สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 212 สาวงามผู้หยิ่งทระนง
ตอนที่ 212 สาวงามผู้หยิ่งทระนง
นอกเหนือจากความปิติยินดีแล้ว ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงท่าทีที่หลิ่วหรูซื่อมีต่อไป๋ชิงเหยียนในวันนี้จึงเอ่ยถาม
“พี่หญิงใหญ่ เราชนะศึกครั้งนี้แล้ว รัชทายาทคงให้เราเดินทางกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับคณะทูตของซีเหลียง พวกเราจะพากองทัพไป๋กลับไปเมืองหลวงด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนคาดไม่ถึงว่าเสี่ยวซื่อจะเป็นกังวลเรื่องนี้ด้วย หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ “ฮ่องเต้และรัชทายาทไม่มีทางปล่อยให้พวกเราพากองทัพไป๋กลับไปเมืองหลวงหรอก ไม่เพียงไม่ปล่อยให้พวกเรานำกลับไป พวกเขาคงส่งกองทัพไป๋ไปคุ้มกันดินแดนที่จะได้มาจากซีเหลียงด้วย”
กองทัพไป๋คือที่พึ่งของตระกูลไป๋ หากกองทัพไป๋ไม่กลับไปเมืองหลวงด้วย…
“แล้วจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแน่น
“ไม่กลับไปก็ดีเหมือนกัน พี่ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนยกมือลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้อ
“วางใจเถิด พี่มีแผนแล้ว”
แม้ไป๋จิ่นจื้อจะยังไม่เข้าใจในอีกหลายๆ เรื่อง ทว่า หากพี่หญิงใหญ่กล่าวว่านางมีแผนการในใจแล้ว ไป๋จิ่นจื้อก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลอีก
พลบค่ำ ไป๋ชิงเหยียน จางตวนรุ่ยและหลิ่วหรูซื่อนำกองทัพจำนวนหนึ่งติดตามรัชทายาทไปยังที่นัดหมายซึ่งอยู่ระหว่างโยวหวาเต้าและชิวซานกวน
เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยอยู่ในชุดยาวสีม่วงอ่อน สวมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีดำ มือข้างหนึ่งถือพัดเหล็กเล่มหนึ่งเอาไว้ ยืนรอต้อนรับรัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นอยู่หน้ากระโจมหรูหราที่ตั้งขึ้นเป็นการชั่วคราว
ชายหนุ่มมองเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดเสื้อเกราะสีเงินมือถือหอกเงินหงอิงขี่ม้านำขบวนอยู่ด้านหน้าสุดมาแต่ไกล นัยน์ตาดอกท้อซึ่งเป็นประกายหรี่แคบลงเล็กน้อย เขาหันไปถามที่ปรึกษาข้างกาย
“เกราะเงิน หอกเงิน ธนูเซ่อรื้อ ผู้นั้นคือเทพสังหารเสี่ยวไป๋ไซว่เช่นนั้นหรือ”
ที่ปรึกษาของหลี่จือเจี๋ยอายุราวๆ ยี่สิบกว่าปี ไม่มีหนวดเครา ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา ยืนอยู่ด้านหลังหลี่จือเจี๋ยอย่างนอบน้อม เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลี่จือเจี๋ย ชายหนุ่มจึงเงยหน้ามองไปยังเบื้องหน้า จากนั้นก้มหน้าลง ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยตอบ “คือเสี่ยวไป๋ไซว่พ่ะย่ะค่ะ”
แม้ที่ปรึกษาผู้นี้จะสวมเครื่องแต่งกายธรรมดาเฉกเช่นบุรุษคนอื่นในซีเหลียง ทว่า กิริยาท่าทางของเขาคือกิริยาที่ได้มาตรฐานของคนที่เคยอยู่ในวังหลวง ทั้งนอบน้อมทั้งสงวนท่าที
หลี่จือเจียพยักหน้าน้อยๆ มุมปากหยักยิ้มขึ้นบางๆ “รูปร่างผอมบางกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เล็กน้อย! แม้นางจะเป็นคนสังหารบิดาของเจ้า ทว่า ครั้งนี้ซีเหลียงเดินทางมาเพื่อเจรจาสงบศึก อาจัว เจ้าอย่าได้วู่วามเป็นอันขาด!”
ที่ปรึกษาที่ถูกเรียกว่าอาจัวพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ “ท่านอ๋องวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ ข้ารู้ขอบเขตดี!”
ที่ปรึกษานามว่าอาจัวผู้นี้คือบุตรบุญธรรมของของแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วแห่งแคว้นสู่ นามเต็มคือลู่เทียนจัว แม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วมีบุญคุณต่อลู่เทียนจัวมาก
ต่อมาผางผิงกั๋วถูกไป๋ชิงเหยียนตัดศีรษะ แคว้นสู่ดับสลาย ลู่เทียนจัวหลบหนีเอาตัวรอดไปยังแคว้นซีเหลียงด้วยความโกรธแค้น จับพลัดจับผลูได้เข้าวังไปรับใช้องค์หญิงหลี่เทียนฟู่ ต่อมามีวาสนาเป็นที่ต้องตาของหลี่จือเจี๋ย จากนั้นเขาจึงกลายเป็นที่ปรึกษา และบ่าวรับใช้ของหลี่จือเจี๋ยจนถึงทุกวันนี้
ลู่เทียนจัวทนใช้ชีวิตในร่างที่ไม่สมบูรณ์อย่างคนขี้ขลาดมาจนถึงวันนี้เพียงเพราะต้องการแก้แค้นให้บิดาบุญธรรมผางผิงกั๋ว และแคว้นสู่ ครั้งนี้ที่ซีเหลียงตัดสินใจร่วมมือกับกองทัพของหนานเยี่ยนบุกรุกแคว้นต้าจิ้น ลู่เทียนจัวมีส่วนร่วมไม่น้อย
ลู่เทียนจัวเป็นคนอ้างชื่อชายาของหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋อง เพื่อผูกไมตรีกับหลิวฮ่วนจาง ทำให้หลิวฮ่วนจางกลายเป็นสายลับของหนานเยี่ยน
ทว่า ลู่เทียนจัวก็ทราบดีว่าที่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตทั้งตระกูลเช่นนี้เป็นเพราะความขัดแย้งภายในของแคว้นต้าจิ้นเอง แผนการของเขาบวกกับความหวาดระแวงที่จักรพรรดิต้าจิ้นมีต่อตระกูลไป๋ รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ รวมกันจึงทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงเช่นนี้ ไม่ใช่ความสามารถของเขาเพียงคนเดียว
“หวังว่าองค์รัชทายาทจะเห็นความงามขององค์หญิง หากรัชทายาทเอ่ยปากขอองค์หญิงแต่งงานด้วยพระองค์เองจะเป็นการดีที่สุด” หลี่จือเจี๋ยกล่าว
ลู่เทียนจัวก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังกำหมัดแน่น
เมื่อเห็นว่าม้าของไป๋ชิงเหยียนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หลี่จือเจี๋ยที่ขึ้นชื่อเรื่องมีสาวงามรายล้อมมากมายตะลึงงันไปชั่วขณะ
ไป๋ชิงเหยียนเป็นแม่ทัพที่เก่งกล้ามีความสามารถ หลี่จือเจี๋ยจึงเดาว่าหญิงสาวต้องมีร่างกายที่กำยำบึกบึน ใบหน้าหยาบกร้านเหมือนชายอกสามศอกคนหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขายิ่งเห็นใบหน้าที่ประณีตงดงามของนางชัดขึ้น คาดเดาอยู่ในใจว่าสตรีผู้นี้คงมีความงามประหนึ่งเทพธิดาแน่นอน
จริงสินะ ทายาทตระกูลไป๋ที่ถูกพวกเขาจับได้ล้วนมีหน้าตาหล่อเหลา ตระกูลไป๋คงมีแต่สาวงามเช่นเดียวกัน
มุมปากของหลี่จือเจี๋ยหยักขึ้นเล็กน้อย มือซ้ายซึ่งถือพัดเหล็กอยู่เคาะไปบนฝ่ามือข้างขวาเป็นจังหวะ
“นึกไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวไป๋ไซว่ผู้นี้จะเป็นสาวงาม! อยู่ไกลถึงเพียงนี้ข้ายังได้กลิ่นหอมจากความงามของนางเลย”
ลู่เทียนจัวรู้ดีว่าหลี่จือเจี๋ยหลงใหลในความงาม ชายหนุ่มมักจะมีความอดทน และอ่อนโยนกับผู้ที่หน้าตาหล่อเหลาและสวยงามมากกว่าคนปกติ ตอนนั้นก็เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เทียนจัว เขาจึงเป็นที่ต้องตาของหลี่จือเจีย
หากไม่ใช่เพราะหลี่จือเจียชื่นชอบสาวงามทั่วทุกแคว้น ไม่สนใจบัลลังก์อันสูงส่งนั่น มิเช่นนั้นหลี่จือเจียคงอาศัยความวุ่นวายในอวิ๋นจิงแย่งชิงบัลลังก์นั้นมาครอบครองได้แล้ว
ลู่เทียนจัวกล่าวเตือนเสียงเบา “ท่านอ๋องโปรดอย่าลืมฐานะ และหน้าที่ในครั้งนี้นะพ่ะย่ะค่ะ ผลประโยชน์ของแคว้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้…ข้ารู้!” นัยน์ตาประกายดอกท้อมองไปทางไป๋ชิงเหยียน รอยยิ้มกว้างขึ้น
“เจ้าคิดว่าข้าจะหลงสาวงามจนโงหัวไม่ขึ้นหรืออย่างไร แม้จะเป็นฝ่ายศัตรู แต่ข้าก็ชื่นชมความงามของเสี่ยวไป๋ไซว่ได้นี่นา แม้ข้าจะชอบความงามแต่ก็ทำเพียงชื่นชมเท่านั้น ไม่เคยหลงหัวปักหัวปำ ข้าจะรักษามารยาท ต่อให้ข่มขู่แคว้นต้าจิ้นไม่ได้ แต่จะไม่ทำให้ต้าจิ้นดูถูกซีเหลียงเด็ดขาด”
ไม่นาน ขบวนรถม้าของต้าจิ้นก็เดินทางมาถึงบริเวณหน้ากระโจมใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลแดงลงมาจากหลังม้าเป็นคนแรก หลี่จือเจี๋ยที่ออกมายืนต้อนรับมองดูหญิงสาวอย่างตะลึงงัน นัยน์ตาดอกท้อเจ้าชู้คู่นั้นส่อประกายร้อนแรง
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังหลี่จือเจี๋ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาล้ำลึกราบเรียบ
ลู่เทียนจัวขยับไปด้านหน้า เอ่ยเสียงต่ำ “ท่านอ๋อง…”
หลี่จือเจี๋ยจึงได้สติขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย เหมือนรู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาท เขาจึงรีบโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมที่สุด ”ผู้นี้คือแม่ทัพไป๋ใช่หรือไม่!”
ทั้งๆ ที่เหมาะจะเป็นสตรีที่งดงามอ่อนโยน ทว่า เครื่องแบบทหาร ร่างที่ผอมเพรียมสูงโปร่ง ทำให้หญิงสาวดูองอาจน่าเกรงขามยิ่งนัก หลี่จือเจี๋ยไม่เคยพบสตรีที่งดงาม และเย็นชาเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นสาวงามที่หาตัวจับได้ยากจริงๆ พันปีจะพบหญิงงามที่หยิ่งทระนงเช่นนี้สักคน!
ลู่เทียนจัว “…”
เขาไม่อยากมองท่านอ๋องของเขาแล้ว ผู้ใดกล่าวว่าจะรักษามารยาท ต่อให้ข่มขู่แคว้นต้าจิ้นไม่ได้ ก็จะไม่ทำให้ต้าจิ้นดูถูกซีเหลียงเด็ดขาด!
เมื่อพบแม่ทัพใหญ่ของแคว้นศัตรูกลับทำความเคารพอย่างนอบน้อมเช่นนี้ หากพบรัชทายาทของต้าจิ้น ท่านอ๋องของเขาไม่คุกเข่าลงบนพื้นเลยหรืออย่างไรกัน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เหยียนอ๋องเกรงใจเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ลู่เทียนจัวเอาแต่ก้มหน้ายืนอยู่ด้านหลังหลี่จือเจี๋ย รู้สึกว่าท่านอ๋องของเขาเปิดทางให้ไป๋ชิงเหยียนข่มขู่ซีเหลียงเข้าให้แล้ว
เฉวียนอวี๋ประคองรัชทายาทลงมาจากรถม้า หลี่จือเจี๋ยก้าวไปด้านหน้า รู้สึกว่ารัชทายาทไม่ค่อยหล่อเหลาสักเท่าใด สู้ทายาทตระกูลไป๋ที่ถูกทหารซีเหลียงสังหารจนเกลี้ยงไม่ได้
ทว่า หลี่จือเจี๋ยกลับไว้หน้ารัชทายาทเป็นอย่างมาก เขาโค้งกายคำนับสุดตัว
“องค์รัชทายาท…”
“เหยียนอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว!” รัชทายาทพยักหน้าให้อย่างสำรวม
“เชิญองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่จือเจี๋ยกล่าวกับรัชทายาทอย่างนอบน้อม สายตาเร่าร้อนหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“เชิญแม่ทัพไป๋!”