สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1595 ตอนจบ (1)
ตอนที่ 1595 ตอนจบ (1)
……….
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชายาของหวงซานอ๋องที่เจ็บปวดกับการสูญเสียแคว้นแวบหนึ่ง ตอนนี้หญิงชราตกใจจนใบหน้าขาวซีด นางกอดร่างของหลานชายและหลานสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดด้วยร่างที่สั่นเทา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะให้คนส่งพวกเจ้าไปยังตระกูลฝั่งมารดาของชายาหวงซานอ๋อง ตระกูลฝั่งมารดาของเจ้าอยู่ที่ใด…” ไป๋ชิงเจวี๋ยเอ่ยถามเสียงนุ่ม
หวงซานซื่อจื่อคลานเข่าไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นทำความเคารพไปทางไป๋ชิงเจวี๋ย “ทูลท่านอ๋อง เสด็จแม่…”
“ให้มารดาของเจ้ากล่าวเอง”
น้ำเสียงราบเรียบของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้น แผ่นหลังของหวงซานซื่อจื่อสั่นเทาเล็กน้อย ลำคอของเขาร้อนผ่าว เขาได้แต่เม้มปากแน่น
ชายาของหวงซานอ๋องกระชับแขนที่กอดหลานๆ เอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม นางพยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด “ทูลจักรพรรดินีต้าโจว ตระกูลฝั่งมารดาของหม่อมฉันอยู่ที่เมืองเหยาตูเพคะ”
สิ้นเสียงของชายาหวงซานอ๋อง เสิ่นเหลียงอวี้เดินเข้าไปหาไป๋ชิงเจวี๋ยด้วยความรีบร้อน เขามองไปทางครอบครัวของหวงซานอ๋องด้วยแววตาเกลียดชัง จากนั้นกำหมัดรายงานไป๋ชิงเจวี๋ยเสียงเบา “คุณชาย หมัวมัวข้างกายของชายาหวงซานอ๋องทนถูกทรมานไม่ไหวจึงยอมรับสารภาพแล้วขอรับ พวกเขากำลังจะเดินทางไปหาพี่สาวคนโตของชายาหวนซานอ๋องขอรับ”
เสิ่นเหลียงอวี้เพิ่งรับรู้ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงเมืองเติงเฟิงว่าจักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนส่งคนมาขอเจรจาสงบศึก ฝ่าบาทของเขาจึงยุติสงครามชั่วคราว เสิ่นเหลียงอวี้อดกลั้นมานานแล้ว เขาอยากทำลายบรรดาอ๋องที่กล้าลงมือทำร้ายเสี่ยวไป๋ไซว่ของเขาให้ย่อยยับเสียตอนนี้เลย!
ดังนั้นตอนที่วันนี้พวกเขาจับตัวครอบครัวของหวงซานอ๋องได้เสิ่นเหลียงอวี้ตื่นเต้นมาก เขาคิดว่าเขาใกล้ได้ทำสงครามแล้ว…
ไป๋ชิงเจวี๋ยพยักหน้า
“จากที่ข้ารู้มา ตระกูลฝั่งมารดาของชายาของหวงซานอ๋องน่าจะอยู่ที่หยางเฉวียนถึงจะถูก เหตุใดต้องเดินทางไปยังเหยาตูด้วย” ไป๋ชิงเจวี๋ยหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่นอนขอรับ”
ชายาหวงซานอ๋องมองไปทางสตรีที่ใบหน้างดงาม ทว่า เต็มไปด้วยอำนาจบารมีแวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว “หม่อมฉันจะเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวเพคะ…”
เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่นอน ที่สำคัญคำกล่าวของหวงซานซื่อจื่อและชายาของหวงซานอ๋องไม่เหมือนกันราวกับไม่ได้นัดแนะกันมาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าหวงซานอ๋องตัดสินใจส่งครอบครัวของตัวเองหนีออกมาอย่างกะทันหัน
ดูเหมือนว่าหวงซานอ๋องพร้อมจะสู้ตายครั้งสุดท้ายกับต้าโจวแล้ว
บรรดาอ๋องไม่อยากถูกกำจัดอำนาจของตัวเองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เดิมทีพวกเขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ทว่า ตอนนี้กลับต้องมอบอำนาจเหล่านั้นให้จักรพรรดิต้าเยี่ยน นี่ไม่ใช่เพียงการเฉือนเนื้อของพวกเขาเท่านั้น ทว่า คือการเอาชีวิตของพวกเขาไป
หากคิดในทางกลับกัน หากไป๋ชิงเหยียนคืออ๋องเหล่านั้น…นางก็คงไม่อยากให้ต้าเยี่ยนยอมจำนนให้ต้าโจวจนตัวเองต้องสูญเสียอำนาจในมือไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงคาดการณ์ไว้แล้วว่าคนเหล่านี้จะต้องก่อเรื่องขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นจี๋อันอ๋องซึ่งอยู่ใกล้กับกองทัพของไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นซิ่วที่สุด และหวงซานอ๋องที่อยู่ใกล้จักรพรรดินีต้าโจวอย่างนางมากที่สุด
หวงซานอ๋องไม่ได้ยังหนุ่มแน่นเหมือนซีผิงอ๋องและจิ่วเจียงอ๋อง ทว่า กลับตัดสินใจต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อต้าเยี่ยนจะตกเป็นของต้าโจว
อ๋องเหล่านี้ไม่มีทางแยกกันลงมือแน่นอน พวกเขาต้องส่งข่าวหากันและมีคนเริ่มลงมือก่อนเป็นคนแรก
หวงซานอ๋องไม่ใช่คนเริ่มลงมือเป็นคนแรก!
คนที่อยู่ห่างจากกองทัพต้าโจวมากไม่มีทางเริ่มลงมือก่อนแน่นอน ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่จี๋อันอ๋องแล้ว!
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางร่างของหวงซานซื่อจื่อ “ดูเหมือนว่าหวงซานอ๋องจะได้รับจดหมายจากจี๋อันอ๋องแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นลอยๆ ทว่า หวงซานซื่อจื่อเงยหน้าขึ้นมองไป๋ชิงเหยียนด้วยความตกใจทันที เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะรู้เรื่องนี้ จักรพรรดินีต้าโจวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน!
จักรพรรดินีต้าโจวเป็นคนส่งจดหมายนั่นอย่างนั้นหรือ
เสด็จพ่อของเขาบอกว่านั่นคือจดหมายลายมือของจี๋อันอ๋อง อีกทั้งยังมีตราประทับส่วนตัวของจี๋อันอ๋องอยู่ด้วย! หรือว่าจี๋อันอ๋องยอมจำนนต่อต้าโจวนานแล้ว จี๋อันอ๋องแกล้งให้บิดาของเขาติดกับอย่างนั้นหรือ!
ไม่น่าใช่ จี๋อันอ๋องไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้!
หากจี๋อันอ๋องต้องการประจบต้าโจว เขาควรเกลี้ยกล่อมให้บิดาของเขายอมจำนนต่อต้าโจวด้วยถึงจะถูก ไม่ใช่ทำร้ายบิดาของเขาเช่นนี้!
เมื่อเห็นสีหน้าของหวงซานซื่อจื่อไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเจวี๋ย “พาตัวออกไป แจ้งให้ทหารทุกคนมารวมตัวกัน!”
เรียกทหารทุกคนมารวมตัวกันเพื่อบุกทำลายเมืองหวงซานของเขาอย่างนั้นหรือ
จักรพรรดินีต้าโจวทำสงครามเก่งมาก บิดาของเขายังเตรียมตัวไม่พร้อม หากจักรพรรดินีต้าโจวชิงลงมือก่อนในเวลานี้บิดาของเขาต้องตั้งรับไม่ทันแน่นอน
ในบรรดาอ๋องทั้งเก้าคนกองทัพซีผิงของซีผิงอ๋องแข็งแกร่งที่สุดดังนั้นซีผิงอ๋องจึงกล้าลงมือกับจักรพรรดินีต้าโจว แม้แต่ซีผิงอ๋องที่แข็งแกร่งผู้นั้นยังถูกจัดการไปแล้ว นับประสาอันใดกับบิดาของเขากัน!
ที่บิดาของเขาเลือกวิธีลอบสังหารจักรพรรดินีต้าโจวเป็นเพราะเขารู้ดีว่ากำลังทหารของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดินีต้าโจว
“ฝ่าบาท!” หวงซานซื่อจื่อตะโกนเรียกเสียงดัง ใจของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขารีบกล่าวขึ้นเสียงดัง “ฝ่าบาท เสด็จพ่อของกระหม่อมไม่ได้อยากลอบสังหารฝ่าบาท จี๋อันอ๋องเป็นคนหลอกล่อเสด็จพ่อของกระหม่อม ฝ่าบาทส่งกระหม่อมกลับไป…กระหม่อมจะเกลี้ยกล่อมให้เสด็จพ่อยอมจำนนต่อต้าโจว เสด็จพ่อของกระหม่อมเป็นคนขี้ขลาด ขอเพียงฝ่าบาททรงไม่กำจัดอำนาจของพวกเรา เสด็จพ่อของกระหม่อมต้องเชื่อฟังคำสั่งของฝ่าบาทแต่โดยดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย นางมองไปทางไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงเจวี๋ยพยักหน้าให้น้อยๆ
หวงซานอ๋องเป็นคนขี้ขลาด บุตรชายของเขาจึงไม่ต่างกันสักเท่าใดนัก แค่ข่มขู่เล็กน้อยก็ยอมสารภาพออกมาหมดแล้ว
ไป๋ชิงเจวี๋ยสอบสวนหวงซานซื่อจื่อด้วยตัวเอง หวงซานซื่อจื่อกล่าวว่าหวงซานอ๋องจะส่งมือสังหารมาลอบสังหารจักรพรรดินีต้าโจว เมื่อสำเร็จจะให้ทหารหน่วยกล้าตายของจวนอ๋องหลอกล่อต้าโจวไปติดกับของหวงซานอ๋อง
ไป๋ชิงเหยียนและเซียวรั่วเจียงนั่งมองแผนที่บริเวณนี้ที่เซียวรั่วเจียงวาดขึ้นอย่างละเอียด
“พวกเราเพิ่งยึดเมืองเติงเฟิงได้ เวลาจึงค่อนข้างจำกัด ดังนั้นข้าจึงวาดแค่เพียงคร่าวๆ เท่านั้น ทว่า พอใช้ประโยชน์ได้ขอรับ” เซียวรั่วเจียงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเจวี๋ยที่นั่งอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนหันไปมองใบหน้าเย็นชาของพี่สาว “พี่หญิงใหญ่จะบุกโจมตีเมืองหวงซานตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปรอบๆ ค่ายทหาร จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่ทิศของเมืองหวงซาน “ส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวที่ประตูทั้งสี่ทิศของเมืองหวงซานแล้วหรือไม่”
“ส่งไปแล้วขอรับ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง…” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เช่นนั้นตอนนี้ก็รอไป เมื่อหวงซานอ๋องส่งคนมาลอบสังหารจักรพรรรดินีอย่างพี่เมื่อใด พวกเราจะส่งคนไปดักซุ่มโจมตีตรงนี้!”
ไป๋ชิงเจวี๋ยขยับตะเกียงเข้าไปใกล้ตำแหน่งในแผนที่ที่ไป๋ชิงเหยียนชี้ “ตรงนี้หรือขอรับ”
“หากหวงซานอ๋องส่งมือสังหารมาลอบสังหารพี่จริง ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่เขาก็ต้องหาทางล่อกองทัพต้าโจวไปยังที่ดักซุ่มโจมตีของเขาอยู่ดี ไม่ว่าเขาจะดักซุ่มโจมตีที่ใดก็ต้องออกจากเมืองหวงซานมาก่อนอยู่ดี” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังเมืองหวงซานในแผนที่ “หากดูจากตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพเราและตำแหน่งที่ตั้งของเมืองหวงซาน สามารถตัดตำแหน่งทางทิศตะวันตกของเมืองหวงซานออกได้”
ไป๋ชิงเหยียนวนนิ้วลงบนตำแหน่งหนึ่งในแผนที่ “หวงซานอ๋องเป็นคนขี้ขลาด เขาไม่อยากถูกจับได้ดังนั้นต้องเคลื่อนทัพกลางดึกแน่นอน ตอนนี้ใกล้เข้าเดือนสี่แล้ว กลางคืนสั้นกว่ากลางวัน หวงซานอ๋องมีเวลาไม่มาก เขาต้องแบ่งกองกำลังดักซุ่มโจมตีและส่งคนมาลอบสังหารจักรพรรดินีอย่างพี่ อีกทั้งต้องล่อกองทัพต้าโจวไปยังสถานที่ดักซุ่มโจมตีก่อนฟ้าสว่าง! ดังนั้นสถานที่ดักซุ่มโจมตีของหวงซานอ๋องจึงมีเพียงบริเวณนี้เท่านั้น!”
เซียวรั่วเจียงกระจ่างแจ้งในทันที
“หวงซานอ๋องเป็นคนขี้ขลาด ครั้งนี้เขาจำต้องลงมือ ดังนั้นเขาต้องเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการดักซุ่มโจมตี หากคำนวณจากเวลาและระยะทางแล้ว สถานที่ตรงนี้เหมาะสมที่สุดในตอนนี้แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนแผนที่
“อีกอย่างหากเดินทางออกจากเมืองหวงซาน ไม่ว่าเขาจะเดินทางอ้อมหรือมาจากทางตรง หากเขาต้องการดักซุ่มโจมตีบริเวณนี้เขาต้อง…” ไป๋ชิงเหยียนชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่นางเลือกดักซุ่มโจมตีในแผนที่อีกครั้ง “ผ่านบริเวณนี้แน่นอน ทว่า สำหรับหวงซานอ๋องที่ต้องเร่งทำเวลาแล้วสถานที่ตรงนี้อาจไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา ดังนั้นพวกเราจะดักซุ่มโจมตีบริเวณนี้”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเคาะนิ้วลงบนแผนที่อีกครั้ง “ออกเดินทางวันพรุ่งนี้!”
“รีบร้อนขนาดนี้เลยหรือขอรับ” เซียวรั่วเจียงมองไป๋ชิงเหยียน ข้าหมายความว่า…หวงซานอ๋องจะรีบร้อนถึงเพียงนี้เลยหรือขอรับ”
“หวงซานอ๋องต้องตัดสินใจส่งครอบครัวของเขาออกจากเมืองอย่างกะทันหัน อาเจวี๋ยตรวจสอบสัมภาระของพวกเขาแล้ว สัมภาระของพวกเขามีไม่ครบถ้วน เห็นได้ชัดว่าหวงซานอ๋องรีบร้อนมาก” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“คืนนี้เขาต้องคัดเลือกมือสังหาร ในเมื่อต้องการล่อกองทัพต้าโจวไปติดกับเขาก็ต้องเตรียมการให้พร้อมที่สุด เขาย่อมต้องเลือกมือสังหารที่ดีที่สุด มิเช่นนั้นหากข้าไม่ตาย ต้าโจวไม่เพียงจะแก้แค้นเต็มกำลังเท่านั้น กองทัพที่ดักซุ่มโจมตีของเขาก็จะไม่มีประโยชน์เช่นเดียวกัน ดังนั้นคืนนี้เขาต้องเตรียมการเสร็จ ทว่า เขาเคลื่อนทัพตอนเช้าวันถัดไปไม่ได้ ได้แต่รอให้ฟ้ามืดลงอีกครั้งเท่านั้น” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “กลางดึกสิ่งใดก็เกิดขึ้นได้!”
ห้องในค่ายทหารของเมืองหวงซานถูกจุดไฟสว่าง หวงซานอ๋องยืนชี้ไปยังตำแหน่งดักซุ่มโจมตีในแผนที่ จากนั้นหันไปกล่าวกับแม่ทัพในสังกัดของตัวเอง “เริ่มลงมือคืนวันพรุ่งนี้ ทุกคนจงรอบคอบที่สุด ระวังเหตุไม่คาดฝันด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาแม่ทัพของหวงซานอ๋องกำหมัดรับคำ
เมื่อบรรดาแม่ทัพเดินออกไปจากห้องหมดแล้วหวงซานอ๋องจึงหันไปกล่าวกับรองแม่ทัพของตัวเอง “เลือกคนได้แล้วหรือไม่”
“รอท่านอ๋องตัดสินพระทัยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถิด…” หวงซานอ๋องกำหมัดแน่น
หวงซานอ๋องเตรียมการทุกอย่างภายในคืนเดียวด้วยความรีบร้อน ในที่สุดเขาก็คัดเลือกมือสังหารที่จะส่งไปสังหารไป๋ชิงเหยียนได้ก่อนฟ้าสว่าง คนเหล่านั้นล้วนเป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือทั้งสิ้น
หวงซานอ๋องให้ทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อทานอาหารเย็นอิ่มท้องค่อยออกเดินทาง เขาให้สัญญาว่าจะตบรางวัลให้พวกเขาอย่างงามหากพวกเขาสังหารจักรพรรดินีต้าโจวสำเร็จและรอดชีวิตกลับมาได้
วันนั้นกองทัพในเมืองหวงซานพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ประตูเมืองปิดสนิท
เมื่อตกดึกประตูเมืองทิศใต้ถูกเปิดออก ทหารหน่วยกล้าตายสองร้อยกว่านายสวมชุดสีดำทะมัดทะแมงขี่ม้าออกไปจากเมืองอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานหวงซานอ๋องซึ่งเป็นคนรอบคอบส่งทหารหน่วยกล้าตายสองร้อยคนแรกไปยังสถานที่ดักซุ่มโจมตีที่เขาเลือกไว้ก่อน เมื่อผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามหวงซานอ๋องจึงนำกองทัพที่เหลือเดินทางไปยังสถานที่ดักซุ่มโจมตีทั้งหมด เขาสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนจุดคบเพลิง อาศัยแสงจากดวงจันทร์ในการนำทางแทน
หวงซานอ๋องส่งทหารสองร้อยนายแรกไปสำรวจเส้นทางก่อน หากต้าโจวจับความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้และเผชิญกับอันตรายจริงๆ กองทัพใหญ่ของเขายังมีเวลาหนีกลับเมืองหวงซาน หากต้าโจวจับไม่ได้ พวกนั้นจะได้มีเวลาจัดเตรียมสถานที่ดักซุ่มโจมตีก่อน
เมฆหนาบดบังแสงดวงจันทร์ ดวงดาวบนท้องฟ้ามีเพียงประปราย ต้นไม้ในป่าลึกลู่ลมไปมา
หวงซานอ๋องหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าถ้ำ เขาสั่งให้รองแม่ทัพพาคนเข้าไปสำรวจด้านในก่อน
ไม่รู้เป็นเพราะนิสัยรอบคอบของเขาหรือไม่หวงซานอ๋องจึงรู้สึกใจไม่ค่อยดีตั้งแต่นำทัพออกเดินทางมาที่นี่
เขานั่งมองหุบเขาซึ่งอยู่ระหว่างหน้าผาที่ไม่ถือว่าชันมากเบื้องหน้าอยู่บนหลังม้า ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการดักซุ่มโจมตี หน้าผาสองข้างไม่ชันมาก หากเขาดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าโจวที่นี่ กองทัพต้าโจวสามารถบุกขึ้นไปบนหน้าผาได้
หวงซานอ๋องรู้ดีว่าหากเผชิญหน้าและสู้กันในระยะประชิดกองกำลังของเขาไม่มีทางเอาชนะทหารยอดฝีมือของกองทัพต้าโจวที่เคยผ่านสงครามทำลายล้างต้าเหลียงและซีเหลียงมาแล้วได้แน่นอน
ทหารของต้าโจวในตอนนี้คือทหารยอดฝีมือที่รอดตายจากสงครามจริงมาหลายครั้ง
ตอนที่ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนพวกเขาอาศัยกองทัพใหม่ของแม่ทัพเซี่ยสวินและกองทัพของอ๋องคนอื่นๆ ที่มอบให้องค์ชายสอง ที่สำคัญต้าเยี่ยนแทบไม่ได้ออกแรงในสงครามยึดหนานเยี่ยนเลย ชาวบ้านยินดีต้อนรับพวกเขา ดังนั้นต้าเยี่ยนจึงไม่จำเป็นต้องทำสงครามต่อสู้
หวงซานอ๋องกำบังเหียนม้าแน่น เขารู้สึกว่าหุบเขาแห่งนี้ลึกและเงียบสงัดมาก จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือด
หวงซานอ๋องไม่ได้คิดมากไปเอง ทหารสองร้อยนายที่หวงซานอ๋องส่งมาสำรวจเส้นทางก่อนถูกกองทัพไป๋กำจัดจนราบคาบตั้งแต่ตอนที่หวงซานอ๋องเคลื่อนทัพออกจากเมืองหวงซานแล้ว
ตอนที่เมฆเคลื่อนบังดวงจันทร์ เสียงสู้รบดังกระหึ่ม
เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนตัวออกมาจากหลังเมฆ แสงจันทร์ส่องสว่างลงบนพื้น ศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้นดิน
ทหารสองร้อยนายของกองทัพหวงซานถูกกองทัพไป๋สังหารจนไม่อาจต้านทานได้
หน้าผาทั้งสองด้านถูกกองทัพไป๋ทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว
นอกจากกลิ่นคาวเลือดที่ยังคงติดอยู่เล็กน้อย หน้าผาสองข้างไม่มีร่องรอยของศพทหารสองร้อยนายเลยแม้แต่น้อย
กองทัพต้าโจวที่ดักซุ่มอยู่สองข้างทางจับความเคลื่อนไหวของกองทัพใหญ่ของศัตรูได้ทันทีที่พวกเขาย่างกรายเข้ามา ฟังจากเสียงกีบม้าและฝีเท้าจึงรู้ว่าพวกเขามีจำนวนค่อนข้างมาก ทว่า นอกจากทหารนำขบวนที่ถือคบเพลิงส่องสว่างแล้ว คนอื่นๆ ด้านหลังไม่จุดคบเพลิงแม้แต่คนเดียว
เสิ่นเหลียงอวี้คาบฟางไว้ที่ปาก เขาหมอบอยู่บนกองหญ้าพลางจ้องไปยังกองทัพใหญ่ของศัตรูอย่างอดทนรอให้พวกเขาเข้ามาในหุบเขาให้หมดก่อน…
“ฟิ้ว! ปัง!”
พลุสว่างขึ้นกลางท้องฟ้าที่มืดมิด
หวงซานอ๋องที่เคลื่อนตัวเข้ามาในหุบเขาแล้วรีบกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลงทันที เขาเบิกตาโพลงเงยหน้ามองแสงสีแดงที่ส่องสว่างบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ แสงนั้นสว่างจนเขามองเห็นต้นไม้ใหญ่ บรรดาทหารและทุกสิ่งทุกอย่างในหุบเขาอย่างชัดเจน…
“ปล่อยธนู!”
ดวงตาที่สะท้อนแสงสีแดงของหวงซานอ๋องเต็มไปด้วยภาพฝนธนูที่ตกลงมาจากเบื้องสูง
แสงสีแดงหายไปจากท้องฟ้า ในหุบเขาเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหาร
เสียงสู้รบดังมาจากทางเข้าหุบเขา ไม่มีที่ให้พวกเขาถอยหนี
ทางออก…เต็มไปด้วยเสียงตะโกนโห่ร้องของกองทัพต้าโจวเช่นเดียวกัน
หวงซานอ๋องกระโดดลงจากหลังม้า เขาถูกพลทหารโล่คุ้มกันไว้ตรงกลาง ลูกธนูถูกยิงมาไม่หยุดหย่อน มันกระทบลงบนโล่เหล็กจนเกิดเสียงดังขึ้นตลอดเวลา
พลธนูของต้าโจวที่อยู่บนหน้าผาผลัดกันยิงธนูใส่ศัตรูที่อยู่ด้านล่าง หวงซานอ๋องรู้ได้จากการกระหน่ำยิงธนูของกองทัพต้าโจวว่าต้าโจวต้องการกำจัดกองทัพของเขาทั้งหมดลงที่นี่
หวงซานอ๋องไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงถูกดักซุ่มโจมตีที่นี่ เขาจะเป็นคนดักซุ่มโจมตีแท้ๆ ! เหตุใดจึงกลายเป็นเขาติดกับของต้าโจวเช่นนี้กัน!
ข้างกายของเขามีสายลับหรือจี๋อันอ๋องหลอกเขากันแน่!
“ฟิ้ว!”
ธนูดอกหนึ่งทะลุผ่านช่องโหว่ของโล่เหล็กเข้ามาด้านใน มันลอยผ่านจมูกของหวงซานอ๋องไปอย่างฉิวเฉียด หวงซานอ๋องเซถอยหลังหนีด้วยความตกใจจนเกือบชนพลทหารโล่ที่คุ้มกันเขาอยู่ทางด้านหลังล้ม
“ท่านอ๋อง!”
“ท่านอ๋อง!”
รองแม่ทัพและเหล่าทหารที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเกราะรีบช่วยกันประคองร่างของหวงซานอ๋องไว้
หวงซานอ๋องไม่มีเวลาคิดมาก เขาตะโกนขึ้นสุดเสียงโดยที่ยังไม่ได้ยืนขึ้นด้วยซ้ำ “ยอมแพ้! พวกเรายอมแพ้! ข้าต้องการพบจักรพรรดินีต้าโจว!”
หากไม่ยอมแพ้…กองทัพหวงซานของเขาต้องจบชีวิตลงที่นี่ทั้งหมดแน่นอน
หากยอมแพ้…ยังสามารถรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี ไม่สู้รีบยอมแพ้เพื่อให้เหล่าทหารสูญเสียน้อยที่สุดดีกว่า
เสิ่นเหลียงอวี้ไม่คิดว่าหวงซานอ๋องจะยอมแพ้เร็วถึงเพียงนี้ เขาสั่งให้พลธนูหยุดยิง กองทัพไป๋ของพวกเขายังไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาเลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทหารค่ายหู่อิงของเขา
เมื่อลูกธนูหยุดลง เหล่าทหารกองทัพหวงซานต่างพากันทิ้งอาวุธในมือลงและยกมือยอมแพ้
หวงซานอ๋องถูกทหารประคองร่างออกมาจากด้านหลังโล่เหล็กที่ถูกธนูยิงจนแทบพรุนไปทั้งโล่ กองทัพหวงซานเดินเข้าไปรวมตัวกับหวงซานอ๋อง
เมื่อลูกธนูหยุดยิงลงไม่นาน ภายในหุบเขาล้วนเต็มไปด้วยซากศพของทหารกองทัพหวงซาน
ร่างที่สวมชุดเกราะเหล็กสีเงินขี่ม้าศึกออกมาจากป่าลึกบนเนินเขาสูง เหล่าพลธนูยืนถือคันธนูก้มมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
แสงสีเงินของดวงจันทร์ส่องกระทบร่างของหญิงสาว แม้จะอยู่ค่อนข้างไกล ทว่า หวงซานอ๋องยังพอมองเห็นเค้าโครงใบหน้าที่งดงามน่าตราตรึงของนาง นางดูบริสุทธิ์ท่ามกลางแสงจันทร์ ทว่า ขณะเดียวกันก็มีรัศมีสูงศักดิ์น่าเกรงขามจนคนมองต้องยำเกรง
วันที่ยี่สิบหก เดือนสาม รัชศกหยวนเหอปีที่สาม หวงซานอ๋องแห่งแคว้นต้าเยี่ยนนำทัพออกไปต่อสู้กับต้าโจว ทว่า ถูกต้าโจวดักซุ่มโจมตีที่ภูเขาอวี้หมิงจนพ่ายแพ้ยับเยิน
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสาม รัชศกหยวนเหอปีที่สาม ทหารเรือของแคว้นตงอี๋ทำสงครามชนะทหารเรือของต้าเยี่ยน แคว้นตงอี๋บุกขึ้นไปบนแผ่นดินของต้าเยี่ยนและยึดเมืองได้สองเมือง ข่าวการพ่ายแพ้สงครามของต้าเยี่ยนถูกส่งไปยังเมืองหลวงเป็นระยะจนทุกคนรับรู้ว่าต้าเยี่ยนใกล้สิ้นวาสนาแล้ว
ไม่นานข่าวการเสียชีวิตของจี๋อันอ๋องและถูกจับตัวของหวงซานอ๋องก็แพร่กระจายไปตามเมืองต่างๆ ของต้าเยี่ยนอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ได้รับข่าวเร็วที่สุดคือหย่งเจียอ๋อง เมื่อคิดทบทวนอย่างดีแล้วเขาก็รู้ทันทีว่าจักรพรรดินีต้าโจวต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งให้ได้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะต่อกรกับต้าโจวได้ เขาตัดสินใจมอบอำนาจทางทหารให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนและพาครอบครัวของตัวเองเดินทางไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยนตามราชโองการที่ได้รับ เขาหวังเพียงว่าจะสามารถปกป้องชีวิตคนในครอบครัวและทรัพย์สินของตระกูลไว้ได้
ซีผิงอ๋องและจี๋อันอ๋องซึ่งเก่งกาจที่สุดในบรรดาอ๋องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว ต่อให้พวกเขาจะมีแรงฮึดต่อต้านสุดกำลัง ทว่า จักรพรรดินีต้าโจวก็ต้องส่งคนมาทำลายกองทัพพวกเขาอยู่ดี ขนาดแคว้นต้าเยี่ยนยังไม่สามารถต่อกรกับต้าโจวได้ พวกเขาจะต้านทานได้นานเท่าใดกันเชียว สุดท้ายอาจตกอยู่ในสภาพเดียวกับซีผิงอ๋องและจี๋อันอ๋องก็ได้
เมื่ออี๋หลิงอ๋องรับรู้ข่าวการเสียชีวิตของจี๋อันอ๋องและข่าวการพ่ายแพ้ของหวงซานอ๋องก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ เขาปรึกษากับถงชิวอ๋องว่าจะเดินทางไปเมืองหลวงของต้าเยี่ยนด้วยกัน พวกเขาไม่คิดต่อกรกับต้าโจวแล้ว
วันที่เก้า เดือนสี่ รัชศกหยวนเหอปีที่สาม จักรพรรดินีต้าโจวนำกองทัพใหญ่เดินทางไปถึงเมืองหลวงของต้าเยี่ยน จักรพรรดิต้าเยี่ยนมู่หรงลี่ ผู้สำเร็จราชการมู่หรงเหยี่ยนนำบรรดาขุนนางในราชสำนักออกไปต้อนรับหญิงสาวที่นอกเมือง ต้าเยี่ยนประกาศอย่างเป็นทางการว่ายอมตกเป็นของต้าโจว นับจากนี้จะไม่มีแคว้นต้าเยี่ยนอีกต่อไป ในที่สุดต้าโจวก็รวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
ขณะเดียวกันทูตของตงอี๋ที่ยึดเมืองของต้าเยี่ยนได้สี่เมืองก็ขอเข้าเฝ้าจักรพรรดินีต้าโจวในเมืองหลวงของต้าเยี่ยน พวกเขาแสดงออกว่าแคว้นตงอี๋ยอมจำนนต่อต้าโจว ในเมื่อต้าเยี่ยนตกเป็นของต้าโจวแล้วตงอี๋ก็จะถอยทัพกลับเมืองของตัวเอง
ในที่สุดไป๋ชิงเหยียนก็ได้พบหน้าไป๋จิ่นถงน้องสาวคนที่สามของตัวเองในวังหลวงของต้าเยี่ยน
มู่หรงลี่และเซียวหรงเหยี่ยนเห็นร่างในชุดบุรุษของไป๋จิ่นถงปรากฏแก่สายตาในตำหนักซึ่งส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ พวกเขามองไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าคนตรงหน้าคือสตรี!
“พี่หญิงใหญ่!” เมื่อไป๋จิ่นถงก้าวเข้ามาด้านในเรียบร้อย นางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก จากนั้นหันไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “พี่เขย…”
มู่หรงลี่รู้ว่าวันนี้คือวันที่คนในครอบครัวพบหน้ากัน เขาลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋จิ่นถง ทว่า ไม่รู้ว่าควรเรียกหญิงสาวเช่นไรดีจึงกล่าวเพียง “คุณหนูสาม!”
ไป๋ชิงเหยียนกวักมือเรียกไป๋จิ่นถง “อาเจวี๋ยมีเรื่องต้องจัดการ อีกเดี๋ยวพวกเจ้าคงได้พบหน้ากัน”
ไป๋จิ่นถงเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าว นางโค้งกายทำความเคารพพี่สาวอีกครั้ง “ยินดีกับพี่หญิงใหญ่ที่รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จเจ้าค่ะ…”
“ยินดีกับพวกเราทุกคนต่างหาก ในที่สุดพวกเราก็ทำได้สำเร็จแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่ยิ้มๆ “พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันจึงทำสำเร็จ จิ่นถง…ลำบากเจ้าแล้ว!”
ไป๋จิ่นถงส่ายหน้า “พี่หญิงใหญ่รู้จักข้าดี ข้าเต็มใจปลอมกายเป็นบุรุษทำการค้าเพื่อรวบรวมแหล่งข่าวให้ต้าโจวเจ้าค่ะ”
“หากครั้งนี้เจ้าไม่ได้ส่งข่าวเรื่องที่เชื้อพระวงศ์และบรรดาอ๋องร่วมมือกันกลับไปยังเมืองหลวงของต้าโจวและพี่หญิงใหญ่ของเจ้าได้ทันเวลา ต้าเยี่ยนคงต้องเกิดสงครามมากกว่านี้!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้น “เจ้ามีความดีความชอบมาก”
“หากคุณหนูสามไม่ส่งข่าวได้ทันเวลา ข้าอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ท่านอาเก้าอาจกลับมาไม่ทัน ท่านแม่ของข้าถูกเชื้อพระวงศ์หลอกใช้ ทหารของต้าเยี่ยนจะกลายเป็นอาวุธสังหารของอ๋องเหล่านั้น ชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนไม่จบสิ้น” มู่หรงลี่กล่าว “ท่านอาเก้ากล่าวถูกต้อง คุณหนูสามมีความดีความชอบยิ่งใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋จิ่นถงเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้กลับไปเจ้าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องเสียที ท่านอาสะใภ้สามต้องดีใจมากแน่ๆ”
ตอนที่อนุญาตให้ไป๋จิ่นถงออกเดินทางไปทำการค้าไป๋ชิงเหยียนเคยกล่าวไว้ว่าไป๋จิ่นถงคือการเปลี่ยนแปลงของตระกูลไป๋!
ครั้งนี้สิ่งสำคัญที่ทำให้ต้าโจวยึดต้าเยี่ยนได้สำเร็จคือข่าวที่ไป๋จิ่นถงส่งกลับไปยังเมืองหลวง ต้าโจวยกทัพใหญ่เดินทางมาประชิดชายแดนของต้าเยี่ยนล่วงหน้าจนอ๋องเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว
วันที่สิบ เดือนสี่ รัชศกหยวนเหอปีที่สาม จักรพรรดินีต้าโจวแต่งตั้งมู่หรงลี่เป็นเยี่ยนซานอ๋อง ตั้งแต่ผู้สำเร็จราชการมู่หรงเหยี่ยนเป็นเยี่ยนเซียงอ๋อง จากนั้นพาเยี่ยนซานอ๋องและเยี่ยนเซียงอ๋องเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงของต้าโจวด้วย
กองทัพของฮู่กั๋วอ๋องและเจิ้นหนานอ๋องออกเดินทางกลับต้าโจวเช่นเดียวกัน พวกเขานัดพบกับกองทัพของจักรพรรดินีต้าโจวที่เมืองอวี้ไต้
กองทัพของเจิ้นกั๋วอ๋องและฝู่กั๋วอ๋องรวมตัวกับกองทัพของจักรพรรดินีต้าโจวที่ชายแดนของต้าเยี่ยน จากนั้นคุ้มกันจักรพรรดินีต้าโจวกลับเมืองหลวงของต้าโจว
เสิ่นชิงจู๋และเจียงรั่วไห่ที่พากองทัพตงอี๋บุกยึดเมืองของต้าเยี่ยนรับรู้ข่าวจึงพากองทัพตงอี๋ถอยทัพกลับแคว้นตงอี๋
ซือคงเสิ่นเทียนจือและเซวียเหรินอี้ที่ถูกส่งมาดูแลเมืองในการควบคุมของต้าโจวเดินทางกลับเมืองหลวงของต้าโจวพร้อมจักรพรรดินีต้าโจวด้วย
ระหว่างทางชาวบ้านต่างพากันคุกเข่ารอส่งขบวนเสด็จของจักรพรรดินีของต้าโจว พวกเขาอยากมีโอกาสได้เห็นหน้าจักรพรรดินีผู้รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จสักครั้ง
ทว่า จักรพรรดินีของพวกเขานั่งอยู่ในรถม้าคันงามที่แกะสลักอย่างงดงาม พวกเขาไม่มีโอกาสได้เห็นฝ่าบาทของพวกเขาขี่ม้าอย่างองอาจ ไม่มีโอกาสเห็นหน้าเจิ้นกั๋วอ๋อง ฝู่กั๋วอ๋องและจงกั๋วอ๋อง ผู้ที่ขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนคือเกาอี้อ๋องน้องสาวของจักรพรรดินีต้าโจว แม้นางจะอายุยังน้อย ทว่า มีความสามารถเก่งกาจ รัศมีน่าเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน
ระหว่างเดินทางกลับต้าโจวไป๋ชิงเหยียนพลิกอ่านฎีกาและปรึกษาเรื่องการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งกับเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋ชิงอวี๋ ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถง ไป๋ชิงเจวี๋ย มู่หรงลี่และเสิ่นเทียนจือไปตลอดทาง