สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 220 ช่วยคน
ตอนที่ 220 ช่วยคน
ไป๋ชิงอวิ๋นคือบุตรอนุของไป๋ฉีอวี้ซึ่งเป็นบิดาของไป๋จิ่นจื้อ เขาคือพี่ชายซึ่งเกิดจากบุตรอนุของไป๋จิ่นจื้อ
“คุณหนูสี่ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการช่วยคนออกมา รีบไปพบแม่ทัพเสิ่นเหลียงอวี้ก่อนเถิดขอรับ!” เซียวรั่วเจียงกล่าว
เมื่อทราบว่าเสิ่นชิงจู๋ได้รับคำสั่งให้พาทหารค่ายหู่อิงไปช่วยชีวิตคนที่ชิวซานกวน ไป๋จิ่นจื้อไม่รอช้า รีบพาเสิ่นชิงจู๋ไปพบเสิ่นเหลียงอวี้ทันที
เมื่อเสิ่นเหลียงอวี้ทราบว่าคุณชายของตระกูลไป๋ ไป๋ชิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ เขาดีใจจนขนลุกซู่
เสิ่นชิงจู๋เคยเป็นหัวหน้าองครักษ์ของหน่วยองครักษ์คุ้มครองไป๋ชิงเหยียน ร่วมเป็นร่วมตายกับไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นเสิ่นเหลียงอวี้จึงเชื่อในคำกล่าวของเสิ่นชิงจู๋อย่างไม่มีข้อสงสัย
“ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ให้นำทหารของค่ายหู่อิงไปช่วยคนเจ้าค่ะ!” สีหน้าของเสิ่นชิงจู๋เคร่งขรึม แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ทว่า ข้าต้องการนำคนไปอย่างเงียบเชียบที่สุด เมื่อช่วยคุณชายเก้าออกมาได้แล้ว จะพาเขากลับมาที่ค่ายทหารต้าจิ้นไม่ได้เด็ดขาด ข้ากับเซียวรั่วเจียงจะคุ้มกันคุณชายเก้าไปยังเมืองเฟิ่ง แม่ทัพเหลียงนำกำลังคนกลับมาที่โยวหวาเต้า ต้องปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบที่สุด! ทว่า หากโดนจับได้จริงๆ ให้อ้างว่ามาสอดแนมสถานการณ์ของชิวซานกวนตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ ห้ามเอ่ยถึงเรื่องช่วยชีวิตคนเป็นอันขาด!”
บัดนี้เซียวรั่วไห่ และทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งรออยู่ที่ชิวซานกวน พวกเขาลอบติดตามรถม้าที่หลี่จือเจี๋ยใช้กุมขังไป๋ชิงอวิ๋นไปติดๆ
จากการเจรจาเมื่อครู่ ไป๋ชิงเหยียนรอจนแน่ใจแล้วว่าหลี่จือเจี๋ยไม่ต้องการใช้ไป๋ชิงอวิ๋นเป็นข้อต่อรองในการเจรจาครั้งนี้ หญิงสาวจึงสั่งเสิ่นชิงจู๋นำค่ายหู่อิงไปช่วยเหลือคนออกมา!
เสิ่นชิงจู๋ติดตามไปชิงเหยียนมานาน ทั้งสองรู้ใจกันเป็นอย่างดี เสิ่นชิงจู๋ทราบดีว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่ต้องรอให้หลี่จือเจี๋ยแสดงท่าทีที่แน่ชัดออกมาก่อนว่า “มือลอบสังหาร” ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จากนั้นค่อยลงมือสั่งการ เสิ่นชิงจู๋ย่อมไม่พาตัวคุณชายเก้ากลับไปยังโยวหวาเต้าเพื่อให้รัชทายาททราบว่าคุณชายเก้ายังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
การเคลื่อนไหวของค่ายหู่อิงต้องเป็นไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้น หากรัชทายาททราบความเคลื่อนไหวของค่ายหู่อิง คุณหนูใหญ่ต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เสิ่นชิงจู๋นำค่ายหู่อิงไปช่วยชีวิตคน เสิ่นเหลียงอวี้ย่อมทำตามคำสั่งของเสิ่นชิงจู๋ เขากำหมัดรับคำ คัดทหารยอดฝีมือจากค่ายหู่อิงออกมาจำนวนยี่สิบกว่าคน จากนั้นจากไปอย่างเงียบเชียบพร้อมกับเสิ่นชิงจู๋
เซียวรัวเจียงไม่ได้ตามเสิ่นชิงจู๋ไป เขาต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเสิ่นเหลียงอวี้ปกปิดเรื่องนี้ อีกอย่างข้างกายของไป๋ชิงเหยียนจำเป็นต้องมีคนที่ไว้ใจได้อยู่ ทว่า การช่วยเหลือคนมียอดฝีมือมากเท่าใดก็ยิ่งดี เขาจึงตัดสินใจมอบทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งครึ่งหนึ่งให้แก่เสิ่นชิงจู๋โดยพละการ จากนั้นสั่งให้คนขี่ม้าเร็วไปรับตัวหมอหงมาจากเมืองเฟิ่ง
คุณชายเก้าคือมือสังหารที่ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิของซีเหลียง เขาต้องโดนทรมานอย่างแน่นอน เวลานี้คงต้องการหมอเป็นอย่างมาก
หมอที่เซียวรั่วเจียงรู้จักในใต้หล้านี้ ไม่มีผู้ใดเก่งกาจไปกว่าหมอหงอีกแล้ว
ลู่เทียนจัวซุ่มสังเกตการณ์อยู่ทางทิศใต้ของค่ายทหารต้าจิ้นโดยลำพัง ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยว่าเสิ่นชิงจู๋และเสิ่นเหลียงอวี้ใช้ทางออกทางทิศเหนือมุ่งหน้าไปยังชิวซานกวนแล้ว
ลู่เทียนจัวมองดูกองไฟที่สว่างไสวในค่ายทหารต้าจิ้น หวนนึกถึงรูปร่างหน้าตาของนางกำนัลที่เพิ่งหายเข้าไปในค่ายทหารของต้าจิ้นอย่างละเอียด
สาวใช้ที่เดินทางมาพร้อมคณะทูตล้วนเป็นคนที่เขาคัดเลือกมาจากซีเหลียงทั้งสิ้น เขาเคยเห็นสาวใช้ผู้นั้น แน่ใจว่าสาวใช้ผู้นั้นคือคนที่เขาคัดเลือกมาเองกับมือ!
หรือว่า สาวใช้ผู้นั้นคือสายลับของต้าจิ้นที่แฝงกายอยู่ในซีเหลียงนานแล้ว ทว่า เหตุใดจู่ๆ นางจึงเสี่ยงอันตรายกลับมาที่ค่ายทหารของต้าจิ้นเช่นนี้เล่า แถมยังใช้วิธีลับๆ ล่อๆ เช่นนี้อีก มันไม่สมเหตุสมผลเลย…
ทันใดนั้น ดวงตาของลู่เทียนจัวไหววูบ หรือเป็นเพราะคุณชายตระกูลไป๋ที่ถูกพวกเขาจับเป็นไว้ได้!
ทว่า…เป็นไปได้หรือ! เหยียนอ๋องและเขาป้องกันอย่างเข้มงวด คุณชายตระกูลไป๋ผู้นั้นไม่ได้เดินทางมาพร้อมขบวนของพวกเขา ต่อให้สาวใช้ผู้นั้นเป็นสายลับ…นางก็ไม่น่ารู้เรื่องของคุณชายตระกูลไป๋ได้!
เพราะหลังจากที่คุณชายตระกูลไป๋ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิได้สำเร็จ เขาได้รับบาดเจ็บหนัก กระโดดจากกำแพงสูงลงไปในคูเมือง ทุกคนล้วนคิดว่ามือสังหารเสียชีวิตไปแล้ว ทว่า เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับบุตรชายคนที่สามของไป๋เวยถิงเป็นอย่างมาก เขาจึงลอบช่วยชีวิตมือสังหารนั่นไว้ ตั้งใจว่าจะใช้มือลอบสังหารผู้นั้นให้เป็นประโยชน์
เรื่องที่มือสังหารผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ นอกจากเขาและเหยียนอ๋องแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ทั้งสิ้น
ลู่เทียนจัวรู้สึกสับสนวุ่นวายใจมาก รู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ…แต่ก็ไม่รู้ว่าผิดปกติตรงที่ใดกันแน่
เขาควรจะให้เหยียนอ๋องส่งคนกลับไปคุ้มกันเผื่อมีคนบุกไปช่วยเหลือคุณชายตระกูลไป๋ผู้นั้นดีหรือไม่ ลู่เทียนจัวที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ท่ามกลางสายลมหลับตาลง สงบสติอารมณ์ของตัวเอง…
แค่พิจารณาจากการทำสงครามกับอวิ๋นพั่วสิงก็รู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนฉลาดและเจ้าแผนการมากเพียงใด หากนี่คือแผนการของไป๋ชิงเหยียนที่ต้องการหยั่งเชิงตำแหน่งที่อยู่ของคุณชายตระกูลไป๋เล่า!
ลู่เทียนจัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เช่นนั้นก็ควรส่งคนกลับไปคุ้มกันที่ชิวซานกวน ตรวจคนเข้าออกค่ายอย่างเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม
เมื่อคิดได้ดังนี้ ลู่เทียนจัวจึงกลับไปยังสถานที่เจรจาสงบศึก ลอบเข้าไปในกระโจมใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงถกเถียง กระซิบที่ข้างหูของหลี่จือเจี๋ย
หลี่จือเจี๋ยส่ายหน้าให้ลู่เทียนจัว ส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มนั่งลง
เมื่อเข้ามาในกระโจมแล้ว ต้าจิ้นคงไม่ปล่อยให้ลู่เทียนจัวจากไปง่ายๆ คงต้องรอให้การเจรจาครั้งนี้เสร็จสิ้นลงเสียก่อน
ลู่เทียนจัวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าพลางนั่งลงด้านหลังหลี่จือเจี๋ยอย่างเป็นระเบียบ
หลี่เทียนฟู่ไม่ได้มองลู่เทียนจัวแม้แต่น้อย หญิงสาวก้มหน้ามองดูผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง ช่วงเวลาเพียงไม่นาน หญิงสาวดื่มชาไปไม่รู้กี่ถ้วย ได้ยินเสียงทะเลาะเพียงไม่กี่ประโยคของขุนนางทั้งสองแคว้น ศีรษะของหญิงสาวแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
การเจรจาในครั้งนี้ จักรพรรดินีของซีเหลียงให้อำนาจในการตัดสินใจกับหลี่จือเจี๋ยอย่างเต็มที่ จักรพรรดินีกล่าวกับหลี่จือเจี๋ยว่าไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามทำสงครามอีกเด็ดขาด ขอแค่เงื่อนไขของต้าจิ้นเป็นเงื่อนไขที่หลี่จือเจี๋ยรับได้ เขาสามารถตัดสินใจแทนจักรพรรดินีได้เลย นี่คือสิ่งที่คณะทูตของซีเหลียงทุกคนต่างรับรู้ดี
สองแคว้นโต้เถียงกันจนถึงช่วงสุดท้าย ในที่สุดก็ตกลงกันได้
ดินแดนของซีเหลียงรวมถึงชิวซานกวน เมืองจงซาน เมืองไป๋หลง ทั้งหมดยี่สิบสามเมืองตกเป็นของแคว้นต้าจิ้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งที่ชิวซานกวนล้วนตกเป็นของแคว้นต้าจิ้น! ซีเหลียงชดใช้ค่าใช้จ่ายในการออกรบของกองทัพต้าจิ้นเป็นจำนวนสองเท่า อีกทั้งชดใช้ค่าทำขวัญให้แก่กองทัพต้าจิ้นที่สูญเสียไปด้วย ส่วนค่าทำขวัญของกองทัพไป๋ต้องชดใช้มากกว่าทหารธรรมดาสิบเท่า ที่สำคัญต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างหลุมศพของคุณชายสิบเจ็ดของตระกูลไป๋
เช่นนี้ซีเหลียงเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทว่า ซีเหลียงจะได้ไม่ต้องกังวลกับภัยนอกแคว้น มีเวลาจัดการกับความไม่สงบภายในแคว้นของตัวเอง จัดการกับพวกที่ไม่ยอมรับจักรพรรดินี…รวมถึงผู้ที่มีใจคิดกบฏทั้งหลายได้อย่างเต็มที่
ทั้งสองแคว้นลงนาม ประทับตรา
รัชทายาทได้สัญญาสงบศึกระหว่างสองแคว้นมาครอบครอง ใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม
“เช่นนี้ แคว้นทั้งสองก็ยุติสงคราม และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หวังว่าซีเหลียงจะแบ่งดินแดนทั้งยี่สิบดินแดนออกมาให้ต้าจิ้นอย่างเรียบร้อยก่อนที่เหยียนอ๋องและองค์หญิงของซีเหลียงจะเดินทางไปถึงเมืองหลวงของต้าจิ้น เราทั้งสองแคว้นจะได้เป็นพันธมิตรกันอย่างสบายใจ”
หลี่จือเจี๋ยเขาใจความหมายแฝงในถ้อยคำของรัชทายาท รัชทายาทกลัวว่าซีเหลียงจะกลับคำ หลี่จือเจี๋ยรู้สึกว่ารัชทายาทผู้นี้ใจแคบเกินไป ตอนนี้ภายในของซีเหลียงกำลังวุ่นวาย จะมีเวลามาวุ่นวายกับต้าจิ้นได้อย่างไรกัน
หากไม่ใช่เพราะแคว้นไม่สงบสุข ซีเหลียงจะเดินทางมาขอเจรจาสงบสุขเช่นนี้หรือ พวกเขาคงเปิดศึกไปนานแล้ว!
การเจรจาในครั้งนี้ เป็นเพราะต้าจิ้นที่แข็งแกร่งกว่าบีบให้ซีเหลียงที่อ่อนแอกว่ามาเจรจาสงบศึกก็เท่านั้น
ท้องฟ้าเหนือชิวซานกวนและโยวหวาเต้าเต็มไปด้วยดวงดาวและพระจันทร์ ลมหนาวยามค่ำคืนเย็นฉ่ำให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเดินออกมาจากกระโจม และสัมผัสโดน ทำให้คนรู้สึกสบายยิ่งนัก
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเสิ่นชิงจู๋ช่วยคนออกมาได้แล้วหรือไม่