สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 213 ไม่เป็นผลดี
ตอนที่ 213 ไม่เป็นผลดี
ภายในรถม้าคันงามของซีเหลียง
องค์หญิงหลี่เทียนฟู่สวมผ้าผืนบางปิดบังใบหน้า เห็นเพียงดวงตาคู่งามเท่านั้น หญิงสาวนอนตะแคงอยู่ในรถม้าซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องหอมอย่างเศร้าสร้อย ในมือกำหนังสือภาพที่หลี่จือเจี๋ยไปสรรหามาให้จากทั่วทุกแคว้นแน่น ท่าทีราวกับมีเรื่องหนักใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทแคว้นต้าจิ้นและเทพสังหารเสี่ยวไป๋ไซว่ผู้นั้นใกล้มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เหยียนอ๋องรับสั่งให้องค์หญิงเตรียมตัวและออกไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ หากชักช้าเกรงว่าองค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นจะไม่พอพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีของซีเหลียงกล่าวกับหลี่เทียนฟู่อยู่นอกรถม้า
หลี่เทียนฟู่ได้ยินก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที เขวี้ยงหนังสือภาพอย่างโมโห สันหนังสือกระทบโดนกระถางธูปหอมทรงสัตว์มงคลซึ่งทำจากทองคำบริสุทธิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กจนเกิดเสียงดัง
นางกำนัลสองสามคนที่อยู่ในรถม้ารีบคุกเข่าลงทันที ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยสิ่งใด ต่างตัวสั่นเทาไปตามๆ กัน
เสียงตวาดอย่างโมโหและเอาแต่ใจของหลี่เทียนฟู่ดังออกมาจากรถม้า “ไม่พอพระทัย?! หลี่จือเจี๋ยคงกลัวแคว้นต้าจิ้นจนหัวหดแล้วกระมัง! ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งซีเหลียง ต่อให้วันนี้ข้าไม่ออกไป ผู้ใดจะทำอันใดข้าได้ องค์รัชทายาทมาถึงก็รีบร้อนสั่งให้ข้าเร่งแต่งตัวออกไปพบ! ข้าว่าเขาคงลืมไปแล้วว่าเสด็จพ่อของข้าสิ้นพระชนม์อย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเสด็จพี่จึงเลือกเขามาเป็นตัวแทนในการเจรจาสงบศึก!
เขาทำซีเหลียงขายหน้าทั้งแคว้นแล้ว!”
องค์หญิงแห่งซีเหลียงได้รับการประคมประหงมจากฮ่องเต้และฮองเฮามาตั้งแต่เล็ก เป็นสตรีที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง หญิงสาวไม่เคยถูกกดดันเช่นนี้มาก่อน ดวงตาของนางแดงก่ำในทันที
นางไม่อยากเดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีเลยแม้แต่น้อย ทว่า เสด็จแม่ตรัสว่าครั้งนี้ซีเหลียงและหนานเยี่ยนร่วมมือกันรุกรานแคว้นต้าจิ้นก่อน ต่อมาต้าจิ้นเอาชนะได้ด้วยกำลังทหารที่น้อยกว่า ซีเหลียงต้องแบ่งดินแดน ชดใช้ค่าเสียหาย แต่งงานเชื่อมไมตรี มอบตัวประกัน แทนที่จะมอบตัวประกัน ไม่สู้เลือกการแต่งงานเชื่อมไมตรีดีกว่า
เสด็จแม่ยังตรัสอีกว่าบุรุษครอบครองใต้หล้า สตรีครอบครองบุรุษ ขอแค่นางเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้น ภายภาคหน้าเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ทายาทที่นางให้กำเนิดมีสายเลือดของซีเหลียงอยู่ครึ่งหนึ่ง เช่นนี้แคว้นต้าจิ้นก็ถือเป็นของซีเหลียงเช่นเดียวกัน
ทว่า เหตุใดต้องเป็นนาง นางกับเสด็จพี่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เป็นบุตรของฮองเฮาเช่นเดียวกัน แม้นางไม่ได้ฉลาดหลักแหลมเท่าเสด็จพี่ ขึ้นครองราชบัลลังก์ไม่ได้ ทว่า หลังจากเสด็จพี่ขึ้นครองราชย์ อย่างน้อยนางก็น่าจะได้ตำแหน่งอ๋อง เหตุใดนางต้องมาแต่งงานเชื่อมไมตรีเช่นนี้ด้วย!
ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ หลี่เทียนฟู่นอนอยู่ในรถม้าไม่ยอมขยับเขยื้อนกาย น้ำตาเอ่อล้นในดวงตา “เจ้าไปบอกหลี่จือเจี๋ยว่าข้าไม่สบาย หากองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นต้องการพบ เชิญพระองค์เสด็จมาหาข้าที่นี่เอง!”
“องค์หญิง…” เสียงของลู่เทียนจัวดังมาจากนอกรถม้า “บ่าวทราบดีว่าองค์หญิงไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ องค์หญิงจะอาละวาดก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงของลู่เทียนจัว หลี่เทียนฟู่ผุดลุกขึ้นนั่งทันที นิ้วมือขาวเนียนละเอียดราวกับหยกแหวกม่านออก หญิงสาวมองเห็นลู่เทียนจัวซึ่งสง่างามราวกับคุณชายยืนอยู่นอกรถม้า ดวงตากลมโตสีดำที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตามีน้ำตาไหลทะลักออกมาในทันที
“ต่อให้องค์หญิงจะโมโหเพียงใดก็ควรคำนึงถึงส่วนรวมพ่ะย่ะค่ะ…” ลู่เทียนจัวเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลี่เทียนฟู่ที่กำลังร้องไห้ใช้สายตาเศร้าโศกมองมาทางตน ใจของเขาเจ็บแปลบเล็กน้อย ก้มหน้าล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดที่พับไว้อย่างดีออกมาจากอก ยื่นให้หลี่เทียนฟู่ด้วยมือทั้งสองข้าง
หลี่เทียนฟู่กัดริมฝีปากแน่น รับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างเชื่องช้า ปล่อยมือขาวเนียนข้างที่แหวกผ้าม่านลง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
จมูกสัมผัสกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ประจำตัวของลู่เทียนจัวซึ่งติดมากับผ้าเช็ดหน้า อารมณ์ของหลี่เทียนฟู่สงบลงไม่น้อย หญิงสาวเอ่ยสั่งนางกำนัลด้วยสีหน้าบึ้งตึ้ง “พวกเจ้าออกไปให้หมด ลู่เทียนจัวเข้ามาชงชาให้ข้า”
ลู่เทียนจัวที่ยืนอยู่นอกรถม้ากำมือแน่น พยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่เทียนฟู่มองเหล่านางกำนัลที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ในรถม้า “ยังไม่ออกไปอีก!”
เหล่านางกำนัลรีบรับคำตัวสั่น ทยอยออกไปนอกรถม้าอย่างเป็นระเบียบ
“ใต้เท้าลู่ เชิญเจ้าค่ะ…” นางกำนัลข้างกายของหลี่เทียนฟู่ทำความเคารพลู่เทียนจัวอย่างนอบน้อม
ทุกคนทราบดีว่าลู่เทียนจัวเป็นขันที ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดคิดมากเรื่องที่ลู่เทียนจัวอยู่ตามลำพังกับองค์หญิงในรถม้า
ลู่เทียนจัวสะบัดชายชุดพลางก้าวขึ้นไปบนรถม้าอย่างสง่างาม เมื่อทำความเคารพหลี่เทียนฟู่เสร็จ ให้คนนำน้ำมาล้างมือจนสะอาดเรียบร้อย เขาจึงเริ่มชงชาให้หลี่เทียนฟู่
หลี่เทียนฟู่เอนกายพิงหมอน มองดูลู่เทียนจัวซึ่งมีใบหน้าสง่างามอ่อนโยนยกกาน้ำชาบนเตาผิงเทราดลงบนถ้วยน้ำชาเพื่อทำความสะอาด ชายหนุ่มชงชาให้นางด้วยท่าทีจริงจัง หลี่เทียนฟู่ทนต่อไปไม่ไหว นางพุ่งกายเข้าไปในอ้อมกอดของลู่เทียนจัว แผ่นหลังของลู่เทียนจัวกระแทกกับผนังไม้ทางด้านหลัง เครื่องชาบนโต๊ะสั่นไหวเล็กน้อย
นางกำนัลที่อยู่นอกรถม้าล้วนก้มหน้าลง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น
ภายในรถ สองมือของหลี่เทียนฟู่โอบรอบลำคอของลู่เทียนจัว ริมฝีปากประกบไปที่ปากของลู่เทียนจัวผ่านผ้าบางๆ ที่สวมอยู่บนใบหน้า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
ลำคอของลู่เทียนจัวร้อนผ่าว เขาจับไหล่ของหลี่เทียนฟู่อย่างระมัดระวัง ผลักหญิงสาวออกห่างอย่างเบามือ ดวงตาลึกล้ำของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความสงสารอย่างซ่อนไม่อยู่ เขากล่าวเสียงแผ่วเบา “องค์หญิง บ่าว…บ่าวเป็นเพียงขันที ไม่คู่ควรกับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงลืมบ่าวไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าจะให้ข้าลืมได้อย่างไร!” น้ำเสียงของหลี่เทียนฟู่สะอึกสะอื้น กระชากเสื้อของลู่เทียนจัวอย่างเอาแต่ใจ “ตอนที่เจ้าสอนเรื่องความรักระหว่างชายหญิงให้ข้า เหตุใดเจ้าถึงไม่กล่าวว่าเจ้าเป็นเพียงขันที! วันนี้ข้าต้องได้เจ้า!”
เสื้อผ้าบริเวณอกของลู่เทียนจัวถูกกระชากออก ชายหนุ่มจับมือทั้งสองข้างของหลี่เทียนฟู่ไว้แน่น กล่าวออกมาอย่างยากลำบากด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “องค์หญิง บ่าวเป็นเพียงขันที องค์หญิงจะดูหมิ่นบ่าวเช่นนี้จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเพียงอยากให้องค์หญิงมีสามีเป็นชายปกติทั่วไป องค์หญิงโปรดให้บ่าวมีศักดิ์ศรีของตัวเองหลงเหลืออยู่บ้างเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
แม้หลี่เทียนฟู่จะขอร้องอยู่หลายครั้ง ทว่า ต่อหน้าสตรีอันเป็นที่รักของตัวเอง ลู่เทียนจัวจะปล่อยให้นางเห็นร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองได้อย่างไร
หากจะโกรธ ก็ทำได้เพียงโกรธที่เขาไม่ใช่บุรุษอีกต่อไปแล้ว
ทว่า หากเขาไม่ชำระล้างตัวเองเพื่อเข้าไปในวังหลวงของซีเหลียง เขาจะได้พบกับหลี่เทียนฟู่ได้อย่างไรกัน
หลี่เทียนฟู่จ้องเขม็งไปยังลู่เทียนจัวทั้งน้ำตา ทว่า จ้องนานเข้า ความโกรธเคืองกลับแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย
“เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายถึงเพียงนี้!” หลี่เทียนฟู่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ในใจโกรธแค้นเป็นที่สุด สายตาหยุดอยู่ที่เสื้อผ้าของลู่เทียนจัวที่ถูกนางฉีกขาด นางกัดไปที่บ่าของลู่เทียนจัวอย่างแรงทันที
ลู่เทียนจัวสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด หลี่เทียนฟู่อาศัยจังหวะนั้นกระชากมือของตัวเองกลับพลางนั่งลงบนตักของลู่เทียนจัว กอดชายหนุ่มแน่น หญิงสาวกัดจนได้กลิ่นคาวเลือดในปากแต่ก็ยังคงไม่ยอมผ่อนแรง
ตัวของลู่เทียนจัวสั่นไหวเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่บ่าเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในหัวใจ เขายกมือขึ้นโอบรอบเอวของหลี่เทียนฟู่ไว้หลวมๆ อย่างทนไม่ไหว ฝ่ามืออุ่นลูบปลอบประโลมแผ่นหลังที่สั่นไหวของหลี่เทียนฟู่ ชายหนุ่มปล่อยให้นางกัดอยู่อย่างนั้น หวังทำให้อารมณ์ของหญิงสาวสงบลง “องค์หญิงระบายออกมาแล้วก็ไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ! บ่าวจะรอองค์หญิงอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนฟู่ที่กำลังกัดอย่างแรงเปลี่ยนเป็นร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น หญิงสาวร้องไห้ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่โดนรังแกและกำลังโมโห ไม่รู้จะระบายกับผู้ใดดี
…
ภายในกระโจมที่โอ่อ่าเต็มไปด้วยเสียงเพลงบรรเลง แสงไฟสว่างไสว องค์รัชทายาทและหลี่จือเจี๋ยดื่มเหล้าสนทนากันอย่างรื่นรมย์
นัยน์ตาดอกท้อของหลี่จือเจี๋ยจับจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนอยู่ตลอดเวลา กระทั่งองค์รัชทายาทยังจับสังเกตได้ ในใจเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
เหยียนอ๋องยังไม่มีพระชายาเอก หรือว่าเขาสนใจในตัวไป๋ชิงเหยียนกันนะ หากไป๋ชิงเหยียนแต่งงานไปอยู่ซีเหลียงจริงๆ มันไม่เป็นผลดีกับต้าจิ้นแม้แต่น้อย เรื่องนี้เขารู้ดี เสด็จพ่อก็คงรู้ดีเช่นเดียวกัน