สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 191 สงครามครั้งมหัศจรรย์
ตอนที่ 191 สงครามครั้งมหัศจรรย์
แม้กองทัพซีเหลียงจะมีทหารมากมายเพียงใดแต่ก็พ่ายแพ้ย่อยยับจนต้องหนีออกจากเทียนเหมินกวน
ทางด้านสงครามที่อำเภอเฟิง เพราะมีค่ายหู่อิงคอยช่วยเหลือ กองทัพใหญ่ของหนานเยี่ยนจึงถอยทัพหนีออกจากอำเภอเฟิงก่อนฟ้าสว่างเสียอีก ระหว่างทางพวกเขาได้ยินว่ากองทัพใหญ่ของซีเหลียงพ่ายแพ้จนต้องหนีออกมาจากเทียนเหมินกวน กองทัพหนานเยี่ยนที่สูญเสียเสบียงไปแล้วจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที แม่ทัพใหญ่ของหนานเยี่ยนออกคำสั่งให้กองทัพถอยหนีไปยังเหยากวนเพื่อรับเสบียงที่ส่งมาจากหนานเยี่ยนก่อน จากนั้นรอดูว่าซีเหลียงมีแผนรับมือเช่นใด พวกเขาค่อยวางแผนต่อ
สงครามครั้งนี้คือสงครามหุบเขาเวิ่ง อาจเรียกได้อีกอย่างว่าสงครามครั้งมหัศจรรย์ของใต้หล้า
กองทัพเสริมของต้าจิ้นห้าหมื่นนายและกองทัพไป๋ในเมืองเวิ่งซึ่งพ่ายแพ้จนเหลือเพียงหนึ่งหมื่นนายโจมตีกองทัพใหญ่นับแสนที่แข็งแกร่งของซีเหลียงและหนานเยี่ยนพ่ายแพ้ย่อยยับภายในคืนเดียว
ที่สำคัญสงครามในหุบเขาเวิ่งยังเป็นสงครามครั้งประวัติศาสตร์ที่สามารถเอาชนะได้ด้วยกำลังทหารที่น้อยกว่าอีกต่างหาก
ต่อมาได้ฟังคำบรรยายจากปากของชาวบ้านที่อยู่ในเมืองเวิ่งว่าเปลวเพลิงในหุบเขาเวิ่งลุกท่วมอยู่ถึงครึ่งเดือน อากาศของเมืองเวิ่งปกคลุมไปด้วยกลิ่นไหม้ของเปลวไฟอยู่เป็นเวลานาน
กองทัพต้าจิ้นยึดเทียนเหมินกวนกลับมาได้ ทุกคนฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนแขวนศีรษะบุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงไว้บนกำแพงสูงของเทียนเหมินกวน ตอนนั้น
ซีเหลียงย่ำยีท่านพ่อและกองทัพไป๋อย่างไร นางจะคืนให้เป็นร้อยเท่าพันเท่า!
ทหารบางคนเสนอว่าควรไล่ตามไปกวาดล้างกองทัพซีเหลียงที่หนีไปให้สิ้นซาก
ไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมสั่งให้เคลื่อนพล หญิงสาวจัดทัพป้องกันเทียนเหมินกวนใหม่ทั้งหมด สั่งให้กองทัพต้าจิ้นและกองทัพไป๋ที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันทั้งคืนพักผ่อนกันอย่างเต็มที่
เหล่าทหารกินหมั่นโถว ดื่มน้ำแกงพลางสนทนาเรื่องสงครามครั้งนี้กันอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนนำทหารยอดฝีมือสองร้อยนายบุกเข้าไปตัดศีรษะบุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงในค่ายทหารของซีเหลียง ยิ่งเอ่ยถึงก็ยิ่งทำให้เลือดร้อนในกายของเหล่าทหารพลุ่งพล่าน!
คงเป็นเพราะการทำสงครามครั้งนี้เหนื่อยมากเกินไป เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าให้พวกเขาพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ในคืนนี้ บรรดาทหารยังกินหมั่นโถวไม่หมดก็เอนพิงบ่าทหารด้วยกันผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
แม้เป็นเวลากลางวัน ไป๋ชิงเหยียนก็ยังให้คนก่อกองไฟไว้ตรงกลางทหารเหล่านั้น จากนั้นสั่งให้คนนำผ้าห่มมาคลุมให้พวกเขา ป้องกันไม่ให้พวกเขาเป็นหวัด
ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงฉานเนื่องจากไม่ได้นอนทั้งคืน หญิงสาวเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนที่กำลังเดินสำรวจความเรียบร้อยทั่วทั้งค่าย โน้มน้าวเสียงเบา “พี่หญิงใหญ่ได้รับบาดเจ็บอยู่ พักสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิดเจ้าค่ะ!”
“เสี่ยวซื่อไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องเดินตามพี่หรอก…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อซึ่งมีสีหน้าอ่อนล้าเต็มที
ก่อนที่ไป๋จิ่นจื้อจะเดินทางติดตามไป๋ชิงเหยียนมายังหนานเจียง นางถือได้ว่าเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างสุขสบายในเมืองหลวง ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้นอนนานเท่าใด ไป๋จิ่นจื้อก็ไม่ได้นอนนานเท่านั้น เด็กกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต จะทนไหวได้อย่างไรกัน
“พี่หญิงใหญ่ไปพักผ่อนพร้อมกันเถิดเจ้าค่ะ! มิเช่นนั้นข้าก็ไม่ไปเช่นกันเจ้าค่ะ!” ทั้งๆ ที่ง่วงจนแทบทนไม่ไหว ทว่า ไป๋จิ่นจื้อยังคงกระตุกแขนของพี่สาวอย่างดึงดัน
เซียวรั่วเจียงที่เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนมาตลอดกล่าวขึ้น “คุณหนูสี่ไปพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ! คุณหนูใหญ่ตรวจสอบความเรียบร้อยของกองทัพหลังจากเสร็จศึกเหมือนกับที่ท่านรองแม่ทัพใหญ่เคยทำ คุณหนูใหญ่ต้องตรวจสอบให้ครบก่อนขอรับ!”
“ไปพักผ่อนเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนช่วยไป๋จิ่นจื้อกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น กล่าวกับน้องสาวเสียงเบาหวิว “ตอนนี้พี่ยังต้องการเจ้าคอยปกป้อง พวกเรายังทำสงครามไม่เสร็จ เจ้าจะล้มแล้วหรืออย่างไร”
ไป๋จิ่นจื้อส่ายหน้า
“ไปเถิด! พี่ตรวจค่ายเสร็จแล้วจะตามไป!”
ไป๋จิ่นจื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงได้แต่พยักหน้า นางต้องพักฟื้นให้เต็มที่ ต่อไปจะได้ปกป้องพี่หญิงใหญ่ได้อย่างสุดความสามารถ
มองไป๋จิ่นจื้อเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนตรวจค่ายทหารเสร็จ พบว่าแม้กระทั่งทหารที่ได้รับบาดเจ็บต่างก็พักผ่อนกันหมดแล้ว หญิงสาวจึงขึ้นไปบนเทียนเหมินกวนพลางมองไกลออกไป
“มีข่าวของน้องชายเจ็ด น้องชายเก้าและเสิ่นชิงจู๋บ้างหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถาม
หลังจากทำสงครามเสร็จ หากว่ายังไม่มีข่าวของพวกเขา หญิงสาวตั้งใจจะนำคนไปค้นหาที่ซีเหลียงด้วยตัวเอง
“เรียนคุณหนูใหญ่ ยังไม่มีเลยขอรับ!” เซียวรั่วเจียงตอบอย่างอึกอัก
หญิงสาวพยักหน้า หันไปกล่าวกับเซียวรั่วเจียง “หรู่ซยงหาคนเฝ้าค่ายทหารเอาไว้ ค่ายหู่อิงรู้ว่ากองทัพไป๋อยู่เทียนเหมินกวน พวกเขาต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน หากพวกเขามาถึงแล้วให้คนบอกพวกเขาว่าให้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่! หรู่ซยงก็ไปพักผ่อนเถิด!”
“ข้าส่งคุณหนูกลับที่พักก่อนค่อยไปพักผ่อนขอรับ” เซียวรั่วเจียงกล่าว
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงห้องพัก ไป๋จิ่นจื้อนอนหลับสนิทแล้ว หญิงสาวห่มผ้าให้น้องสาว เอนกายนอนลงข้างกายนาง ไม่นานก็หลับไป
บางทีอาจเป็นเพราะตอนกลางวันคิดมากจนเกินไป กลางคืนเลยเก็บมาฝัน ความฝันของไป๋ชิงเหยียนขณะหลับอยู่ในเทียนเหมินกวนล้วนเป็นเรื่องของน้องชายและกองทัพไป๋
พวกเขาตำหนิที่นางไม่มาให้เร็วกว่านี้ บางคนกำชับให้ไป๋ชิงเหยียนแก้แค้นแทนพวกเขาให้ได้
เสียงดังขึ้นจากทั่วทุกทิศ หญิงสาวเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงหลับตา ใช้มือทั้งสองข้างปิดหูแน่น ไม่ให้เสียงเหล่านั้นเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยิน!
“อาเป่า…”
ได้ยินเสียงของบิดา หญิงสาวเงยหน้าขึ้น…เบื้องหน้ามืดสนิท
“อาเป่า…”
ใจของหญิงสาวบีบรัดแน่น ผุดลุกขึ้นยืนในทันที มองไปรอบกายเพื่อหาเสียงของบิดา ตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านพ่อ!”
“อาเป่า! พ่ออยู่นี่ จงอย่ากลัว!”
สิ้นเสียง หญิงสาวรู้สึกว่าร่างของตัวเองถูกรวบไปอยู่ในอ้อมกอดหนาอันอบอุ่น เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่สง่างามของบิดา
“ท่านพ่อ!” หญิงสาวอดกลั้นต่อไปไม่ไหว ร้องไห้ออกมาเสียงดังในอ้อมกอดของบิดา “ขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ! อาเป่ามาช้าเกินไป อาเป่าทำให้ท่านพ่อทุกข์ทรมาน!”
“อาเป่าไม่ได้มาช้า! พ่อเห็นทุกอย่างหมดแล้ว อาเป่าของพ่อ…พยายามมากเพียงใดเพื่อยกคันธนูเซ่อรื้อขึ้นอีกครั้ง อาเป่าไม่ใช่เด็กสาวขี้อ้อนเอาแต่ใจอีกต่อไปแล้ว! ทนความลำบากได้มากเพียงใด อาเป่าของพ่อก็จะแบกรับความรับผิดชอบได้มากเท่านั้น! พ่อภูมิใจในตัวอาเป่า บรรพบุรุษของตระกูลไป๋ก็ภูมิใจในตัวอาเป่าเช่นเดียวกัน!”
นางคู่ควรแก่ความภูมิใจของท่านพ่อ ของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ที่ใดกัน
“พี่หญิงใหญ่! พี่หญิงใหญ่!”
ขนตายาวของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังหลับลึกสั่นไหวน้อยๆ จากนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“พี่หญิงใหญ่ ท่านทำข้าตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น นางร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว “พี่หญิงใหญ่เอาแต่ร้องไห้! ข้าเรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่นขึ้น หากพี่หญิงใหญ่ยังไม่ยอมตื่นอีก ข้าจะให้คนไปตามท่านหมอหงที่เมืองเวิ่งมาแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อเหมือนจะตกใจจนขวัญเสียไปจริงๆ ใบหน้าของนางขาวซีด
“พี่แค่…ฝันถึงคนในตระกูล” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือลูบไปที่ศีรษะของไป๋จิ่นจื้ออย่างแผ่วเบา
สีหน้าของไป๋จิ่นจื้อเคร่งขรึมลง เด็กสาวก้มหน้าใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ข้าก็ฝันเจ้าค่ะ ข้าฝันเห็นท่านพ่อ ท่านพ่อบอกว่าให้ข้าปกป้องพี่หญิงใหญ่ให้ดี พี่หญิงใหญ่คือคนที่จะปกป้องตระกูลไป๋ของพวกเราเจ้าค่ะ!”
ได้ยินคำกล่าวนี้ ลำคอของไป๋ชิงเหยียนจุกแน่น นางอ้าปากแต่ไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้ ทำเพียงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้น้องสาว
“พี่หญิงใหญ่ ข้าเชื่อคำกล่าวของท่านพ่อเจ้าค่ะ!” ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาของไป๋จิ่นจื้อเป็นประกาย “ท่านปู่เคยกล่าวว่าพี่หญิงใหญ่เป็นยอดนักรบ! พี่หญิงใหญ่เอาชนะกองทัพนับแสนของซีเหลียงได้ด้วยกำลังทหารเพียงห้าหมื่นนายเท่านั้น แผนการเช่นนี้แทบไม่มีผู้ใดทำได้! ข้าไป๋จิ่นจื้อขอสาบานว่าจะกลายเป็นแบบพี่หญิงใหญ่! จะกลายเป็นคนที่แบกธงเฮยฟานไป๋หมั่งของตระกูลไป๋ให้ได้เจ้าค่ะ! ข้าจะไม่ทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว! ข้าจะคิดให้ดีก่อนลงมือทำเจ้าค่ะ!”
มองดูดวงตาที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าน้องสาวคนที่สี่ที่เดิมทีควรได้รับการปกป้องอย่างทะนุถนอม เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากหลังจากผ่านสงครามที่หนานเจียงมา นางกลายเป็นสตรีที่สามารถช่วยปกป้องคุ้มครองตระกูลไป๋ได้แล้ว!
หญิงสาวพยักหน้าให้ไป๋จิ่นจื้อ “พี่เชื่อเจ้า!”