่อคืน ฝ่าบาททรงไม่ต้องเป็นกังวล กระหม่อมจะจัดการอย่างเหมาะสมที่สุด ไม่ทำให้ต้าโจวเดือดร้อนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่สือมาถึงจึงเห็นเพียงแผ่นหลังที่จากไปของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น เขาไม่ทันได้อำลาหญิงสาว เขากำหมัดรายงานเซียวหรงเหยี่ยน “นายท่าน สองในเชื้อพระวงศ์เสียชีวิตระหว่างถูกโบยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว!” เซียวหรงเหยี่ยนรับคำราวกับไม่ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย
เมืองหลวงต้าเยี่ยน
รถม้าของไป๋จิ่นถงกำลังแล่นเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ ไป๋จิ่นถงซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าขมวดคิ้วแน่น นางคิดทบทวนถ้อยคำของเหล่าคุณชายเจ้าสำราญที่กล่าวกับนางตอนไปชมหิมะ
ไทเฮาจากไปตำหนักพักผ่อนเมื่อสิบสี่วันก่อน เหล่าเชื้อพระวงศ์ต้าเยี่ยนนำหลักฐานที่มัดตัวว่าผู้สำเร็จราชการเป็นคนทรยศแคว้นไปคุกเข่าขอร้องให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนเรียกตัวผู้สำเร็จราชการกลับมาประหารอยู่หน้าวังหลวง ทว่า จักรพรรดิต้าเยี่ยนไม่ทำสิ่งใดแม้แต่น้อย พวกเขาคุกเข่าอยู่สามวันสามคืนจนหมดสติและถูกทยอยหามกลับไป
เชื้อพระวงศ์ที่เหลือเห็นว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนไม่มีทางทำโทษผู้สำเร็จราชการจึงพากันกลับจวน
ตอนนั้นไป๋จิ่นถงกังวลว่าเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นอาจรู้ฐานะของพี่เขยนางแล้ว ทว่า นางคิดว่าหากรู้แล้วก็ดีเหมือนกัน ให้เชื้อพระวงศ์กลุ่มนี้บีบให้พี่เขยของนางต้องย้ายไปอยู่ต้าโจว นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับต้าโจว
นับตั้งแต่ที่มู่หรงลี่ขึ้นครองราชย์ หรือหากจะกล่าวจริงๆ คือนับตั้งแต่ที่จักรพรรดิมู่หรงอวี้สวรรคต ผู้ที่ประคับประคองต้าเยี่ยนให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้คือพี่เขยของนาง!
ไป๋จิ่นถงอยู่ในต้าเยี่ยน นางเห็นความสามารถและพลังของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างชัดเจน ทว่า นางเห็นความจนใจในฐานะเชื้อพระวงศ์ของตระกูลมู่หรงของเขาด้วยเช่นกัน
ไป๋จิ่นถงรู้นานแล้วว่าเชื้อพระวงศ์ของตระกูลมู่หรงไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนต่างมีแผนการของตัวเอง ต่างพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นเชื้อพระวงศ์เหล่านี้พยายามจะทำลายระบอบการปกครองของจีโฮ่ว ฟื้นฟูระบอบการปกครองดั้งเดิมของต้าเยี่ยน มีเพียงการทำเช่นนี้ตระกูลสูงศักดิ์อย่างพวกเขาจึงจะไม่สูญเสียอำนาจไป
หากสลับตำแหน่งกัน หากไป๋จิ่นถงอยู่ในฐานะของเซียวหรงเหยี่ยนนางก็คงทำไม่ได้ดีไปกว่าเขา
นางคิดว่าหากพี่หญิงใหญ่มีเซียวหรงเหยี่ยนคอยช่วยเหลือก็เท่ากับเป็นการติดปีกให้เสือ
ไป๋จิ่นถงดีใจกับเรื่องนี้จนนอนไม่หลับทั้งคืน
ทว่า ต่อมาไป๋จิ่นถงรู้สึกว่าเรื่องเริ่มไม่ชอบมาพากล หลังจากเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นไปคุกเข่าขอร้องให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนประหารเซียวหรงเหยี่ยน พวกเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเกินไป
ดังนั้นไป๋จิ่นถงจึงตัดสินใจตอบรับคำเชิญของเชื้อพระวงศ์ในวันนี้…
นางลอบหยั่งเชิงกล่าวออกไปว่าตั้งแต่ที่องค์ชายสองเดินทางไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจวและผู้สำเร็จราชการรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อแทนเขา คำสัญญาหลายอย่างที่องค์ชายสองเคยให้ไว้กับนางไม่เกิดขึ้นเลย ของล้ำค่าของนายสูญหายในแคว้นตงอี๋ เดิมทีนางอยากไปตรวจสอบด้วยตัวเองที่แคว้นตงอี๋ ทว่า ผู้สำเร็จราชการกลับไม่อนุญาตให้นางไปจากต้าเยี่ยนในช่วงเวลาที่ต้าเยี่ยนกับต้าโจวกำลังเดิมพันแคว้นกันอยู่ ไป๋จิ่นถงจึงบ่นผู้สำเร็จราชการให้คนเหล่านั้นฟัง
เหล่าคุณชายเจ้าสำราญได้ยินเสียงบ่นของไป๋จิ่นถงจึงลอบบอกออกมาว่าอีกไม่นานก็ไม่จำเป็นต้องอดทนผู้สำเร็จราชการอีกแล้ว
ไป๋จิ่นถงหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดจึงแสร้งเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าไปได้ข่าวอันใดมาอย่างนั้นหรือ”
คุณชายเจ้าสำราญยิ้มออกมาอย่างมีลับลมคมนัย เขายกเหล้าขึ้นจิบแล้วกล่าวเพียง “เจ้ารับรู้ไว้ก็พอ อย่าได้เอ็ดไปเด็ดขาด!”
ต่อมาไม่ว่าไป๋จิ่นถงจะพยายามถามคุณชายเจ้าสำราญเหล่านั้นก็ไม่ตอบอันใดอีกราวกับกลัวเสียเต็มประดา พวกเขาระวังตัวเกินไปจนไป๋จิ่นถงเริ่มไม่สบายใจ