สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 211 เคารพเชื่อฟัง
ตอนที่ 211 เคารพเชื่อฟัง
สังหารจนหมดเกลี้ยง…ช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยมอำมหิตอันใดเช่นนี้
นึกถึงตอนที่เจิ้นกั๋วอ๋องนำทัพออกรบ ทุกที่ที่เขาไปเยือน เขาไม่เคยทำลายล้างหรือปล้นชิง ไม่เคยสังหารหมู่หรือสังหารทหารที่ยอมจำนน คุณธรรมของเขาเป็นที่กล่าวขานไปทั่วหล้า
ไป๋ชิงเหยียนเป็นทายาทของตระกูลไป๋ ทว่า ช่างแตกต่างจากเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงผู้ทรงคุณธรรมราวฟ้ากับเหว ช่างเป็นสตรีที่โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ เขาหลิ่วหรูซื่อไม่ต้องการเสวนากับคนใจอำมหิตเช่นนี้
ไป๋จิ่นจื้อเห็นท่าทีที่หลิ่วหรูซื่อมีต่อไป๋ชิงเหยียน นางรู้สึกไม่พอใจมาก จ้องไปทางหลิ่วหรูซื่อเขม็ง หากองค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ตรงนี้ นางจะฟาดแส้ใส่บัณฑิตจองหองผู้นี้สักสองสามที! เขาแสดงท่าทีหยิ่งยโสใส่พี่หญิงใหญ่ได้อย่างไรกัน หากพี่หญิงใหญ่ไม่มาออกรบ เขาจะได้เป็นตัวแทนแคว้นเดินทางมาเจรจาสงบศึกในฐานะผู้ชนะเช่นนี้หรือ
องค์รัชทายาทเหลือบมองหลิ่วหรูซื่อพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาลอบสบตากับฟางเหล่า จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “แม่ทัพไป๋คงร้อนใจอยากอ่านจดหมายของครอบครัว พวกเรารีบกลับไปที่ค่ายกันเถิด พักผ่อนสักครู่แล้วค่อยเริ่มเจรจากับทางคณะทูตของซีเหลียง”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดรับคำ
เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงเชิญองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นไปทานอาหารที่ชิวซานกวนหลายครั้งแล้ว เหมือนต้องการให้องค์รัชทายาทได้พบหน้าองค์หญิงหลี่เทียนฟู่แห่งแคว้นซีเหลียงสักครั้ง ต้องการให้หญิงสาวแต่งเข้าจวนรัชทายาท
องค์รัชทายาทไตร่ตรองอยู่นาน สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะพบกับเหยียนอ๋องและองค์หญิงซีเหลียงที่จุดนัดพบตรงกลางระหว่างโยวหวาเต้าและชิวซานกวน ดังนั้นวันนี้องค์รัชทายาทจึงเสด็จมาที่โยวหวาเต้า
เฉวียนอวี๋ประคององค์รัชทายาทขึ้นไปบนรถม้า องค์รัชทายาทกวักมือเรียกให้ฟางเหล่าขึ้นมาบนรถม้าคันเดียวกันกับเขา
ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นหลังม้า นำทางอยู่ด้านหน้าสุด คุ้มกันขบวนขององค์รัชทายาทมุ่งหน้าเดินทางไปยังโยวหวาเต้า
ภายในรถม้า องค์รัชทายาทเอนกายพิงหมอน มองไปทางฟางเหล่าแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ “แผนการของฟางเหล่าได้ผลจริงๆ ด้วย หลิ่วหรูซื่อที่ก่อนหน้านี้เคยชื่นชมนับถือไป๋ชิงเหยียน บัดนี้ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปแล้ว!”
“แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ฟางเหล่าพยักหน้ายิ้มๆ “เป็นเพราะองค์รัชทายาทตัดสินพระทัยเด็ดขาดแน่วแน่ ทรงพระปรีชาชาญ ข่าวเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นเทพแห่งการสังหารจึงแพร่ไปทั่วทุกแคว้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อข่าวการสังหารทหารยอมจำนนของไป๋ชิงเหยียนแพร่กลับไปยังเมืองหลวง บัณฑิตในราชสำนักและชาวบ้านที่พอมีความรู้ต้องไม่พอใจในตัวไป๋ชิงเหยียนอยู่แล้ว ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นไม่สนใจอำนาจและเงิน ยอมกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ซั่วหยาง นางก็คงไม่ได้เป็นที่นับถือเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทอารมณ์ดีมาก พยักหน้าน้อยๆ “ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เรายังคงปกป้องตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนต้องจงรักภักดีต่อเราสุดหัวใจแน่นอน! โชคดีที่มีฟางเหล่าคอยวางแผนช่วยเหลือ เราจึงมีทุกวันนี้ได้!”
ตอนที่หลิ่วหรูซื่อมาถึง เขานำจดหมายลับจากฮ่องเต้มามอบให้องค์รัชทายาทด้วย เนื้อหาในจดหมาย…ฮ่องเต้ตรัสชมว่าตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาสุขุมหนักแน่นขึ้นไม่น้อย หวังว่าเขาจะควบคุมไป๋ชิงเหยียนให้ดี
ตั้งแต่เล็กจนโต องค์รัชทายาทแทบไม่เคยได้รับคำชมจากฮ่องเต้เลย ครั้งนี้เขาหยิบจดหมายของฮ่องเต้มาเปิดอ่านซ้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในใจรู้สึกมีความสุขมาก
เมื่อฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้ ดวงตาทั้งสองข้างคลอไปด้วยหยาดน้ำตา คุกเข่าลงในรถม้าด้วยร่างที่สั่นเทา ก้มศีรษะคำนับทั้งน้ำตา “เป็นเพราะองค์รัชทายาทยอมเชื่อใจกระหม่อม กระหม่อมถึงมีทุกวันนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ! องค์รัชทายาทคือปั๋วเล่อ[1] จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ฟางเหล่ารีบลุกขึ้นมาเถิด!” องค์รัชทายาทประคองฟางเหล่าให้นั่งลง “ระหว่างท่านและเราไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งเหล่านี้!”
หลังจากฟางเหล่าถูกองค์รัชทายาทประคองให้นั่งลงตามเดิม เขาจึงกล่าวต่อ “ทว่า หากองค์รัชทายาทต้องการลบล้างบารมีที่มีมานับร้อยปีของตระกูลไป๋ พระองค์ต้องแพร่กระจายข่าวเรื่องการสังหารทหารยอมจำนนของไป๋ชิงเหยียนให้ชาวบ้านได้รับรู้เป็นวงกว้างพ่ะย่ะค่ะ! เช่นนี้…ชาวบ้านถึงจะรู้ว่าทายาทของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงใด ต่อไปความเก่งกาจของตระกูลไป๋จะได้ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าฮ่องเต้และองค์รัชทายาทผู้ทรงคุณธรรมและมีความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทลังเล ฟางเหล่าจึงกล่าวเสริม “เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลไป๋ต้องโทษว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนทำให้ตระกูลไป๋เสื่อมเสียชื่อเสียง ยิ่งเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนแพร่กระจายไปมากเท่าใด นางก็จะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์มากเท่านั้น เมื่อถึงตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนจะถูกทุกคนรังเกียจ ทว่า องค์รัชทายาทกลับให้ความสนิทสนมกับนาง นางจึงทำได้เพียงพึ่งบารมีขององค์ชายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้า “ฟางเหล่ากล่าวได้มีเหตุผลมาก เดี๋ยวเราจะจัดการเอง!”
“ส่วนกองทัพไป๋…” ฟางเหล่าลูบเครา จากนั้นเอ่ยอย่างเนิบนาบ “กระหม่อมคิดว่าควรให้กองทัพไป๋อยู่ที่โยวหวาเต้าจะเป็นการดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเจรจาสงบศึกกับซีเหลียงเสร็จเรียบร้อย ให้กองทัพไป๋ไปคุ้มกันเมืองที่ซีเหลียงแบ่งมาให้เรา! เช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่ซั่วหยาง กองทัพไป๋อยู่ที่ชายแดน ไป๋ชิงเหยียนและกองทัพไป๋ก็จะไม่น่ากลัวสำหรับฝ่าบาทและองค์ชายอีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงค่ายทหารต้าจิ้นที่โยวหวาเต้า ขณะเดินสำรวจค่ายก็ปรึกษากับบรรดาแม่ทัพไปพลางว่าตอนไปเจอกับทูตของซีเหลียงที่จุดนัดพบตรงกลางระหว่างโยวหวาเต้าและชิวซานกวนจะนำผู้ใดไปบ้าง
แม่ทัพสือพานซานกล่าวยิ้มๆ โดยไม่จำเป็นต้องคิด “ควรให้แม่ทัพไป๋ไปกับองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! มีแม่ทัพไป๋ไปด้วยต้องข่มบารมีของพวกซีเหลียงได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้จะได้กอบโกยผลประโยชน์ให้ต้าจิ้นของเราได้มากขึ้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้า หันไปมองไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “ไม่รู้ว่าแม่ทัพไป๋จะยินดีไปกับเราหรือไม่”
“องค์รัชทายาทมีรับสั่ง ไป๋ชิงเหยียนย่อมทำตามอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดรับคำ
องค์รัชทายาทอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม กล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นแม่ทัพไป๋รีบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเถิด อีกเดี๋ยวเดินทางไปร่วมเจรราพร้อมกับเราและใต้เท้าหลิ่ว! แม่ทัพจางตวนรุ่ยและคนอื่นๆ เดินสำรวจค่ายกับเราก็พอแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนรับคำ จากนั้นพาไป๋จิ่นจื้อเดินจากไป
เมื่อเข้าไปในกระโจม หญิงสาวรีบหยิบจดหมายของไป๋จิ่นซิ่วออกมาเปิดอ่าน
แม้จะรู้ว่าองค์รัชทายาทคงอ่านเนื้อหาในจดหมายก่อนแล้ว ทว่า นางก็ยังร้อนใจอยู่ดี
ไป๋จิ่นจื้อถลาเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน เอ่ยถามขึ้น “พี่หญิงรองเขียนว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ใจเริ่มหวาดกลัว…
หญิงสาวกลัวว่าเมื่อข่าวเรื่องสังหารทหารยอมจำนนแพร่ไปถึงเมืองหลวง ท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้จะตำหนินาง ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วกลับบอกว่าตระกูลไป๋สงบเรียบร้อยดี เรื่องของจวนจงหย่งโหวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋จิ่นซิ่วตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว คิดว่าคงมีในคืนวันแต่งงาน ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวว่าเด็กคนนี้รอดพ้นจากความตายมาได้ ภายภาคหน้าต้องเป็นคนเข้มแข็งอย่างแน่นอน
“พี่หญิงรองตั้งครรภ์แล้ว!” ไป๋จิ่นจื้อดีใจจนควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่อยู่ “ข้าจะกลายเป็นน้าสี่แล้วเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋จิ่นจื้อที่มีท่าทีดีใจอย่างควบคุมไม่อยู่ จากนั้นพยักหน้ายิ้มๆ พลางกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว เจ้าจะกลายเป็นน้าสี่แล้ว กลับไปถึงเมืองหลวง เจ้าก็คิดดูให้ดีว่าจะเย็บเสื้อหรือรองเท้าให้หลานของเจ้าดี!”
“พี่หญิงใหญ่กำลังทำให้ข้าลำบากนะเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่ดูมือทั้งสองของข้า…เหมือนคนที่เย็บปักถักร้อยเป็นหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อแบมือทั้งสองข้างออก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ทว่า ภายภาคหน้าข้าสามารถสอนให้หลานชายหรือหลานสาวของข้าขี่ม้า ฟาดแส้ และสอนกระบวนท่าวิทยายุทธให้พวกเขาได้เจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
ช่างดีจริงๆ …
ไป๋จิ่นซิ่วตั้งครรภ์ เสี่ยวชียังมีชีวิตอยู่! หากเสี่ยวจิ่วยังมีชีวิตอยู่อีกคน…แสดงว่าสวรรค์คุ้มครองตระกูลไป๋จริงๆ
ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนชื่อเสียงของนางจะเป็นเช่นไร ขอแค่ไม่ส่งผลกระทบต่อตระกูลไป๋ นางล้วนไม่ใส่ใจทั้งสิ้น
———————————————
[1] ปั๋วเล่อ เป็นเทพบนสวรรค์ที่จัดการดูแลเรื่องม้า ผู้คนจึงนำชื่อปั๋วเล่อมาใช้เรียกผู้ที่มีความสามารถในการดูลักษณะม้าว่าเป็นม้าดีหรือม้าเลว หรือใช้เปรียบเปรยผู้ที่มีความสามารถดูลักษณะคนเก่ง คนดี คนมีความสามารถ