สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 182 หนึ่งต่อสิบ
ตอนที่ 182 หนึ่งต่อสิบ
“ใช่แล้ว หลายปีก่อนข้าสูญเสียวิทยายุทธไปจนหมดสิ้น เป็นเพียงคนไร้ค่าเท่านั้น!” ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังอวิ๋นพั่วสิงที่เกือบโมโหถึงขีดสุด
“ทว่า ข้าได้ยินมาว่าผู้มีนามว่าอวิ๋นพั่วสิงที่หวาดกลัวกองทัพไป๋เป็นอย่างมากราวกับเด็กชายกลัวบิดา! สมคบคิดกับพวกขี้ขลาดอย่างหนานเยี่ยนและรองแม่ทัพหลิวฮ่วนจางของท่านปู่ เขาถึงขนาดรวบรวมทหารนับแสนนายและใช้แผนการสกปรกโดยไม่เลือกวิธีถึงจะสังหารบุรุษตระกูลไป๋ได้ทั้งหมด!”
“ข้าเลยคิดว่า แม้เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์อย่างข้า แต่หากพยายามอย่างสุดความสามารถก็คงตัดศีรษะของเจ้ามาได้ ทว่า น่าเสียดาย คนไร้ประโยชน์อย่างข้ายังไม่ทันพยายามจนถึงที่สุด กองทัพซีเหลียงของเจ้าก็พ่ายแพ้ยับเยินกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของข้าเสียแล้ว ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!”
แววตาของหญิงสาวเยือกเย็น “ดูเหมือนว่าหากไม่มีหนานเยี่ยนคอยช่วยเหลือ ไม่มีหลิวฮ่วนจางคอยส่งสาร อวิ๋นพั่วสิงยังสู้สตรีไร้ประโยชน์อย่างข้ามิได้เลย!”
ดวงตาของอวิ๋นพั่วสิงวาวโรจน์ ขบกรามแน่น “เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าดูถูกข้ามากเกินไปแล้ว!”
“สำหรับเจ้า การกล่าวความจริงคือการดูถูกเช่นนั้นหรือ!” ไป๋ชิงเหยียนจ้องตากลับอย่างโกรธแค้น กัดฟันมองดูอวิ๋นพั่วสิง
“เจ้าตัดศีรษะและคว้านท้องน้องชายสิบเจ็ดของข้า! นั่นไม่ใช่การย่ำยีดูถูกหรืออย่างไร! แม้เจ้าจะสังหารท่านปู่และท่านพ่อของข้าด้วยกลอุบายต่ำช้า ทว่าเจ้าทำไปเพื่อผลประโยชน์ของซีเหลียงในฐานะแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ข้านับถือเจ้า ทว่าเจ้าในฐานะบุรุษอกสามศอก เจ้าไม่เพียงตัดศีรษะของเด็กที่อายุเพียงสิบขวบ แต่ยังชำแหละร่างของเขาอย่างย่ำยี! เจ้ามันไม่คู่ควรเกิดเป็นคน! ข้าดูถูกเจ้า!”
อวิ๋นพั่วสิงนึกถึงเด็กน้อยที่อายุเพียงสิบขวบที่ก่อนตายก็ยังคงหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี เขาขบกรามแน่น ตะโกนออกมา “กองทัพทำศึก ไม่ว่าเด็กหรือคนชรา เมื่อถือดาบก็คือทหารทั้งสิ้น จะอ้างเรื่องความเมตตากรุณาดังเช่นสตรีได้อย่างไร!”
สิ้นเสียงของอวิ๋นพั่วสิง ลูกธนูพุ่งทะยานกลางอากาศปักทะลุหัวเข่าของอวิ๋นพั่วสิง รวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกธนู เลือดสดไหลทะลักออกมา เข่าข้างหนึ่งของอวิ๋นพั่วสิงทรุดลงกับพื้น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายชาวาบ จ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
ทหารซีเหลียงชักดาบออกมา ทว่า พวกเขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองทัพไป๋ที่มีท่าทีดุดันจึงไม่กล้าลงมือทำสิ่งใด
“ธนูดอกนี้เพื่อน้องชายคนที่สิบเจ็ดของข้า!” แววตาของหญิงสาวเยือกเย็น
ลูกธนูดอกต่อไปแทงทะลุหัวเข่าด้านขวาของอวิ๋นพั่วสิง เขาทรุดลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ
“ดอกนี้เพื่อให้เจ้าคุกเข่าขอขมาน้องชายสิบเจ็ดของข้า!”
“จะฆ่าก็ฆ่าเลย คนอย่างอวิ๋นพั่วสิงไม่กลัวอยู่แล้ว!” อวิ๋นพั่วสิงตวาดออกมา
“ฆ่าเจ้า?” หญิงสาวกำธนูเซ่อรื้อที่อยู่ในมือแน่น “ฆ่าคนที่ขี้ขลาด ไร้ความสามารถอย่างเจ้าถือเป็นการดูถูกธนูเซ่อรื้อของข้าเกินไป”
“เสี่ยวไป๋ไซว่! ใช้ดาบของข้าเถิด! ข้าไม่กลัวเลือดของอวิ๋นพั่วสิงจะลบหลู่ดาบอันเป็นที่รักของข้าขอรับ!” สีหน้าของเฉิงหย่วนจื้อหนักแน่น ชักดาบอันเป็นที่รักของตนยื่นส่งให้ไป๋ชิงเหยียน “ข้าจะเอาไปล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ขอรับ”
อวิ๋นพั่วสิงไม่อาจทนโดนดูถูกได้ ขบกรามแน่น ชักดาบโค้งออกมาปาดไปที่คอของตัวเองเพื่อปลิดชีพ
“เพล้ง…”
ดาบโค้งที่อยู่ในมือของอวิ๋นพั่วสิงยังไม่ทันแตะไปที่ลำคอ ข้อมือของเขาก็ถูกธนูยิงใส่เสียก่อน ดาบโค้งหล่นลงสู่พื้น
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
ดวงตาของทหารซีเหลียงแดงก่ำราวกับหมาจนตรอก จ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนเขม็ง
“อวิ๋นพั่วสิง วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“เสี่ยวไป๋ไซว่! ไม่ได้นะขอรับ! มันฆ่าท่านแม่ทัพใหญ่ รองแม่ทัพใหญ่นะขอรับ! จะปล่อยมันไปได้อย่างไรขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อเบิกตาโพลง เขารอเวลานี้มานานมาก เกลียดจนแทบอยากเลาะกระดูก ถลกหนังและตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิง จะปล่อยมันไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน
หญิงสาวไม่เปลี่ยนใจ ข่มความแค้นที่มีอยู่ในใจมองไปทางอวิ๋นพั่วสิงที่มีสีหน้าตกตะลึง กล่าวขึ้น “ข้าให้เวลาเจ้าสามปี สามปีหลังจากนี้ เจ้าจงพาทายาทตระกูลอวิ๋นทุกคนมาหาข้า หากเจ้าไม่มา ข้าจะนำกองทัพไป๋บุกไปยังแคว้นของเจ้า สังหารชาวบ้านซีเหลียง ทำลายราชวงศ์ซีเหลียง ฆ่าล้างโคตรตระกูลอวิ๋นของเจ้า ไม่ให้เหลือแม้แต่สุนัขสักตัว!”
อวิ๋นพั่วสิงที่เจ็บปวดจนไม่อาจยืนขึ้นได้เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน มองดูสตรีที่เต็มไปด้วยไอสังหารรอบกาย ทว่ายังคงสงบเยือกเย็นอยู่อย่างเดิม เขารู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก
“หลีกทาง!” ไป๋ชิงเหยียนชูธนูเซ่อรื้อขึ้นสูง สั่งให้กองทัพไป๋หลีกทางให้อวิ๋นพั่วสิง
“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เฉิงหย่วนจื้อหมัดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
“ปล่อยอวิ๋นพั่วสิงไปไม่ได้นะขอรับ ท่านต้องแก้แค้นให้กองทัพไป๋นะขอรับ!”
“เสี่ยวไป๋ไซว่! ปล่อยไปไม่ได้นะขอรับ!”
กองทัพไป๋ไม่ยินยอม ทุกคนก้าวไปด้านหน้า แสดงท่าทีพร้อมสู้จนตัวตาย
ดวงตาแดงฉานของหญิงสาวกวาดมองไปยังเหล่าทหารของกองทัพไป๋ที่ไม่ยอมถอย ตะคอกออกมาเสียงดัง “ผู้ใดขัดคำสั่งประหาร! หลีกทาง!”
คำสั่งคือประกาศิต แม้กองทัพไป๋จะไม่ยินยอม แต่ก็ทำได้เพียงหลีกทางให้ พวกเขาขบกรามแน่น มองไปทางอวิ๋นพั่วสิงอย่างเดือดดาล
อวิ๋นพั่วสิงที่ได้ขาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจเดินได้ถูกทหารซีเหลียงช่วยกันประคองขึ้นมา เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียน “เจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆ หรือ”
“เจ้ามีเวลาแค่สามปี หวังว่าสามปีหลังจากนี้เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ อย่าให้ข้าชนะอย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปากดังเช่นวันนี้อีก!” กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนเบนกายหลีกทางให้ ทหารกองทัพไป๋ต่างทยอยหลีกทางให้อย่างไม่เต็มใจ
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวเช่นนี้ ทว่า กองทัพซีเหลียงก็ยังคงไม่วางใจ พวกเขาถือดาบคุ้มกันอวิ๋นพั่วสิงทั้งสี่ทิศ ค่อยๆ เดินผ่านกองทัพไป๋ที่แทบอยากจะกลืนกินพวกเขาลงไปทั้งตัวด้วยสายตาที่หวาดระแวง
ไม่นาน ทหารซีเหลียงประคองอวิ๋นพั่วสิงเดินออกไปยังทางออกของหุบเขา ทหารซีเหลียงที่มีร่างกายกำยำแบกอวิ๋นพั่วสิงขึ้นบ่า หายลับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ากองทัพไป๋จะเปลี่ยนใจ
“เสี่ยวไป๋ไซว่! เหตุใดจึงปล่อยมันไปขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อถามอย่างโมโห “แม้เป็นคำสั่งทางทหาร แต่ข้าไม่อาจยอมรับได้! อวิ๋นพั่วสิงตัดศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่ไปแขวนไว้ในค่ายทหารซีเหลียงของพวกมันเพื่อย่ำยีกองทัพไป๋ของเรา! เสี่ยวไป๋ไซว่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพใหญ่ เหตุใดจึงปล่อยศัตรูที่สังหารบิดาตัวเองไปเช่นนี้ขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังความมืดมิดตรงหน้า กำหมัดแน่น จนเมื่อมองไม่เห็นร่างของอวิ๋นพั่วสิงแล้ว นางจึงหันกลับไปหาเฉิงหย่วนจื้อ ข่มโทสะที่มีอยู่ในใจ กล่าวออกมา “ข้ารู้ว่าท่านแม่ทัพไม่ยอมรับ ทหารทุกท่านไม่ยอมรับ! ท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายของข้าเสียชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น! ข้ายอมรับได้อย่างนั้นหรือ! ข้ายิ่งรับไม่ได้เช่นเดียวกัน! ทว่า หากวันนี้ข้าไม่ปล่อยอวิ๋นพั่วสิงไป หลังจากสงครามที่หนานเจียงในครั้งนี้จบลง รัชทายาทไม่มีทางปล่อยให้กองทัพไป๋มีชีวิตรอดแม้แต่ผู้เดียว!”
เสียงหนักแน่นของหญิงสาวดังขึ้นท่ามกลางเสียงลมพัดอย่างโหยหวนในหุบเขาลึก
“พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงส่งซิ่นอ๋องที่ไม่เคยแม้แต่ออกรบนำป้ายอาญาสิทธิ์มาเป็นผู้คุมกองทัพยามท่านปู่ออกรบด้วย พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดซิ่นอ๋องจึงกล้าบีบบังคับให้ท่านปู่ไปออกรบกัน! พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดเหลียงอ๋องจึงกล้าปลอมแปลงจดหมายใส่ร้ายว่าท่านปู่เป็นกบฏ! นั่นก็เพราะว่าฮ่องเต้และขุนนางชั่วช้าขี้ประจบสอพลอพวกนั้นเห็นว่ากองทัพไป๋เป็นหอกข้างแคร่ของพวกเขาที่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสีย! เพราะเหตุใดกัน เพราะพวกเจ้าคือกองทัพไป๋ เพราะพวกเจ้าแบกธงเฮยฟานไป๋หมั่งขึ้นมาได้! เพราะพวกเขาคิดว่ากองทัพไป๋คือกองทัพส่วนตัวของตระกูลไป๋ เพราะว่ากองทัพไป๋แข็งแกร่งเกินไป! เพราะกองทัพไป๋สามรถสู้หนึ่งต่อสิบได้! เพราะชื่อเสียงของกองทัพไป๋เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น! เพราะความสามารถของกองทัพไป๋ ไม่มีผู้ใดในแคว้นต้าจิ้นสามารถเทียบเทียมได้!”
“ที่วันนี้ไป๋ชิงเหยียนสามารถมายืนอยู่ตรงนี้ ร่วมเป็นร่วมตายไปกับทุกท่านได้! ต้องขอบคุณแม่ทัพฟางเหยียน แม่ทัพเยว่จือโจว อู๋เจ๋อและจี้ถิงอวี๋บ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋! พวกเขาไม่กลัวตาย ปกป้องและส่งบันทึกสถานการณ์รบกลับไปยังเมืองหลวงด้วยชีวิตของพวกเขา ล้างมลทินเรื่องดึงดันออกรบและสมคบคิดกับศัตรูของท่านปู่! บีบบังคับจนฮ่องเต้ต้องจำใจลงโทษซิ่นอ๋องเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลไป๋ บีบจนฮ่องเต้ต้องไว้ชีวิตสตรีตระกูลไป๋อย่างพวกข้า!”